|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
พระพุทธรูปนาคปรก
พระพุทธรูปนาคปรก จากพระราชวังสนามจันทร์ วิษัยนครบายน ที่สาบสูญไปจากนครปฐม “...ในสมัยรัชกาลที่ 4 ยังคงมีแนวเขตเมืองโบราณเพียงแห่งเดียวในขณะนั้นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ตรงบริเวณที่เป็นที่ตั้งของ “พระราชวังสนามจันทร์” (สระน้ำจันทร์) ในปัจจุบัน มีขนาดเล็กกว่าแนวเขตเมืองโบราณที่เพิ่งสำรวจพบใหม่ (เมืองรูปวงกลม) ในภายหลัง พระราชพงศาวดารในรัชกาลที่ 4 ได้ให้รายละเอียดที่น่าสนใจหลายประการ ซึ่งอาจทำให้เราสามารถตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า บริเวณเดียวกันนี้เคยเป็นที่ตั้งของพระราชวังเดิมของกษัตริย์แห่งเมืองนครไชยศรีมาก่อน ...ในช่วงแรกของการบูรณะพระปฐมเจดีย์นั้น ยังคงมีผู้พบเห็นซากปรักหักพังของเจดีย์และวัดโบราณจำนวนมาก อย่างที่ว่า “ติดเนื่องกันไปไม่ขาดระยะยิ่งกว่ากรุงเก่า” รวมทั้งซากพระราชวังเดิม ที่อยู่ห่างจากพระปฐมเจดีย์ไปทางตะวันตกประมาณ 30 เส้น (ราว 1,200 เมตร) หลักฐานการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยืนยันว่าเป็นบริเวณเดียวกันกับพื้นที่ ที่เห็นแนวกำแพงดินชัดเจน กำแพงดินที่มีแผนผังคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดความกว้างวัดจากแต่ละด้าน ประมาณ 1,100 * 900 เมตร ซึ่งก็คือบริเวณที่เรียกว่า “สนามจันทร์” นั่นเอง ภายในบริเวณดังกล่าวยังมีซากโบราณสถานหลงเหลืออยู่ อาทิ ฐานปราสาทและท้องพระโรง โบสถ์พราหมณ์ สระน้ำ กำแพงชั้นในและชั้นนอก... ...แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าซากโบราณสถานเหล่านี้ได้เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา รวมทั้งยังได้ถูกรื้อทำลายจนสูญหายไปหมดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เนื่องจากพวกจีนไปตั้งที่ดินทำไร่ ...ขยายพื้นที่เพาะปลูก แต่ความเสียหายก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ...เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้ตัดสินพระทัยก่อสร้างพระราชวังสนามจันทร์ขึ้นในบริเวณเดียวกัน ... ...สนามจันทร์ที่อาจเคยเป็น “พระราชวังเดิมของกษัตริย์แห่งนครไชยศิริ” (? ตามตำนาน) นั้น ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่บอกได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยใด....เป็นไปได้หรือไม่ที่แนวเมืองโบราณที่ไม่ชัดเจนสม่ำเสมอ ...ที่มีร่องรอยขงสระน้ำโบราณ ...จะเคยเป็นที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างโบราณอย่างใดอย่างหนึ่งในอดีตมาก่อน... ...พงศาวดารรัชกาลที่ 4 ให้รายละเอียดว่า ในการขุดสำรวจพื้นที่รอบพระปฐมเจดีย์ ได้มีการพบพระพุทธรูปอีกจำหนวนหนึ่งในจอมปลวกใหญ่ใกล้กับหมู่กุฏิสงฆ์ จึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ในวัด พระพุทธรูปที่พบนั้นมีลักษณะตามแบบศิลปะเขมรแบบบายน ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง เนื่องจากเป็นหลักฐานสนับสนุนข้อสันนิษฐานที่ว่าที่ตั้งของเมืองนครปฐมโบราณ ยังคงมีความสำคัญอยู่มากในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 การสร้างพระเจดีย์ ได้มีการซื้ออิฐที่มีผู้รื้อมาจากวัดเก่า ๆ ในละแวก นำมาขาย ซึ่งได้ทำลายโบราณสถานหลายแห่ง นอกเหนือจากอิฐที่ไปขุดเอาจากโบราณสถานแล้ว ยังมีการสั่งเผาอิฐเพิ่มเติมอีก ...มีการจ้างกลุ่มชาวมอญ ที่อพยพมาจากพม่า รวมทั้งใช้แรงงานทาส จ้างแรงงานชาวจีนให้มาเผาอิฐและก่ออิฐ.... ในปี 2403...การก่อสร้างพระปฐมเจดีย์หยุดชะงัก ด้วยเพราะพังทลาย เลือนทรุดลงมาจากเหตุพายุมรสุม ....จึงได้มีการเปลี่ยนจากการสร้างทับของโบราณเดิม มาเป็นครอบทับทั้งองค์โดยไม่มีส่วนใดยึดติดกับตัวเจดีย์เก่า ได้มีการปรับดินใหม่ โดยการขุดนำดินจากที่อื่นมาถม ...” ( เก็บความจาก ฌ็อง บวสเซอลิเยร์: การก่อสร้างปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ 2521 – เพ็ญศิริ เจริญพจน์ (แปล) 2552) -------------------------------- ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 18 เมื่ออิทธิพลทางการเมืองของจักรวรรดิบายนในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ขยายออกมายังดินแดนลุ่มแม่น้ำท่าจีน คงได้เข้าครอบครองเมืองนครปฐมโบราณและได้สร้างเมืองที่มีกำแพงดินแผนผังสี่เหลี่ยมคางหมู (ตามที่เอกสารของ ฌ็อง บวสเซอลิเยร์ ระบุขนาดไว้) ทางตะวันตกของเมืองรูปวงกลม ซ้อนทับบนซากอาคารที่อาจเคยเป็นวัดหรือพระสถูปเจดีย์ในสมัยวัฒนธรรมทวารวดี มีขนาดเท่ากับเมืองโบราณสระโกสินารายณ์ที่มีความกว้างยาวประมาณ 1*1 กิโลเมตร มีปราสาทก่อศิลาแลงที่เรียกว่า “จอมปราสาท” อยู่กึ่งกลาง ในเขตอำเภอบ้านโป่งจังหวัดราชบุรี เมืองโบราณยุคบายนที่พระราชวังสนามจันทร์ จึงอาจเคยมีชื่อนามใดชื่อนามหนึ่งดังที่ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์ (K.908) จำนวน 23 ตำบล ที่กล่าวว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ทรงสร้างพระรัตนตรายา ชยพุทธมหานาถ (Ratnatraya – Jayabuddhamahánáthas) มาประดิษฐาน อย่างเมืองโกสินารายณ์ ที่อาจคือชื่อนาม ศัมพูกปัฏฏนะ เมืองสุโขทัย ที่อาจมีขื่อนามว่า ศรีชยเกษมบุรี ลพบุรีคือละโว้ทยปุระ สุพรรณภูมิคือสุวรรณปุระ ราชบุรีคือชยราชบุรี ปราสาทเมืองสิงห์คือศรีชยสิงหบุรี และเมืองเพชรบุรีคือศรีชยวัชรบุรี เมืองโบราณบายนที่พระราชวังสนามจันทร์ คงได้ถูกรื้อทำลายไปจนหมด เช่นเดียวกับเมืองโบราณบายนที่สระโกสินารายณ์ ทั้งเหตุจากในช่วงแรกของการบุกเบิกที่ดินโดยชาวจีนเพื่อทำการเกษตร ช่วงการสร้างพระปฐมเจดีย์ ที่มีการรื้ออิฐไปขาย ขุดดินไปถมฐานและการขุดดินนำมาเผาอิฐจำนวนมากนำไปใช้ในการก่อสร้างพระปฐมเจดีย์ทรงระฆังใหญ่ รวมทั้งการสร้างพระราชวังสนามจันทร์ขึ้นใหม่ตรงบริเวณที่เรียกว่า “เนินปราสาท” พระพุทธรูปนาคปรก (Buddha Sheltered by a Naga) ที่พบจากพระราชวังสนามจันทร์ (ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน ใกล้กับอุโบสถทางตะวันออกของตัวพระเจดีย์ใหญ่) มีพุทธลักษณะตามแบบ “พระรัตนตรายา ชยพุทธมหานาถ” ในงานศิลปะนิยมแบบบายน เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งสมาธิประทับนั่งบนขนดนาค 3 ชั้น มีนาคปรก 7 เศียรแผ่พังพาน พระพักตร์ยิ้มแบบบายน มวยพระเกศาขมวดเป็นเม็ดพระศก ขีดเป็นตารางต่อเป็นแนวตรงขึ้นไป มีอุษณีษะ (พระเกตุมาลา) มัดมวยผมรัดเกล้า 3 ชั้น แต่ละชั้นประดับด้วยกลีบบัวซ้อนขึ้นไป สุดปลายที่ดอกบัวตูมตรงส่วนยอด ไม่มีเครื่องประดับทั้งกรอศอ พาหุรัด แต่จะประดับกุณฑลที่ติ่งพระกรรณ นอกจากพระพุทธรูปนาคปรกตามแบบชยพุทธมหานาถแล้ว ยังได้มีการพบพระพุทธรูปนาคปรกในความหมายของ “พระอาทิพุทธะ – มหาไวโรจนะ” (Ādi - Mahāvairocana) สวมมงกุฎศิราภรณ์ทรงเทริดแบบราชา ตามคติวัชรยานในงานศิลปะแบบศิลปะบายน (พระยาศิริชัยบุรินทร์ (ปลัดเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรี) มอบให้จัดแสดงอยู่ในพระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน) เศียรพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระพุทธรูปนาคปรกและชิ้นส่วนแตกหักที่ขุดพบจากจอมปลวกใหญ่ใกล้กับหมู่กุฏิสงฆ์ (ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน) ปูนปั้นรูปบุคคลประดับศาสนสถาน ในงานศิลปะบายน จากเจดีย์จุลประโทน (เก็บรักษาในห้องคลังของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์) รวมทั้งฐานรูปเคารพ “สนานโทรณี” หินทราย ตามขนบแบบบายน ที่ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ก็ล้วนแต่ได้ช่วยยืนยันร่องรอยหลักฐานของเมืองโบราณบายน ที่สูญหายไปจากพระราชวังสนามจันทร์ครับ เครดิต :FB วรณัย พงศาชลากร EJeab Academy
Create Date : 01 ตุลาคม 2563 |
Last Update : 23 มีนาคม 2564 15:44:16 น. |
|
2 comments
|
Counter : 762 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|
A giver is always be love. _/|\_