bloggang.com mainmenu search

 

เทคโนโลยีการเกษตร/จิรวรรณ โรจนพรทิพย์ 
                
“ฟักทอง” เป็นผักสารพัดประโยชน์ นำมาปรุงเป็นอาหาร คาว-หวาน ได้สารพัดเมนูอร่อย เนื้อสีเหลืองของฟักทอง ยังมีสรรพคุณทางยาอีกมากมาย โดยเฉพาะวิตามินเอ-เบต้าแคโรทีน ช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจ แถมช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่า และบั้นเอวได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่ “ฟักทอง” จะเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน"

 

 


ปัจจุบัน สายพันธุ์ฟักทองที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป มักมีผลไม่งาม ผิวไม่สวย และไม่ได้น้ำหนักมาตรฐานตามที่ตลาดต้องการ เกษตรกรจึงขายผลผลิตได้ในราคาต่ำ เจียไต๋ ผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์ฟักทองเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และต้องการช่วยเหลือให้เกษตรกรผู้ปลูกฟักทองได้รับผลผลิตที่ดีขึ้น จึงได้พัฒนาเมล็ดพันธุ์ฟักทองคุณภาพดีสายพันธุ์ใหม่ ชื่อ “ทองอำพัน 346”

ที่ให้ผลผลิตดี น้ำหนักเยี่ยม เนื้อผิวเป็นคางคก ผลเป็นทรงแป้นชัดเจน  มีลักษณะเด่นตรงกับความต้องการของเกษตรกรและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี นับเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ ที่จะช่วยให้เกษตรกรมีโอกาสสร้างรายได้ที่ดีขึ้นในอนาคต    

“ฉัตรตรา นารถพินิจ” นักปรับปรุงพันธุ์พืช บริษัท เจียไต๋ จำกัด เล่าว่า เจียไต๋ ได้พัฒนาพันธุ์ฟักทองมานานกว่า 10 ปี สายพันธุ์ฟักทองของเจียไต๋ที่ได้รับความนิยมจากตลาดทั่วไป ได้แก่ “บึงกาฬ” ซึ่งฟักทองลูกเล็กคุณภาพดี รวมทั้ง “ศรีเมือง” ฟักทองขนาดกลาง ผลงานล่าสุดคือ “ทองอำพัน 346” เป็นฟักทองลูกใหญ่ที่ให้น้ำหนัก

เจียไต๋ ได้พัฒนาฟักทองสายพันธุ์ใหม่นี้ให้สามารถปลูกได้ทั่วประเทศ ทนต่อสภาพอากาศร้อนได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังตรงกับความต้องการของผู้บริโภคด้วย เนื่องจากเนื้อฟักทองมีสีเหลืองน่ารับประทาน และมีความเหนียว มัน หอม อร่อย เป็นอย่างมาก “ทองอำพัน 346” ถือเป็นพันธุ์ฟักทองอันดับ 1 ของเจียไต๋ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดในตอนนี้

“เกษร บุญทรัพย์” เกษตรกรที่มีประสบการณ์ปลูกฟักทองมานานกว่า 10 ปี อาศัยอยู่ที่ บ้านเลขที่ 83/3 หมู่ที่ 12 ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก 26110 โทรศัพท์ (087) 609-9120 พี่เกษร เล่าว่า ครอบครัวเธอมีที่ดินทำกินอยู่ 10 ไร่ ปกติปลูกข้าวเป็นอาชีพหลัก เมื่อหมดฤดูทำนา ก็จะหันมาปลูกฟักทองเป็นรายได้เสริม โดยเลือกใช้เมล็ดฟักทองของเจียไต๋ในการเพาะปลูกมาตลอด 

เมื่อ พี่เกษร ได้มีโอกาสทดลองปลูกฟักทอง “ทองอำพัน 346” ก็รู้สึกพอใจในคุณภาพ เพราะฟักทองสายพันธุ์นี้ให้ผลผลิตที่ดีมาก วิธีการปลูกดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยาก ใช้หลักการเดียวกับการปลูกฟักทองโดยทั่วๆ ไป โดยเริ่มต้นจากขั้นตอนการเตรียมดิน พี่เกษรจะขุดไถดินลึกประมาณ 25-30 เซนติเมตร

เพราะฟักทองนั้นเป็นพืชที่มีระบบรากลึก และตากดินทิ้งไว้ 5-7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคและวัชพืช ต่อด้วยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อปรับปรุงสภาพดินให้ร่วนซุย และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดิน แล้วจึงย่อยพรวนดินให้ร่วนซุย เก็บเศษวัชพืชต่างๆ ออกจากแปลงให้หมด

ขั้นตอนต่อมา พี่เกษร จะนำเมล็ดหยอดแช่น้ำแล้วนำไปเพาะในถุงดินที่ผสมกับกากมะพร้าว เพื่อเพาะต้นกล้าเป็นเวลา 3 วัน จนมีต้นกล้างอกขึ้นมา ทิ้งไว้อีก 3 วัน แล้วย้ายลงปลูกในแปลงดินที่เตรียม  หลังจากนั้น พี่เกษร จะนำต้นกล้าลงหลุมดินที่ผสมกับกากมะพร้าว หลุมละ 3-5 เมล็ด ลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร หมั่นตรวจดูน้ำ อย่าให้แฉะจนเกินไป จนครบ 10 วัน ก็จะแตกใบที่สองขึ้นมา จะสามารถรดน้ำได้ตามปกติ

เมื่อต้นกล้างอกจะมีใบจริง 2-3 ใบแล้ว จะถอนแยกต้นที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งไป เหลือต้นที่สมบูรณ์ แข็งแรง เหลือหลุมละ 2 ต้น และรดน้ำทุกวัน หมั่นคอยพรวนดินจนครบ 35 วัน จะเริ่มมีดอก พี่เกษร เล่าว่า เธอใช้วิธีผสมเกสรเพื่อให้ติดลูก เมื่อฟักทองเริ่มออกดอก ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร  15-15-15 ตรากระต่าย โรยรอบๆ ต้น แล้วรดน้ำตามและใส่ปุ๋ยอีกครั้งเมื่อฟักทองเริ่มติดผลอ่อน รดน้ำต่อเนื่องทุกวัน จนคะเนว่าอีก 15 วัน จะเก็บผลแก่ได้ จึงเลิกรดน้ำ

พี่เกษร เล่าถึงเทคนิคการช่วยผสมเกสรว่า เมื่อดอกฟักทองกำลังบานให้เลือกดอกตัวผู้ เด็ดมาแล้วปลิดกลีบดอกออกให้หมด นำไปเคาะละอองเกสรตัวผู้ให้ตกลงบนดอกตัวเมีย ถ้าติดผลจะให้ผลอ่อน ถ้าไม่ติดผล ดอกตัวเมียจะฝ่อไป วิธีนี้เรียกว่า “การต่อดอก”

ทุกปี พี่เกษร จะปลูกฟักทองในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ใช้เวลาในการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวเพียง 75-90 วัน ฟักทองแต่ละผลจะมีน้ำหนักเฉลี่ย ประมาณ 5-7 กิโลกรัม เก็บผลผลิตออกขายได้ เฉลี่ยไร่ละ 6-8 ตัน ปีที่แล้ว ฟักทองจากภาคอีสานเข้าสู่ตลาดมาก จึงขายฟักทองได้ในราคาเพียงกิโลกรัมละ 6-7 บาท เท่านั้น แต่ปีนี้ ราคาฟักทองปรับตัวดีขึ้น เป็นกิโลกรัมละ 13 บาท

แม่ค้าที่เข้ามารับซื้อผลผลิตถึงไร่ พึงพอใจในคุณภาพของ “ทองอำพัน 346” เพราะมีรูปทรงสวย รสชาติดี ขนาดพอเหมาะ ตรงกับความต้องการของตลาด เมื่อเก็บผลผลิตออกขาย จะมีอายุการวางขายบนแผงได้นาน และขายได้รายได้สูงสุด ช่วยให้ครอบครัวของพี่เกษรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหลังจากฤดูการทำนาสิ้นสุดไป

ที่ผ่านมา เมืองไทยมีเมล็ดพันธุ์ฟักทองจำหน่ายในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก  แต่ผลผลิตที่ได้รับจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ที่เกษตรกรนำมาปลูก รวมทั้งเทคนิคการดูแลของเกษตรกรแต่ละคน และหากใครอยากได้เมล็ดพันธุ์ทางเลือกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตที่ดี มีลักษณะสวยงาม มีขั้นตอนการปลูกและดูแลรักษาที่ไม่ยุ่งยากอะไร แถมมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็อยากเชิญชวนให้หันมาลองใช้เมล็ดพันธุ์ฟักทอง พันธุ์ “ทองอำพัน 346” ที่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกรในยุคนี้

ผู้เขียน อยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาบริโภคฟักทองเพิ่มมากขึ้น เพราะฟักทองเป็นอาหารที่มากคุณประโยชน์ ช่วยควบคุมระดับน้ำในเลือด ควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ ไต ช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย ที่สำคัญยังเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะฟักทองมีกากใยมาก มีแคลอรีต่ำ ไขมันน้อย

แถมมีวิตามินหลายชนิดที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล นอกจากนี้ ฟักทอง ยังเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับสตรีที่เพิ่งคลอดบุตร เพราะฟักทองมีฤทธิ์อุ่น จะช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลัง ลดอาการอักเสบ แก้ปวด ได้อีกด้วย 


ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
เทคโนโลยีการเกษตร
คุณจิรวรรณ โรจนพรทิพย์ 

สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ

Create Date :24 พฤษภาคม 2555 Last Update :24 พฤษภาคม 2555 11:50:30 น. Counter : Pageviews. Comments :0