Home, แจ้งลิงค์เสีย-ติชม-สอบถาม ตรงนี้เท่านั้น, ตั้งเวปเป็นหน้าแรก
กฎแห่งกรรม นิทานธรรมะ ภาพประกอบ กฏแห่งกรรม

[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]

วันหนึ่ง ขณะอยู่ที่สวนสาธารณะ หญิงคนหนึ่งนั่งลงข้างชายคนหนึ่งบนม้านั่งใกล้สนามเด็กเล่น ลูกชายของฉันอยู่ที่นั่นค่ะ เธอบอกและชี้ไปที่เด็กชายเล็กๆคนหนึ่งในเสื้อกันหนาวสีขาว ที่กำลังไถลลงจากไม้ลื่น

น่ารักน่าชังจริง ๆ ครับ ชายตอบพร้อมกับชี้ไปที่ชิงช้า ลูกชายผมใส่เสื้อสีเขียวครับ แล้วเขาก็ก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนที่จะตะโกนเรียกลูกชาย
“ลูกแก้วเราจะไปกันแล้ว”
แก้วอ้อนพ่อ “ แค่ห้านาทีครับพ่อ ห้านาทีเอง”
ชายคนนั้นพยักหน้าให้ลูกเล่นได้ต่อไปอย่างที่ต้องการ
ผ่านไปห้านาที พ่อยืนขึ้นและเรียกลูกชายอีกครั้ง “ได้เวลาไปรึยังลูก”
แก้วอ้อนอีกครั้ง “ห้านาทีครับ อีกห้านาที”
ชายคนเดิมยิ้มรับและพูดว่า “ตกลง”
หญิงคนนั้นพูดทันที “เหลือเชื่อจริงๆ คุณช่างเป็นพ่อที่อดทนจัง”

ชายคนนั้นพูดว่า กาย ลูกชายคนโตของผมถูกรถชนตายเมื่อปีที่แล้ว เหตุจากคนเมาแล้วขับ ผมไม่เคยใช้เวลากับกายมากนัก ตอนนี้ผมยินดีแลกกับทุกอย่างถ้าจะได้ใช้เวลาสักห้านาทีกับลูก ผมสาบานว่าผมจะไม่ทำผิดซ้ำสองอีก
“ลูกผมคิดว่าจะมีเวลาได้เล่นชิงช้าเพิ่มอีกห้านาที แต่ที่จริงแล้ว ผมต่างหากที่มีเวลาดูแกเล่นเพิ่มอีกห้านาที”

ที่มา : prajan.com


999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999


      ได้รวบรวม นิทานธรรมะ การ์ตูน กฎแห่งกรรม มาไว้เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน จะทะยอยนำมาลงไว้เรื่อย ๆ ตามโอกาสนะครับ

นิทานธรรมะ


หมอนวิเศษ
      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในประเทศจีนมีชายชาวนาคนหนึ่ง
ชื่อ "อาเฉิน" กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม ก็ได้มีพ่อค้าเร่คนหนึ่ง
เข้ามาทักทายเขาว่า "พ่อหนุ่ม ทำมาหากินเป็นอย่างไรบ้าง"

"ไม่ไหวเลยครับ ชีวิตของข้าอับจนสิ้นดี" อาเฉินตอบอย่างเศร้าสร้อย
"เจ้าไม่พอใจในวิถีชีวิตของตนเองดอกหรือ?" พ่อเฒ่าสอบถาม
"จะให้ข้าพอใจได้อย่างไรในเมื่อข้าต้องทำงานหนักทั้งวัน
ถ้าข้าได้เป็นเศรษฐี ข้าจึงจะพอใจ" อาเฉินกล่าว พ่อเฒ่านิ่งงันไม่พูดอะไร

ก่อนจากกันพ่อเฒ่าได้ยื่นห่อผ้าในมือให้อาเฉิน และพูดขึ้นว่า
"พ่อหนุ่ม ข้าต้องเดินทางไปหมู่บ้านข้างเคียง พรุ่งนี้เช้าจึงจะกลับ
เจ้าจะเก็บรักษาหมอนใบนี้ไว้ให้ข้าได้หรือไม่? หมอนใบนี้หนุนนอนสบายดี
เจ้าจะใช้หมอนใบนี้หนุนหัวในคืนนี้ก็ได้"
อาเฉินรับคำจะเก็บรักษาหมอนไว้ให้ ทั้งสองจึงแยกทางกัน

ในคืนนั้น อาเฉินใช้หมอนของพ่อเฒ่าหนุนนอน

เมื่ออาเฉินตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีแท่งเงิน แท่งทองเต็มไปหมด
"รวยแล้ว ในที่สุดเราก็รวยสมใจนึก" อาเฉินตะโกนสุดเสียงด้วยความดีใจ
"ข้าจะสร้างคฤหาสน์หลังงาม ข้าจะซื้อทุกอย่างที่ข้าต้องการ"

อีกไม่นานคฤหาสน์ของเขาก็สร้างเสร็จ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา
อาเฉินเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว เขาไม่ปราถนาจะลดตัวลงไปเสวนากับคนจน
ดังนั้นเขาจึงปิดคฤหาสน์อาศัยอยู่ในนั้นตามลำพัง
อยู่มาไม่นานอาเฉินก็เบื่อหน่าย "ขาดอะไรไปสักอย่าง? อ้อรู้แล้ว
สวนของข้าว่างเปล่านั่นเอง" เขาจึงสั่งให้คนงานหาดอกไม้หลากสีสัน
งดงามที่สุดเท่าที่จะหาได้ และไม้ใหญ่มาปลูกไว้ในสวน และขุดสระเลี้ยงปลา

แต่แล้ว อาเฉินยังรู้สึกเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว
"จะต้องขาดอะไรไปสักอย่าง อ้อรู้แล้ว บ้านหลังนี้เงียบเกินไป"
อาเฉินจึงว่าจ้างนักดนตรี นักรำมาขับกล่อมให้ความบันเทิง
แต่แล้วต่อมาไม่นาน อาเฉินก็รู้สึกเบื่อกับการร้องรำ เขาจึง
ไล่นักดนตรี นักรำออกจากบ้านไป อาเฉินรู้สึกเหงาหงอยอ้างว้าง
"อ้า...สิ่งที่ข้าต้องการคือ ภรรยาสักคน...ใช่แล้ว"

อาเฉินส่งคนรับใช้ไปป่าวประกาศกลางหมู่บ้านว่า หญิงใดที่ยังเป็นโสด
ขอให้มาชุมนุมที่หน้าคฤหาสน์ของเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อให้เขาเลือกเป็นภรรยา
แต่ ไม่มีหญิงใดโผล่หน้ามาให้เห็นในเช้าวันถัดมา อาเฉินรู้สึกแค้นเคืองฉุนเฉียว
"เฮอะ ชาวนาโง่เง่า ข้าไม่เห็นจะต้องการเลย อยู่คนเดียวก็ได้"

อยู่มาวันหนึ่ง อาเฉินตัดสินใจลงจากเขา อาเฉินนั่งเกี้ยวงดงาม
มีคนรับใช้สี่คนหาม มาดโอ่อ่าภูมิฐานยิ่งนัก แต่อาเฉินก็ต้องประหาดใจ
เมื่อผู้คนในหมู่บ้านไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย เมื่อเขาผ่านโรงเตี๊ยมเก่า
เขาได้ยินเสียงผู้คนทักทายกัน สลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะ เขามองเห็น
เพื่อนเก่าซดข้าวต้มร่วมกัน แม้คนเหล่านั้นจะยากไร้ แต่ก็มีความสุขยิ่ง

อาเฉินหวนกลับมายังคฤหาสน์อ้างว้าง นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นนาน
เขากลายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว แต่ก็ไม่มีความสุข ชีวิตแสนสบายแต่อ้างว้าง
อาเฉินอยากจะกลับไปเป็นชาวนาสามัญเช่นเดิม แล้วเขาก็เผลอหลับไป

เมื่ออาเฉินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องเก่าซอมซ่อ

ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม อาเฉินเพิ่งรู้ว่าตัวเองฝันไป เขาวิ่งออกจากกระท่อม
หัวเราะร่าด้วยความยินดี อาเฉินร้องทักทายชาวนาที่เดินผ่านบ้าน เหมือนกับ
เพื่อนรักที่หายหน้าไปนาน และพอถึงตอนสายของวันชายชราเจ้าของหมอน
ก็ได้มาหาอาเฉิน "เป็นอย่างไรพ่อหนุ่ม เมื่อคืนหลับฝันดีหรือไม่"

อาเฉินวิ่งกลับเข้าบ้าน หยิบเอาหมอนห่อผ้าให้เรียบร้อย ยื่นคืนให้เจ้าของ
"ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก ที่ให้ยืมหมอนวิเศษใบนี้
ข้าเพิ่งได้บทเรียนล้ำค่าของชีวิต...ไม่มีสุขใดใหญ่หลวงเกินไปกว่า
ความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่อีกแล้ว"

อาเฉินหยิบจอบขึ้นพาดบ่า เดินผิวปากออกจากบ้าน
มุ่งหน้าไปยังท้องนา พ่อเฒ่าอมยิ้ม และออกเดินทางต่อไป

999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999999


กฏแห่งกรรม


เวรกรรม ของเศรษฐี
      ในตลาดไม่มีใครเลยสักคนที่ไม่รู้จัก เถ้าแก่ " ตั๋ง " เพราะแกเป็นผู้บุกเบิกตลาดแห่งนี้เป็นคนแรก แกขายทุกอย่างที่จะขายได้ ตั้งแต่ กาแฟ ไข่ลวก บุหรี่ สุรา ไปจนถึง ปะยาง รถจักรยายยนต์ พอมีเงิน เก็บหอมรอมริบก็ซื้อที่ทางไว้

      กระทั้งเวลาผ่านไปไม่กี่ปี เถ้าแก่ตั๋ง ก็เป็นเจ้าของตลาดเต็มตัวมีแผงให้เช่าโดยไม่ต้องขายเหมือนก่อนหน้าที่แกก็คือเดินตรวจตลาด เก็บค่าเช่าอย่างชนิดไม่ขาดไม่เกิน

      " อั้วไม่ล่ายสร้างตลาด มาให้พวกลื้อติดค่าเช่าน้ะ ให้ลู้ซะล่วย " เป็นคำพูดที่เถ้าแกชอบพูดดัง ๆ เป็นการกึ่งประจานเวลาแผ่งไหนผลัดค่าเช่าแก

      ใคร ๆ ก็รู้จักเถ้าแก่ตั๋ง เพราะแกจะวางท่ายิ่งใหญ่ไม่รู้จักใคร หรือถ้าใครเดินเข้าตลาดแล้วไม่ซื้อของแกก็จะเดินไปด่าเขาทำตัวเป็นที่อิดระอาใจกับคนในตลาดนั้น ถ้าย้ายได้ก็ย้ายหนีไป ถ้าย้ายไม่ได้ก็ต้องทนรับสภาพไป

      หลายปีผ่านมา เถ้าแก่ตั๋ว ได้ขยายครอบครัวกลายเป็นตระกูลห้าฃพยางค์อันยิ่งใหญ่ขยายกิจการใหญ่โต ประกอบกับตัวเถ้าแก่เริ่มแก่ชราหน้าที่เก็บค่าเช่า และดูแลผลประโยชน์ก็ตกมาถึงลูกหลาน ที่เจริญรอยตามเถ้าแก่ ตั๋ง ขณะเดียวกันเมื่อลูกหลานเติบโต แบ่งแยกครอบครัวกันออกไป เถ้าแก่เคยมีอดีตอันยิ่งใหญ่ ก็เหมือนคนแก่คนหนึ่งภายในบ้าน ไม่ได้รับความสนใจจากลูกหลาน เรียกว่าถูกทอดทิ้งก็ว่าได้

      หลังจากมีการแบ่ง มรดก ให้ลูกหลานเป็นที่เรียบร้อย เถ้าแก่ตั๋ว ก็ถูกส่งไป บ้านพักคนชรา โดยลูกหลานปล่อยอย่างไม่ใยดี แม้ตัวแกจะห่วงตลาดเก่าที่สร้างมากับมือ แต่ร่างกายก็ซูบซีดผอมจนหนังหุ้มกระดูกหมดราศีความเป็นเถ้าแก่ ชีวิตต้องนั่งรถเข็นอย่างหมดสภาพ

      วันหนึ่งขณะที่ตลาดจอแจด้วยผู้คนไปมา ชายชราคนหนึ่ง สภาพมอมแมมไม่ต่างอะไรจาก ขอทาน เสื้อผ้าขาดวิ่น แขนขาลีบเรียว จนต้องนอนหมอบกับพื้นสกปรก ที่ตลาดแห่งนั้น แล้วเจ้าเด็กน้อย ๒ คนที่มองดูมองชายชราตามประสาเด็กพลางล้วงกระเป๋าหยิบเศษเหรียญสตางค์หย่อนลงกระป๋องแล้วพูดว่า

      " ตาออกไปขอทานที่อื่นเถอะเดี๋ยวเตี๋ยมาเห็นจะโดนไล่หรอก เตี๋ยบอกว่าเมื่อตอนก๋งอยู่ ก๋งไม่ชอบให้ขอทานมาอยู่ในตลาด "

      เจ้าเด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วโดยไม่รู้หรอกว่า ขอทานผู้นั้นคือ เถ้าแก่ตั๋วหรือก๋งคนที่แกพูดถึง และแกก็ยังห่วงตลาดที่แกสร้างมากับมือ

ที่มา //www.watkoh.com


ฟัง ธรรมะออนไลน์ คลิ๊กตรงนี้

[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]


Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 28 กันยายน 2552 9:26:47 น. 52 comments
Counter : 68540 Pageviews.

 
อืม...ดีครับ


โดย: bite25 (bite25 ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:13:46 น.  

 
อ่านแล้วอยากกลับไปอยู่บ้านเราจัง

คิดถึงพ่อกับแม่


โดย: varissaporn327 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:24:23 น.  

 
แวะมาเยี่ยม...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:41:53 น.  

 
Re เรื่อง ใจธาตุ

บล็อกใครเหรอ จะตามไปอ่านอ่ะค่ะ


โดย: varissaporn327 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:58:17 น.  

 
ยังดีนะคะ ที่เค้ายังมีลูกอีกคนนึง..



โดย: ผีกองกอย IP: 192.169.41.40 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:45:58 น.  

 
เมื่อผิดแล้ว ไม่แคล้ว เป็นเช่นครู
ต้องเรียนรู้ ดูแล และแก้ไข
มีสติ กำกับรู้ ดูเหตุใด
รวบรวมใจ ให้กล้าสู้ ดูผิดตน


มีสิ่งใด ให้ช่วย โปรดเอ่ยบอก
ไม่ว่าคืบ หรือศอก อย่าสับสน
อย่าเบือนหน้า หนีไป ให้วกวน
ทุกทุกคน พร้อมช่วยเหลือ จุนเจือ..กัน


โดย: Baby I love you IP: 71.85.241.153 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:08:18 น.  

 
โอ้ว ลึกซึ้งครับ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันนะครับ


โดย: Due_n วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:46:54 น.  

 
แวะมาอ่านข้อความดีดีค่ะ


โดย: ว่าน วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:37:31 น.  

 
ยังค่ะ ยังไม่(เคย)ได้ปลูกมะนาวแบบบ้านเรา(มะนาวที่นี่(lime)ไม่มีเมล็ดค่ะ) อยากปลูกมากค่ะ
แต่ตอนนี้ปลูกมะนาวเหลือง(lemon)ของที่นี่ (เพาะจากเมล็ด) ต้นยังสูงไม่เท่าหัวเข่าเลยค่ะ
ตอนนี้สองต้นอยู่ในบ้านเริ่มเหี่ยวเฉาเหมือนเจ้าของ(อยากกลับเมืองไทย)มันค่ะ

ส่วนมะขามหนะ...เมื่อสามปีที่แล้วเคยลองปลูกจากเมล็ด(มะขามหวาน)ช่วงหน้าร้อนนะคะ...
จากนั้นน้องต้นมะขาม(หวาน)น้อยเติบโตสูงเท่าฝ่ามือ
พอเข้าหน้าหนาวหอบหิ้วเอาน้องต้นมะขามน้อยเข้ามาไว้ในบ้าน...พอผ่านไปไม่นานนัก....น้องต้นมะขามน้อยคิดสั้น ลาจากจอร์เจียไปไม่ล่ำลาค่ะ



โดย: แม่น้องธัย วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:35:44 น.  

 
มาทักทายกันวันหยุดค่ะ

Image hosting by Photobucket


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:53:25 น.  

 
อ่านแล้วประทับใจจังค่ะ รู้สึกถึงความแท้จริงในชีวิตค่ะ คนเราถ้ามีมุมมองที่งดงามเช่นนี้ทุก ๆ คน โลกเราจะน่าอยู่มาก ๆค่ะ คือ มองในสิ่งที่ดี ๆ


โดย: แม่โกลเด้นฯ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:25:23 น.  

 




ทำใรอยู่ค่ะ
หนี่ฯอยากรู้ ค่ะ







โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:41:00 น.  

 
เป็นข้อคิดที่ดีมากค่ะ
ขอบคุณที่มาเยี่ยมน๋อาบิเกลนะคะ


โดย: Bee1st วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:42:48 น.  

 
ไม่บอก


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:24:47 น.  

 
อ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ... เสียเวลาอยู่กับเค๊าหน่อยไม่เป็นไรหรอก...ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ เป็นคติเตือนคนมาให้ได้อ่านกัน...ขอบคุณที่แวะไปที่บล๊อกน๊ะค่ะ


โดย: Katie Sunshine วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:05:15 น.  

 
พยายามให้เวลากับลูกมากๆเหมือนกันค่ะ
เวลาผ่านไปแล้ว เรียกกลับคืนไม่ได้


โดย: ปูขาเก เซมารู วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:17:19 น.  

 
ให้แง่คิดดีมากค่ะ ทำให้รู้ว่าครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราควรแบ่งเวลาให้กับเขาให้มาก เพราะไม่รู้ว่าเวลาทั้งของเขาและของเราจะเหลืออีกเท่าไร พ่อในเรื่องนี้น่ารักจังเลยนะคะ
ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องดี ๆ มาฝาก


โดย: ซออู้ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:30:58 น.  

 
อรุณสวัสดิ์เช้าวันอาทิตย์นะครับ


โดย: ปลายเทียน IP: 203.113.71.101 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:07:16 น.  

 

เวลาห้านาทีนั้น มีตังเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้..
เรื่องดีครับ


โดย: แวะมา (dharma ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:1:03:33 น.  

 
จะเสียใจมากถ้าไม่ได้เข้ามาอ่าน ขอบคุณครับที่หาสิ่งดีๆมาฝาก


โดย: hita วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:15:26:31 น.  

 
ทะเลใจ


โดย: 1203 IP: 222.123.41.61 วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:10:57:44 น.  

 
โอย ดีมากเลยครับ ดี

ครูสั่งให้ทำนิทานธรรมมะก็เอาจากนี้แหละ

อิอิ ขอก๊อบนะคับ 5555555+


โดย: พี่จิ IP: 124.120.73.231 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:40:52 น.  

 
ดีมากครับชอบ


โดย: นนท์ IP: 58.10.171.74 วันที่: 22 สิงหาคม 2550 เวลา:14:25:18 น.  

 


โดย: 124 IP: 125.27.3.151 วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:11:28:59 น.  

 
อ่านแล้วได้ความรู้ดีจัง ชอบๆๆๆๆ



โดย: สร้อยอินเดีย วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:1:55:01 น.  

 
ดีมากค่ะหนามเตยชอบแวะอ่านเยอะๆนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: หนามเตย IP: 125.27.123.65 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:10:47:35 น.  

 
oh ho




โดย: ping IP: 203.113.81.170 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:19:55 น.  

 
ขอบคุณนะคะ
-------------------
ที่ใช้เนื่อหาทำการบ้านได้
-------------------


โดย: ตาล IP: 202.133.139.64 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:10:35:07 น.  

 
เปนข้อความที่ให้ข้อคิดหลายๆด้าน ในการดำเนินชีวิตและต่อเพื่อนมนุษย์


โดย: แมวนะคะ IP: 117.47.26.182 วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:19:18:15 น.  

 
มีนิทานใหม่ไหม


โดย: ป๊อป ช.ร. IP: 125.25.20.114 วันที่: 4 มกราคม 2551 เวลา:9:39:35 น.  

 
lao ruk mai t sood nai lok


โดย: krittin IP: 125.27.165.156 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:20:25:08 น.  

 
อยากอ่านที่เป็นแบบหนังสือ จะมีหรือปล่าว♥♥


โดย: คนชอบธรรม IP: 222.123.142.75 วันที่: 23 มกราคม 2551 เวลา:18:11:36 น.  

 
ให้แง่คิดดีมากค่ะ


โดย: พริกป่น IP: 61.7.138.87 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:11:05:52 น.  

 
ดีมากชอบ


โดย: นัด IP: 203.172.147.190 วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:15:15:47 น.  

 

เราควรรักษานิทานเอาไว้


โดย: เจ้าหญิงเรือใบ IP: 203.113.81.7 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:08:09 น.  

 
เดินดินกินดาวละกราวฟ้า
ขออย่ามาดนใจให้ใครหวัง
แม้มีหน้าใสใสใจระกรรม
ขออย่าคว้าความเลวมาอีกเลย


โดย: ไหม IP: 203.156.26.237 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:12:28 น.  

 




โดย: กฏแห่งกรรม IP: 117.47.193.11 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:17:27 น.  

 
นิทานให้ข้อคิดดีมากค่ะ นำไปใช้ประโยชน์ได้


โดย: ต๋อย IP: 125.26.78.73 วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:20:26:30 น.  

 
น่าเศร้าจังยากรู้จิงว่าในโลกนี้จะมีเหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้นกับใครบางคนรึเปล่า


โดย: เเพรว IP: 124.157.147.238 วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:27:17 น.  

 
ชอบ


โดย: น่ารัก IP: 124.121.163.115 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:12:51 น.  

 


โดย: TanJa IP: 125.25.104.30 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:53:26 น.  

 
อ่านแล้ว รักบ้านจัง
ไม่มีที่ใดสุขด้วยอุ่นไอรัก เท่าที่บ้านของเราเอง


โดย: hatthaya IP: 203.113.108.27 วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:00:47 น.  

 
อ่านแล้ว รักบ้านจัง
ไม่มีที่ใดสุขด้วยอุ่นไอรัก เท่าที่บ้านของเราเอง


โดย: hatthaya IP: 203.113.108.27 วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:16:22 น.  

 
ความดีและความชั่ว มันจะอยู่กับเราตลอด สติจะเป็นตัวแปรต่อการกระทำของเรา ไม่มีนิยามที่แน่นอน เหตุการณ์ที่แน่นอน คำตอบที่แน่นอน เพราะคนมีความแตกต่างกันในสติ เรื่องเล่ามักจะซ่อนเจตนาของผู้เล่า เพื่อตลก คติธรรม กรรมสนองกรรม เพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ หรืออื่นๆอีกมากมาย

คนดีเป็นยากก็ยาก ง่ายก็ง่าย
เหมือนคนชั่ว จะว่าเป็นง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก



โดย: ก้อนดิน IP: 124.120.100.55 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:14:04:40 น.  

 
ดีค่ะ ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: *-* IP: 61.7.131.235 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:15:29:00 น.  

 
เซง


โดย: เซง IP: 202.57.173.131 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:04:38 น.  

 
ดีคับ อ่านแล้ว ทำให้สบายใจ


โดย: nopita IP: 202.149.25.233 วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:22:45:03 น.  

 
มีข้อคิดดีคะ


โดย: แพรว IP: 124.120.158.68 วันที่: 23 กันยายน 2551 เวลา:12:07:22 น.  

 
หวัดดี********


โดย: A IP: 203.172.164.197 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:10:07:00 น.  

 
พ่อแม่เป็นต้นแบบของลูก..เราทำตัวอย่างไรเขาก็จะเลียนแบบ


โดย: อร...จ้า IP: 125.26.73.111 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:12:04 น.  

 
ก็ดีค่ะแต่ยาวนิดหนึ่งอยากให้สั้นกว่างั้นใครมีนิทานธรรมะก็มาบอกด้วนน่ะค่ะ


โดย: ...บังบอก...บังเอิญผ่านมา IP: 112.142.127.49 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:13:42:17 น.  

 
ดีมากๆเลยแต่มีข้อเสียอยู่1อย่างคือมันยาวมากๆแต่ถ้าใครมีนิทานธรรมะแบบสั้นๆก็บอกด้วยนะค่ะ


โดย: น้องกัญค่ะ IP: 112.142.127.49 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:13:47:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ต่อตระกูล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
3 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ต่อตระกูล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.