ประเพณีบุญบั้งไฟ
บั้งไฟที่เอ้ (ตกแต่ง) แล้ว "ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ต๊กพรำๆ กบมันก็ร้องงึมงำ ระงมไปทั่วท้องนา.... ฝนต๊กทีไร คิดถึงขวัญใจของข้า แม่ดอกโสนบ้านนา น้องเคยเรียข้าฯพ่อดอกสะเดา..." เสียงเพลงฝนเดือนหก ของ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ นักร้องชื่อดังในอดีต ได้ทำให้เราหวลระรึกถึงบ้านนาในท้องถิ่นภาคอีสาน ว่าได้ถึงเวลาที่จะมีงานเฉลิมฉลองสนุกสนานอีกวาระหนึ่ง ก่อนที่จะถึงฤดูกาลลงไร่ไถนาทำมาหากินกันในช่วงหน้าฝนปีนี้.
ยิ่งได้ยินเสียงพิณและแคนอันแสนเร้าใจ ที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมและการต่อสู้อย่างทรหดอดทนของชาวอีสาน ที่ต้องสู้กับธรรมชาติที่แสนโหดร้ายผ่านร้อน ผ่านหนาว กันมาเป็นร้อยๆ พันๆปีแล้ว ยิ่งวทำให้อารมณ์การคิดถึงบ้านได้ถมทวีคูณยิ่งขึ้น เราจึงจะพาคุณๆไปรู้จักกับประเพณีอันเก่าแก่ ของชาวอีสานนี้ว่าเป็นมาอย่างไร ลองตามมากับเราสิครับ.....
ชาวอีสานหลายพื้นที่จะมีงานบุญหนึ่งในทั้งหมดสิบสองบุญ (ฮีตสิบสอง) นั่นก็คือ "บุญเดือนหก" หรือ "บุญบั้งไฟ" ซึ่งมีความเชื่อว่าจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและพอเพียงทีจะได้ทำไร่ ทำนา.
ตำนาน ประเพณีบุญบั้งไฟตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าถือชาติกำเนิดเป็นพญาคางคก ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ในเมืองพันทุมวดี ด้วยเหตุใดไม่แจ้ง พญาแถนเทพเจ้าแห่งฝนโกรธเคืองโลกมนุษย์มาก จึงแกล้งไม่ให้ฝนตกนานถึง 7 เดือน ทำให้เกิดความลำบากยากแค้นอย่างแสนสาหัสแก่มวลมนุษย์ สัตว์และพืช จนกระทั่งพากันล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกที่แข็งแรงก็รอดตายและได้พากันมารวมกลุ่มใต้ต้นโพธิ์ใหญ่กับพญาคางคก สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงได้หารือกันเพื่อจะหาวิธีการปราบพญาแถน ที่ประชุมได้ตกลงกันให้พญานาคียกทัพไปรบกับพญาแถน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ จากนั้นจึงให้พญาต่อแตนยกทัพไปปราบแต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีกเช่นกัน ทำให้พวกสรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดความท้อถอย หมดกำลังใจและสิ้นหวัง ได้แต่รอวันตาย
ในที่สุด พญาคางคกจึงขออาสาที่จะไปรบกับพญาแถน จึงได้วางแผนในการรบโดยปลวกทั้งหลายก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงเมืองพญาแถน เพื่อเป็นเส้นทางให้บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายได้เดินทางไปสู่เมืองพญาแถน ซึ่งมีมอด แมลงป่อง ตะขาบ สำหรับมอดได้รับหน้าที่ให้ทำการกัดเจาะด้ามอาวุธที่ทำด้วยไม้ทุกชนิด ส่วนแมลงป่องและตะขาบให้ซ่อนตัวอยู่ตามกองฟืนที่ใช้หุงต้มอาหาร และอยู่ตามเสื้อผ้าของไพร่พลพญาแถนทำหน้าที่กัดต่อย หลังจากวางแผนเรียบร้อย กองทัพพญาคางคกก็เดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่การรบ มอดทำหน้าที่กัดเจาะด้ามอาวุธ แมลงป่องและตะขาบกัดต่อยไพร่พลของพญาแถนจนเจ็บปวด ร้องระงมจนกองทัพระส่ำระสาย ในที่สุดพญาแถนจึงได้ยอมแพ้และตกลงทำสัญญาสงบศึกกับพญาคางคก ดังนี้
1. ถ้ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อใด ให้พญาแถนสั่งให้ฝนตกในโลกมนุษย์
2. ถ้าได้ยินเสียงกบ เขียดร้อง ให้รับรู้ว่าฝนได้ตกลงมาแล้ว
3. ถ้าได้ยินเสียงสนู (เสียงธนูหวายของว่าว) หรือเสียงโหวด ให้ฝนหยุดตกเพราะจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว
หลังจากที่ได้สัญญากันแล้ว พญาแถนจึงได้ถูกปล่อยตัวไปและได้ปฏิบัติตามสัญญามาจนบัดนี้
สัญญลักษณ์
บุญบั้งไฟเป็นหนึ่งในฮีตสิบสองเดือนของชาวอีสานนิยมทำกันในเดือน 6 หรือเดือน 7 อันเป็นช่วงฤดูฝนเข้าสู่การทำนา ตกกล้า หว่าน ไถ เพื่อเป็นการบูชาแถนขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล เหมือนกับการแห่นางแมวของคนภาคกลาง
ในสองพิธีกรรมที่อยู่คนละภาคนี้มีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของสัญลักษณ์ที่ใช้อันส่อไปทางเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้ไม้มาแกะสลักเป็นอวัยวะเพศชายเรียกว่า "บักแบ้น" หรือ "ปลัดขิก" ในอีสานหรือ "ขุนเพ็ด" ในภาคกลางเข้าร่วมขบวนแห่ ทั้งยังมีการร้องเซิ้งด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศและเพศสัมพันธ์ สัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องหมายของความสัมพันธ์ระหว่างฟ้ากับดิน หญิงกับชาย ที่เป็นพลังก่อกำเนิดชีวิตและเป็นพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ จึงมีความสัมพันธ์กับการขอฝนซึ่งเป็นที่มาของพลังแห่งการเติบโตของพืช และด้วยเหตุที่อวัยวะเพศและเพศสัมพันธ์เป็นสัญลักษณ์สำคัญของงานบุญ จึงถือว่างานบุญบั้งไฟเป็นงานบุญของพระยามาร ซึ่งจัดแข่งกับงานบุญของพระพุทธเจ้า
ความสนุกสนานในบุญบั้งไฟ....เจ้าของบั้งไฟจะโดนอุ้มไปคลุกขี้โคลน ถ้าบั้งไฟเขาจุดแล้วไม่ขึ้นขนาดการทำบั้งไฟ บั้งไฟร้อย มีน้ำหนักดินปืนหรือดินดำประมาณ 3 ก.ก.
บั้งไฟหมื่น มีน้ำหนักดินปืนหรือดินดำประมาณ 12 ก.ก.
บั้งไฟแสน มีน้ำหนักดินปืนหรือดินดำประมาณ 120 ก.ก.
บั้งไฟล้าน มีน้ำหนักดินปืนหรือดินดำประมาณ 500 ก.ก
อ่านเพิ่มเติมที่ : www.panyathai.or.th
ขอบคุณภาพสวยๆจากเวบครับ ___________END___________
อุ้มเคยไปดูกับตาเลยล่ะพุ่งขึ้นฟ้า
และเสียงดังมาก
ที่ชื่นชอบมากๆ ก็คือ
เหมือนเป็นประเพณีถ้าบั้งไฟใครจุดไม่ขึ้น
จะจับโยนลงโคลนตมเปียกมะล่อกมะแล่ก
สนุกสนานมากๆ ค่ะ
ไปนอนก่อนนะหลับฝันดีค่ะ
โดย: อุ้มสี 16 พฤษภาคม 2554 1:32:45 น.
น่าลุ้นอีกต่างหาก
โดย: kwan_3023 16 พฤษภาคม 2554 7:19:33 น.
............
งานแก้ที่ตึก ทำเอาหัวบานเชียวค่ะ
โดย: i'm not superman 16 พฤษภาคม 2554 10:27:14 น.
โดย: tuk-tuk@korat 16 พฤษภาคม 2554 17:02:25 น.
อ้อไม่เคยไปงานบั้งไฟเลยนะคะ เคยแต่ดูทางทีวี ถ้าไปคงจะได้อีกบรรยากาศนึงเนาะคุณพี่
เทคแคร์นะคะ
โดย: thainurse@norway 16 พฤษภาคม 2554 18:19:24 น.
ว้าว ชอบมากๆงานบั้งไฟนี่อะ เคยได้แต่ดูตามทีวี
ยังไม่เคยไปสัมผัสงานจริงซักกะที
น่าสนุกดีจัง เสียงคงจะดังลั่นทั่วปฐพี ครึกครื้นจัง
คิดฮอดอีหลีเด๊
โดย: pragoong 16 พฤษภาคม 2554 20:54:23 น.
ตามมาดูเขาจุดบั้งไฟด้วยคนครับ
ชอบภาพที่จุดพร้อมกันหลายๆบั้ง เห็นเป็นสายหลายๆสายพร้อมกัน สวยดีครับ
เคยไปชมที่ยะโสธรครั้งหนึ่ง นานมากแล้ว (เกิน10ปี) ยังพอจำบรรยากาศได้ลางๆ
สนุกมากครับ
โดย: หมุนตามไมล์ 16 พฤษภาคม 2554 23:33:24 น.
โดย: Kavanich96 17 พฤษภาคม 2554 9:12:25 น.
อืมม...เพิ่งรู้นะเนี่ย ..
ยังกะปล่อยจรวดเลยนะคะ .. อิอิ เคยเห็นแต่ในทีวี
แล้วก็บางที ว่ามีคนบาดเจ็บเพราะโดนบั้งไฟ นี่ก็เยอะ..
จะไปดูก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะคะเนี่ย..อิอิ...
วันหยุดนี้ไปเที่ยวไหนกันป่าวคะบ้านนี้ ..
นกไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ ..ทำงานทุกวันเลย ..
โดย: Nongpurch 17 พฤษภาคม 2554 10:33:02 น.
ยังไม่เคยไปดูเองเลยค่ะ เห็นแต่ในทีวี
ขอบคุณความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประเพณีบั้งไฟค่ะ
สวัสดีวันพระใหญ่ค่ะ คุณ wic
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 17 พฤษภาคม 2554 16:48:52 น.
แวะมาทักทายกันวันพุธจ้าคุณวิก
กลับจากทะเลชวนไปงานบุญเสียแล้ว
ดีเหมือนกันจะได้ล้างน้ำเก่าพวกดีแต่พูดออกไปจากรัฐบาลเสียที
โดย: หอมกร 18 พฤษภาคม 2554 8:26:13 น.
สวัสดีวันเปิดเทอมค่ะ คุณ wic
รอดูอัมพวาฉบับคุณ wic นะคะ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 18 พฤษภาคม 2554 18:55:04 น.