พระนามของพระพุทธเจ้า..จากมหาเวสสันดรชาดก ภุมวารสิริสวัสดิ์มานมนัสโชติที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ ค่ะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส องค์พระนิพนธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ทศพรและหิมพานต์มีพระนามที่เรียก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ๑. สมเด็จพระสรรเพชญ๒. พระศาสดาจารย์๓. พระศาสดา๔. สมเด็จพระบรมศรีสุคต๕. พระบรมโลกนาถศาสดา๖. สมเด็จพระศรีสรรเพชญ๗. สมเด็จพระโลกเซษฐ์๘. สมเด็จพระสิทธัตถะ๙. สมเด็จพระบรมศาสดา๑๐.สมเด็จพระผู้ทรงบุญสิริ๑๑.สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า๑๒.สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์๑๓.พระบรมศาสดา๑๔.สมเด็จพระมหากรุณาธิคุณเจ้า๑๕.สมเด็จพระชินศรีสัพพัญญู๑๖.สมเด็จพระศาสดา๑๗.หน่อพุทธางกูร๑๘.พระโพธิสัตว์๑๙.หน่อพระศาสดา๒๐.พระบรมพุทธพงศ์โพธิญาณ๒๑.พระชินศรีโมลีโลก๒๒.สมเด็จพระบรมนราพิสุทธิ์พุทธางกูร๒๓.พระบรมราชพุทธพงศ์ผู้ทรงญาณ๒๔.สมเด็จพระบรมราชรวิวงศ์พงศ์พุทธางกูรเกษกษัตริย์๒๕.สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์๒๖.พระสร้อยสรรเพชญโพธิญาณพระอรหันต์ประมาณห้าร้อยพระองค์ ที่มาประชุม ณ นิโครธารามวิหารบรมพุทธาวาส แต่ล้วนทรงพระปฏิสัมภิทาพระปฏิสัมภิทา หมายถึง ปัญญาที่แตกฉาน ๔ คือ๑. อรรถปฏิสัมภิทา ปัญญาที่แตกฉานในอรรถหรือผล๒. ธรรมปฏิสัมภิทา ปัญญาที่แตกฉานในธรรมหรือเหตุ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาที่แตกฉานในนิรุตติ ได้แก่ภาษา๔ .ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาที่แตกฉานในปฏิภาณ คือไหวพริบปฏิสัมภิทานี้ เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์บางรูปพระศาสดาจารย์ ได้ตรัสแด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณยอดธรรมวิเศษพระองค์จึ่งตรัสเทศนาพระธรรมจักกัปวัตนสูตร โปรดเบญจวัคคีย์ คือ๑. พระอัญญาโกณฑัญญะ๒. พระวัปปะ๓. พระภัททิยะ๔. พระมหานามะ๕. พระอัสสชิเมือ่พระพุทธองค์ จะทรงแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา และพระประยูรญาติวงศ์ศากยราชนั้นทรงทราบพระอัชฌาศัยพระบรมญาติทุกพระองค์ ซึ่งยึดว่าทรงมีพระชนม์แก่กว่าพระพุทธองค์ ไม่ยอมยกมือไหว้ จึงจะทรมานพระประยูรญาติให้ปราศจากมานะทิฐิ พระพุทธองค์ก็เข้าสู่พระจตุตถฌาน คือฌานที่ ๔ มีอภิญญาณ เป็นที่ตั้งฌาน หมายถึง ความเพ่งอารมณ์ มี ๔ ชั้น คือ๑. ปฐมฌาน มีองค์ ๕ คือ วิตก (ตรึก) วิจาร (ตรอง) ปีติ (อิ่มใจ) สุข เอกัคคตา (ความมีอารมณ์อันเดียว)๒. ทุติยฌาน มีองค์ ๓ คือ ปีติ สุข เอกัคคตา๓. ตติยฌาน มีองค์ ๒ คือ สุข เอกัคคตา๔. จตุตถฌาน มีองค์ ๒ คือ เอกัคคตา อุเบกขา (ความวางเฉย)อภิญญาณ (อภิญญา) หมายถึง ความรู้วิเศษ ซึ่งเป็นทางพระนิพพาน ๖ คือ๑. อิทธิวิธี ทำฤทธิ์ได้ต่างๆ๒. ทิพพโสต หูทิพย์๓. เจโตปริยญาณ กำหนดรู้จิตของผู้อื่นได้๔. บุพเพนิวาสานุสสติ ระลึกชาติได้ ๕. ทิพพจักขุ ตาทิพย์๖. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไปเมื่อพระพุทธองค์ ทรงเข้าสู่พระจตุตถฌาน มีอภิญญาณ เป็นที่ตั้งแล้ว พระพุทธองค์เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละอองพระบาทให้เรี่ยรายลงถูกต้องเศียรเกล้าพระวงศาศากยราช เปล่งพระฉัพพรรณรังสิโยภาสรุ่งเรืองสว่าง อย่างพระยมกปาฏิหาริย์ในมณฑลสถานไม้คัณฑามพพฤกษ์ ดูพิลึกมหัศจรรย์พระฉัพพรรณรังสิโยภาส หมายถึง แสงสว่างพระรัศมี ๖ ประการ คือ๑. นีละ เขียวเหมือนดอกอัญชัน๒ ปีตะ เหลืองเหมือนหรดาลทอง๓. โลหิตะ แดงเหมือนตะวันอ่อน๔ โอทาตะ ขาวเหมือนแผ่นเงิน๕. มัญเชฏฐะ หงสบาท เหมือนดอกเซ่ง หรือหงอนไก่๖. ปภัสสร เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึกหรดาลทอง คือ สีแดงอมเหลืองเจือทองหงสบาท คือ สีคล้ายเท้าหงส์ สีแดงปนเหลือง Create Date :23 มิถุนายน 2552 Last Update :23 มิถุนายน 2552 19:50:02 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google