bloggang.com mainmenu search
บล็อกนี้พี่แช่ตัดสินใจอยู่ว่าจะลงในหัวข้อไหนดีระหว่างขำขันกับร้องเพลง

ครั้นจะลงห้องขำขันก็กลัวจะแป้ก แล้วก็มานึกดูเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับดนตรีเหมือนกัน แล้วแรงบันดาลใจคือน้องโจร max_pressure พูดเกี่ยวกับว่าผมเล่นกีต้าร์คุมจังหวะดีอะไรทำนองนี้ ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แล้วก็ผสมกับได้วานน้อง SIMAKKA เธอแปลเพลงจีนให้ ก็เลยขอถือโอกาสเขียนบทความนี้ตอบแทนแล้วกันนะครับ ก็ไม่รู้ว่าจะขำรึเปล่า

อนึ่ง หากถูกต่อว่าต่อขานว่าบล็อกร้องเพลงทำไมไม่มีเพลง ผมก็จะร้องเพลงมาลงทีหลังนะครับ

เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 20 ปีมาได้แล้ว เรื่องมีอยู่ว่า...


ตอนนั้นผมได้ไปรู้จักกับสาวนาฏศิลป์คนนึง เธอกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้วล่ะ ทีนี้สาวๆนาฏศิลป์(เท่าที่ผมรู้และเมื่อ 20 ปีที่แล้วนะครับ)ที่มีฝีมือใช้ได้แล้ว ก็มักจะหารายได้พิเศษหลังเลิกเรียนโดยการไปรำในสถานที่ประเภทภัตตาคารต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายก็คือพวกทัวร์ต่างประเทศ แล้วพวกหนุ่มๆนาฏศิลป์ที่เล่นดนตรีไทยก็จะไปเป็นคนเล่นให้สาวๆเหล่านี้รำกัน

สาวคนนี้ก็ไปทำงานเป็นนางรำกับเพื่อนที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งแถวๆปิ่นเกล้า ผมก็ไปมาหาสู่แถวนั้นบ่อยๆ (แบบว่าหาความรู้เกี่ยวกับดนตรีไทยน่ะ ) แต่ก็ไม่เคยเข้าไปในห้องแต่งตัวหรือแม้แต่ในภัตตาคารห้องที่มีการแสดงนั้นเลย

ทีนี้มีอยู่วันนึงสิครับ ตอนเย็นๆ ฝนมันดันตกมาตอนที่เราเดินกันอยู่แถวนั้น ก็เปียกกันมะล่อกมะแล่ก (คือเปียกไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า) ซึ่งเป็นเวลาที่สาวเจ้าจะต้องเข้าไปแต่งตัวแล้ว เธอก็เลยบอกผมว่างั้นเข้าไปในห้องแต่งตัวหลังเวทีด้วยกัน ไปเปลี่ยนชุดตากให้แห้งแล้วค่อยกลับ

คือห้องแต่งตัวนั้นจะมีทั้งห้องของนางรำ และห้องของนักดนตรีนะครับ ผมก็เข้าไปในห้องดนตรี น้องๆ ซึ่งก็พอรู้จักกันบ้างก็เลยเอาชุดราชปะแตนซึ่งเป็นชุดนักดนตรีให้ผมใส่ชั่วคราว เพื่อจะเอาชุดไปปั่นแห้ง

ใส่ๆไปตอนแรกก็นุ่ง เอิ่ม...เขาเรียกว่าอะไรล่ะ เรียกผ้านุ่งแล้วกัน คือก็นุ่งแบบผ้าขาวม้าธรรมดา ส่วนเสื้อก็เป็นเสื้อแบบราชปะแตนสีขาว ทีนี้ผมนึกสนุกให้น้องๆเขาช่วยจัดผ้านุ่งให้แต่งแบบเต็มตัวแบบน้องๆเขา ซึ่งก็ทำซะเรียบร้อย หวีผมอะไรด้วยให้สนุกสนาน

แล้วน้องๆ เขาก็พูดกันเล่นๆว่า นักดนตรีคนใหม่มาแล้วๆ ซึ่งผมก็เดินยิ้มหน้าบานไปทั่วห้องแต่งตัว

ทีนี้พอถึงเวลาแสดง ผู้จัดการร้านก็มาเรียกนักดนตรีให้ออกไปโชว์ (นางรำจะออกทีหลัง เมื่อดนตรีขึ้นแล้ว) ซึ่งผมก็ยืนๆมองอยู่ตรงทางออกเวทีตรงนั้นด้วยความสนใจ

เรื่องไม่จบแค่นั้นครับ พอทุกคนออกไปประจำตำแหน่งครบแล้ว พี่ผู้จัดการก็หันมาทางผมแล้วบอกว่า "ออกไปซิ ไม่ต้องอาย"

ผมก็นึกในใจ...อะไรวะ แล้วก็คิดตัดสินใจอยู่ในวินาทีนั้นว่าจะออกไปหรือไม่ออกไปดี.....

ตอนนั้นน่ะผมลูกบ้าเกินร้อยครับ ซึ่งต่างจากตอนนี้มาก(ตอนนี้เหลือร้อยเดียวเอง ) ก็ไม่รู้หรอกว่าพี่เขาให้ออกไปเพราะอะไร ทำไม และจะให้ออกไปทำอะไร แต่ผมก็ออกไปครับ

เมื่อกี้นั่งดูโทรทัศน์ไปก็ทบทวนความจำไป พอเริ่มจำรายละเอียดได้ผมก็เริ่มขำครับ ก็หวังว่าจะถ่ายทอดมาจนพอครบถ้วน(ไร้)สาระนะครับ

พอผมเดินออกไป พวกนักดนตรีก็แน่มาก ไม่ตกใจอะไรทั้งสิ้นแล้วเรียกผมเข้าไปนั่งในวง ก็นึกภาพวงดนตรีไทยที่เล่นแบ็คอัพให้นางรำนะครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามีกี่คน เครื่องดนตรีอะไรบ้าง แต่วันนั้นน่ะสามารถเล่นให้แสดงโขนได้ด้วยน่ะครับ ก็น่าจะครบเครื่องพอสมควร

มีน้องคนนึงให้ผมถือไม้ไว้ตีกลองชุด เรียกไม่ถูกว่ากลองอะไร เป็นกลองที่ไว้ตีตอนเล่นโขนน่ะครับ มีหลายใบเสียงจะแบบ ตุ๊มๆ ต่อมๆ ทำนองนี้

อ้อ รู้สึกว่าผมจะไหว้เครื่องดนตรีตามแบบฉบับด้วยนะครับ คือก็ยกมือไหว้เหมือนไหว้ครูน่ะครับ

ผมก็ถือไม้ตีกลองไว้ ตอนนั้นแปลก เหมือนมีมนต์ ไม่รู้สึกตกใจอะไรเลยครับ แบบว่าสบายๆ คอยดูว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงต่อไป เพราะผมไม่รู้ขั้นตอนอะไรทั้งสิ้น ไม่เคยดูเลยว่างั้นน่ะครับ

ปรากฏว่า พอเริ่มโชว์ เค้าจะมีคนมาเป็นพิธีกรด้วยครับ ก็เป็นน้องของผู้จัดการหลังเวทีที่พอจะรู้จักกันมาบ้างครับ เธอก็เริ่มพูดภาษาปะกิตเลยครับ เลดี้ แอนด์ เยนเติ้ลแมน...

หลังจากนั้นผมไม่รู้เรื่องหรอกครับ ที่มันส์มากคือ เธอเริ่มหันมาทางวงดนตรีแล้วเริ่มอธิบายแต่ละเครื่องดนตรีครับ โดยการพอขานชื่อเครื่องดนตรีใด คนเล่นเครื่องดนตรีนั้นก็จะโซโล่ขึ้นมาครับ ระนาดก็รัวระนาด ฉาบก็ตีฉาบ อะไรทำนองนี้

ทีนี้มาถึงผม จำได้แม่นเลยครับว่าน้องเธอหน้าตาเหรอหรา อึกๆอักๆ เพราะเธอจำผมได้ แต่เธอก็แน่ครับ พูดต่อไปไม่สะดุดถึงเครื่องดนตรีที่ผมเล่นอยู่ ซึ่งผมยังไม่รู้เลยว่าเล่นอะไรอยู่

พอพูดจบผมก็ลุยเลยครับ ใช้ไม้คู่ที่ถืออยู่ระดมรัวกลองนั้นเป็นเสียง ตุ๊มๆๆๆๆๆ ต่อมๆๆๆๆๆๆ

เอ๊ะ ก็มีเสียงปรบมือจากคนดูดีนี่ครับ ผมก็สังเกตว่าน้องพิธีกรเธอมีสีหน้าที่ดีขึ้น คงนึกโล่งอกแหละครับ

จากนั้นก็เป็นการบรรเลงดนตรีไทยพร้อมโชว์การรำครับ ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่ามีกี่ชุด น่าจะใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณ 30 นาทีนะครับ ชุดการแสดงก็หลากหลาย สำหรับเครื่องดนตรี ผมลองเช็คคร่าวๆจากเน็ตเมื่อกี้ รู้สึกจะเป็นลักษณะประยุกต์ คือวางไว้หลากหลายชิ้นแล้วแต่ชุดการแสดง เท่าที่จำได้ก็ประมาณในภาพนี่แหละครับ




ผมอยู่เล่นกับเขาจนจบโชว์ทั้งหมดแหละครับ จำได้ว่าน้องคนที่เล่นฆ้องวง/กลองทัด จะเป็นคนคอยยื่นเครื่องดนตรีมาให้ผม ซึ่งก็แปลกตอนนั้นยื่นอะไรมาผมก็เล่น ไม่ได้นึกกลัวอะไร แล้วที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ เจ้าน้องคนนั้นทำไมถึงมั่นใจในตัวผมนักก็ไม่รู้...แปลกจริงๆ

เท่าที่จำได้นะครับ ที่ผมเล่นก็มี กรับ กลอง ซึ่งจะเป็นเครื่องดนตรีประเภทให้จังหวะ คือ กรับ เสียงก็จะดัง กรับ...กรับ โดยใช้มือถือไม้กรับตามภาพแล้วขยับให้ชนกัน ส่วนกลองจะมี 2 แบบ คือ แบบใช้มือตี ซึ่งยากลูกเล่นเยอะ น้องเค้าก็ไม่ได้ให้ผมเล่น กับแบบใช้ไม้ตี ซึ่งแบบนี้ผมเล่นหลายเพลงอยู่

ที่จำได้แม่นคือตอนชุดแสดงโขน ซึ่งผมเคยฟังบ่อยว่าจะมีการตีกลองตอนที่จะรบกัน เป็นจังหวะ ตุ๊มๆๆๆๆๆๆๆๆ ตุ่มๆๆๆๆๆๆ....ตุ๊มๆๆๆๆๆๆๆๆ ตุ่มๆๆๆๆๆๆ ซึ่งพอชุดนี้แสดง ผมก็ลุยเลยครับ ตามที่เคยฟังมา แล้วก็ตามที่คิดว่าน่าจะตีแบบนั้น

ขอบอกว่า การเล่นดนตรีไทยนี่ พวกนักดนตรีที่เล่นจะมันส์มากเลยครับ ไม่รู้เป็นยังไงบอกไม่ถูก ผมก็เหมือนกับตกอยู่ในภาวะมนต์เสน่ห์อะไรแปลกๆไปด้วยตอนนั้น คงเหมือนกับฟังดนตรีจังหวะลาตินแล้วมันคึกคักๆ ทำนองนั้นน่ะครับ


ขอคั่นเวลาด้วยการเล่าถึงวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ผมดูรายการ The Master เวทีสำหรับมืออาชีพ(ที่คอมเมนต์โดยคอมเมนเตเตอร์มือใหม่ ) ซึ่งมีการคอมเมนต์ที่พิลึกๆหลายจุด อย่างเช่น จุดนึงที่บอกว่านักร้องเล่นสนุกกันเองโดยไม่สนใจคนดู อันนี้ผมค้านนะครับ เพราะจากประสบการณ์ เส้นแบ่งของคนเล่นกับคนดูมันบางมาก คือ ถ้าพยายามเล่นให้คนดูสนุก ผมว่าบางทีมันจะประดิษฐ์เกินไป แต่ถ้าคนเล่นคนร้องสนุกแล้ว มันจะมีพลังบางอย่างที่สื่อถึงคนดูได้มากกว่า ผมว่างั้นนะ

อ้ะ เล่าต่อครับ

พอจบโชว์เข้าไปหลังเวทีถึงได้บางอ้อครับ พี่ผู้จัดการเข้ามาเล่าว่า ที่ให้ผมออกไปกับนักดนตรีนั้น เพราะพี่เค้านึกว่าผมเป็นนักดนตรีใหม่จริงๆ คือตอนนั้นกำลังหานักดนตรีมาเสริม แล้วพวกน้องๆนักดนตรีแซวผมว่าเป็นนักดนตรีใหม่ พี่เค้าก็นึกว่าใช่ แถมยังบอกต่อด้วยว่าเรื่องของผมนี่คงกลายเป็นตำนานเรื่องหนึ่งของภัตตาคารนั้นไปเลย

ส่วนน้องๆนักดนตรีก็เข้ามาบอกผมว่า พี่จังหวะแข็งจริงๆ แล้วชวนผมไปครอบครูดนตรีไทยครับ ซึ่งผมก็ปฏิเสธไปเพราะตอนนั้นก็ตั้งใจว่าจะขอไม่เป็นนักดนตรีอาชีพ(เรื่องนี้เกิดหลังจากที่ผมวางมือเรื่องกีต้าร์แล้วด้วย)น่ะครับ

แต่พอถามสาวนาฏศิลป์ว่าผมเล่นเป็นยังไง เธอบอกเสียงดนตรีผมโดดออกมาเชียว ซึ่งมีข้อสังเกตว่าเธอก็ไม่ได้บ่นว่าผมไปทำจังหวะดนตรีเค้าเสีย นี่ก็คงแสดงว่า จังหวะดนตรีของผม แข็งจริง มั๊งครับ

เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละครับ...พี่น้องงงง

Create Date :04 มีนาคม 2552 Last Update :5 มีนาคม 2552 12:43:56 น. Counter : Pageviews. Comments :18