รถสองแถวแดง คู่เมืองเชียงใหม่ จะเดินทางไปไหนมาไหน สะดวกมากเลย ไม่ยากเลย 20 บาทตลอดสาย กลุ่มนักท่องเที่ยวงบประหยัด นักศึกษา หรือ Bacpacker นิยมรถแดงมาก ค่ารถแดง วิ่งในเมือง คิดเที่ยวละ 20 บาท/คน ไม่เหมานะ มีเทคนิคว่า ต้องเรียกแล้วถามเค้าก่อนว่า ไปไหน เขาผ่านหรือเปล่า ถ้าเขาไป ก็บอกเขาเลยว่า 20 บาท ใช่ไหม เพราะ 20 บาทคือราคามาตรฐาน ทุกรายก็จะพยักหน้า ถ้าไม่ใช่ เราก็ไม่ไป แต่ต้องเป็นในพื้นที่ ไม่ออกนอกตัวเมือง ไม่ออกข้ามแม่น้ำแม่ปิง หรือ ไม่ออกเลยไปเลียบคลองประปา ไปไกลนะครับ อยู่แถวตัวเมือง หน้ามอ หลังมอ 20 บาทหมด
ค่ารถแดง ไปอาเขต หรือสถานีขนส่ง ขาไป จะแพงกว่า ขากลับ เรียกขาไป ที่ 40 บาทต่อหัว หรือรีบหน่อย 50 บาท ต่อหัว ก็ให้ไปเหอะ เพราะระยะทางมันใกล นี่เรียกจากแถวกาดสวนแก้วนะ แต่ถ้าขากลับ คือจากอาเขต มาตัวเมือง ถ้าเราเรียกจากที่นั่น จะได้ราคาประมาณ 30 บาท/หัว ได้แน่ อันนี้ คนขับรถแดง เป็นคนให้ข้อมูลกับเราเอง และก็เดินทางเสียมาแล้วในอัตรานี้ทั้งหมด ขากลับที่ได้ราคานี้เพราะรถเขาจะมีคนโดยสารระหว่างทางกลับด้วยแน่ๆ แต่ถ้าไปสนามบินแนะนำว่าเหมารถตุ๊กตุ๊กวิ่งไปเลยราคาแล้วแต่ต่อรองประมาณ 1xx จ๊ะ
วัดมหาวันวัดไทยสไตล์พม่าที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดในเชียงใหม่ ท่านสามารถเข้าชมและแวะนมัสการพระเจ้าโตได้ที่วัดนี้ นอกจากนั้นท่านยังจะสามารถชมความงดงามของศิลปกรรมแบบพม่าที่มีอยู่มากมายภายในวัด เช่นที่ซุ้มประตูทั้ง 4 ซุ้ม วัดนี้หาไม่ยากตั้งอยู่บนถนนท่าแพก่อนถึงข่วงประตูท่าแพทางด้านซ้ายมือ 200 เมตร.
ปัจจุบันวัดมหาวันตั้งอยู่บนถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ 3 งาน
วัดมหาวัน Wat Maha Wan เมืองเชียงใหม่ วัดมหาวันเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเชียงใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของคนเชียงใหม่ในสมัยก่อน มีตำนานเกี่ยวกับการสร้างวัดมหาวันว่า เป็นวัดที่สร้างในสมัยของพระเจ้ากาวิละเมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชคืน หลังจากที่เชียงใหม่ตกเมืองเมืองขึ้นของพม่ามายาวนานถึง 200 ปี วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2338 หลังจากที่สร้างวัดแล้ว พระองค์ได้ทรงปรับปรุงการปกครองบ้านเมืองและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปพร้อม ๆ กัน เมื่อถึงจุลศักราช 1168 (พ.ศ.2386)ได้มีการประชุมพระสังฆเจ้าขึ้นที่วัดเชียงมั่น ซึ่งมีพระสงฆ์จากวัดต่าง ๆ ทั้งนอกเขตกำแพงเมืองและวัดที่อยู่ในเขตกำแพงเมืองเข้าร่วมประชุม ในครั้งนั้นก็มีครูบาเจ้าจากวัดมหาวันไปร่วมประชุมด้วย
วัดมหาวัน วัดของคนเมืองที่ชาวพม่าบูรณะดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่มากทีเดียว เพราะแต่ละวันนักท่องเที่ยงเหล่านี้จะเข้ามาถ่ายรูปศิลปกรรมพม่าที่ปรากฏอยู่ในวัด
ไม้ค้ำสะหลี(ไม้ค้ำสรีมหาโพธิ์) ประวัติควาเป็นมาขอไม้ค้ำสะหลี หรือ ไม้ค้ำโพธิ์ มีเรืองเล่าว่าสมัยเมื่อ ครูบาปุ๊ด หรือ ครูบาพุทธิมาวังโส เจ้าอาวาสองค์ที่ 14 วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร นั้น ยามเดือนแปดเหนือ (เดือนพฤษภาคม) พ.ศ.๒๓๑๔ ได้เกิดลมพายุใหญ่พัดเอากิ่งไม้สะหลี (ต้นโพธิ์) ภายในวัดหักลงมา รุ่งเช้าครูบาจึงให้พระภิกษุ สามเณร และ เด็กวัดช่วยกันเก็บกวาดกิ่งไม้หักไปไว้นอกวัด ยามนั้นครูบาพุทธิมาวังโส หรือ ครูบาปุ๊ด เจ้าอาวาสให้นึกตกใจกลัวยิ่งนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่สมัย เจ้าอาวาสองค์ก่อนๆมี่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเลย ครูบาปุ๊ดคิดอย่างนั้นทำให้เครียดหนักขึ้นตกตอนกลางคืน ครูบาปุ๊ดเข้าจำวัด และ ก็เกิดนิมิตขึ้นว่า มีเทวดามาบอกว่าที่เกิดเหตุอาเพศลมพัดกิ่งไม้สะหลีหัก นั้น เป็น เพราะ ครูบาปุ๊ด ไม่ได้ตั้งใจปฎิบัติธรรมโดยเคร่งครัด จวบจนล่วงเวลาได้ ๒ เดือนก็ได้บรรลุธรรม อภิญญาณ สารถย่นย่อแผ่นดินได้ โดยีเร่องเล่าว่า ครูบาปุ๊ดไปบิณฑบาตรที่อำเภอแม่แจ่ม แล้วกลับมา ฉันข้าวทีวัด พระธาตุศรีจอมทองวรวิหารในเช้าวันนั้นเอง (โดยมีพยานหลักฐานเป็นเรืองเล่า มีพ่อค้าวัวต่าง ชาวแม่แจ่ม
ประเพณีแห่ไม้ค้ำสะหลี หรือ ประเพณีปี๋ใหม่เมือ หรือ ประเพณีวันสงกรานต์ ถือเป็นวันทำบุญ ครั้งใหญ่ของชาวล้านนาการทำบุญที่วัด และให้บรรดาญาติผู้ใหญ่ตลอดจนถึงบรรพชนที่ลุล่วงลับดับขันธ์ไปนอกจากนี้ ครูบาปุ๊ดยังได้อบรมสั่งสอนให้ชาวบ้าน ถึง กุศโลบายการจัดประเพณีนี้โดยได้อานิสงค์หลายอย่าง
องค์เจดีย์กลางวัด แต่เดิม เจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยล้านนาเรืองอำนาจเมื่อราวจุลศักราช 1251
ต่อมาเมื่อศิลปะแบบพม่าเข้ามามีอิทธิพลในเชียงใหม่ ทางการจึงได้สร้างเจดีย์แบบพม่าขึ้นใหม่ เป็นเจีดย์ทรงสี่เหลี่ยมครอบเจดีย์องค์เดิมไว้
สิ่งที่เรียกว่าสามารถดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาภายในวัดได้มากก็คือ พระเจ้าโต หรือ วิหารหลวง ที่ภายในประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "พระเจ้าโต"
เมื่อเดินเข้ามาในวัดจะสังเกตุเห็นพระอุโบสถเก่าแก่ ด้านหน้ามีลวดลายปูนปั้นฝีมือของช่างชาวล้านนาที่ประดิษฐ์ลวดลายได้อย่างวิจิตรบรรจง ประตูไม้ด้านหน้าของพระอุโบสถแกะสลักลวดลายพุทธประวัติ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธานปางสมาธิ สันนิษฐานว่าพระพุทธรูปประธานนี้คงเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาผสมเชียงแสน เพราะไม่ว่าจะมองทางด้านไหนก็คล้ายกับพระสิงห์ เพียงแต่ว่าพระประธานของวัดมหาวันมีขนาดองค์เล็กกว่าพระสิงห์จากวัดพระสิงหวรมหาวิหารเท่านั้น
พระเจ้าโต เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลปกรรมแบบพม่า ตามประวัติกล่าวว่า สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของคหบดีชาวพม่าที่ชื่อ พ่อเลี้ยงหม่องปึ๊ด ซึ่งเป็นชาวพม่าที่เข้ามาทำสัมปทานไม้สักในภาคเหนือจากบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า ภายหลังจากที่พ่อเลี้ยงหม่องปึ๊ดได้แต่งงานกับนางคำหอม ซึ่งเป็นลูกสาวของนายตุ้ยและนางปั๋น ชาวเชียงใหม่ซึ่งเป็นศรัทธาของวักมหาวัน จนเมื่อกิจการการทำไม้ของพ่อเลี้ยงปึ๊ดหม่องเจริญรุ่งเรืองขึ้น ท่านจึงได้สร้างวิหารหลวงและพระเจ้าโต ตลอดจนได้ทำการบูรณะซ่อมแซมกำแพงซุ้มประดับตลอดจนรูปปั้นต่าง ๆ ในแบบศิลปกรรมพม่าเมื่อปี พ.ศ.2349 ว่ากันว่าพระเจ้าโตของวัดมหาวันนี้มีอายุเกือบ 200 ปีทีเดียว
เมื่อสังเกตุจากด้านนอกของวัดจะมีกำแพงล้อมทั้งสี่ด้าน โดยเฉพาะทางแนวกำแพงทางด้านหน้าของวัดจะมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปแบบพม่าอยู่ 4 ซุ้ม มีสิงห์คู่อยู่ด้านหน้าประจำแต่ละซุ้ม ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของวัดมหาวัน
วัดมหาวันวัดไทยสไตล์พม่าที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดในเชียงใหม่ ท่านสามารถเข้าชมและแวะนมัสการพระเจ้าโตได้ที่วัดนี้ นอกจากนั้นท่านยังจะสามารถชมความงดงามของศิลปกรรมแบบพม่าที่มีอยู่มากมายภายในวัด เช่นที่ซุ้มประตูทั้ง 4 ซุ้ม วัดนี้หาไม่ยากตั้งอยู่บนถนนท่าแพก่อนถึงข่วงประตูท่าแพทางด้านซ้ายมือ 200 เมตร.
เอาล่ะหลังจากพามาสัมผัสบรรยากาศ มาไหว้พระกันแล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประตูท่าแพเลย ใครเคยพักแถวนั้นคงทราบดี
มีวัดอยู่แถวบริเวณนั้นเพียบเลย พอๆ กับร้านเซเว่นเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาโม้ให้ฟังกันต่อ
เพื่อนๆ ท่านไหนมีข้อมูลแนะนำที่เป็นประโยชน์ยินดีเลย เสริมแติมแต่งได้เลย เราเองก็ไม่ค่อยจะชินกับวัฒนธรรมของล้านนาสักเท่าไหร่
ไปเที่ยวมาก็เลยอยากเอามาเหลาให้ฟัง แต่อยู่แถวเชียงใหม่รู้สึกได้เลยว่าอากาศดีนะ ประเพณีวัฒนธรรมสวยงาม ต้องลองมาสัมผัสกันดู
Create Date : 26 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2554 9:09:10 น. |
|
13 comments
|
Counter : 4574 Pageviews. |
|
ก่อนเที่ยววัดมหาวันต้องขึนรถแดงจากอาเขตก่อน
หารู้ไม่ว่า รินซ่าเคยเหมารถแดงจากอาเขตไปยัง
โรงแรม เชียงใหม่ภูคำ คิด 200 บาทแหน่ะ นี่เป็นราคาตอนสมัยน้ำมันดีเซล 13 บาทนะท่าน
มันแพงมากกกกกกกกกกกกก
ประสบการณ์การนั่งสองแถวในเชียงใหม่มีอีกเพียบ
ถึงขั้นนั่งไป ลำพูนอีก ผลคือ หลงทาง 555
จอด!!!!!! นู๋จะลงวัดมหาวัน รึพาหลงอีกเรอะ
เข้าวัดตามตรูดเจ้าของบล็อก เอาร่มอีกหน่อย ฟ้าสว่างสวยมาก
น่าไปวิ่งเล่น
หลังจากประตุท่าแพ เข้ามาวัดมหาวัน
บล้อกหน้า วัดมหาวงศ์ป่าวท่าน วันพระสิงห์ ฯลฯ อีกเพียบ
คาดว่าหลงอยู่เชียงใหม่อีกหลายบล็อก
ปล. ว่าแต่รินเมนูบูด ๆ ก็ตาม ท่านเหอะ ไปเที่ยวทีไร ไม่เห็นมีของกินเลย
แค๊ปหมูเจียงใหม่ กินบ้างป่าว