bloggang.com mainmenu search






16 มกราคม 2011 ได้มีโอกาสไปทำธุระที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) หรือที่ชอบเรียกกันแบบย่อว่า KL.... ไปอยู่ที่นั่น 2 วัน 2 คืนครับ แต่ที่ขึ้นหัวเรื่องว่า "2 คืนที่กัวลาลัมเปอร์" ก็เพราะเหตุว่า ตอนกลางวันไม่ได้มีเวลาไปไหนเลย คือสัมนาในโรงแรมอย่างเดียว ส่วนตอนเย็นๆหลังเลิก ก็มีโอกาสไปเดินแถวใกล้ๆที่พัก แล้วเก็บภาพมาฝากเท่าที่เห็น ซึ่งผิดวิสัย จขบ. ที่ชอบธรรมชาติมากกว่าเมืองศิวิไลซ์

มาเลเซียตั้งเวลาเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง รวมไปถึงสิงค์โปร์ด้วย จขบ. ก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน ทั้งๆที่เมืองหลวงของทั้งสองประเทศก็อยู่ตรงกันกะเรา หรือถือเอา ซาบา และซาราวัค ที่เกาะบอร์เนียวเป็นเกณฑ์ก็ไม่รู้ แต่ถ้าถือเอาแบบนั้น อินโดนีเซียก็น่าจะมาก่อนเรา แต่อินโดฯก็เวลาเดียวกะเรา.... ที่เขียนมาซะยาวก็กำลังจะบอกว่า ด้วยเหตุนี้แล หลังเลิกงานท้องฟ้าที่มาเลย์จึงยังไม่มืด ทำให้มีแสงพอที่จะถ่ายภาพได้..








ที่สุวรรณภูมิ...น้องคนนี้เล่นขิมให้นักท่องเที่ยวชมที่ชั้น 4





มาเริ่มกันที่สุวรรณภูมิ สนามบินที่เกิดมาก็มีเรื่องมากมายให้กล่าขานกันก่อนดีกว่า.... เดินไปมาแถวนั้นเพราะรอเจ้าหางแดง (Air Asia) ที่มีกำหนดการออกจากที่นี่ 12.15 น เลยเดินมาที่ตรงนี้ (ภาพด้านบน) เห็นทำซุ้มแปลกๆ.... เลยเดินเข้าไปถาม เจ้าหน้าที่ขอให้เรากรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับการได้รับบริการที่สนามบิน และน้องคนสวยคนนี้เลยบรรเลงขิมให้เราฟัง ก็เลยขออนุญาตเธอถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกน่ะครับ...








สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ฝั่ง Low cost air line






ถึงสานมบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ (KLIA, Kuala Lupur International Airpot) เราได้ไปลงทางฝั่ง low cost air ...สงสัยเขาจะเหม็นสาบคนจนกระมัง เลยให้มาลงด้านนี้ ... แต่คงไม่ใช่หรอก เห็นเขาบอกว่าอยากให้แยกกันเป็นสัดส่วนว่างั้น... จขบ. เข้าใจว่า คงเป็นเหตุผลทางธุรกิจของแอร์เอเซียด้วย

ลงไปด้านล่างโอ้โห ที่นีมีแต่เจ้าหางแดงทั้งนั้น (ตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเป็นครั้งแรกที่ใช้บริการเขา) มีธงประจำเครื่อง เช่น Thai Air Asia, Indonesia Air Asia.... ผู้คนเยอะแยะไปหมด

ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองไม่ยากนัก เพราะเราเป็น Asian ด้วยกัน มองหน้าแว๊ปๆ ถามหนึ่งคำ แล้วตอกปึก เป็นอันเสร็จพิธี.... ออกมาด้านหน้า มาหาคนชูป้ายชื่อเรา ก็หาไม่ยาก แต่ตอนรอรถมารับนี่สินานโข เพราะการจัดระเบียบรถเข้าออกจตรงฝั่ง low cost นี่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย และที่จอดรถก็สุดจะหายากด้วย ไม่รู้ว่าทางฝั่งธรรมดานั่นจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ว่าไปแล้วของเราดีกว่ามากครับ..








กำลังเข้าตัวเมือง KL






คนขับรถที่มารับเราเป็นคนจีนมาเลย์ (ที่มาเลย์เขาจะมี ชาวมาเลย์ จีนมาเลย์ และอินเดียมาเลย์ เป็นพลเมืองส่วนใหญ่) เพราะฉะนั้น การได้ฟังเขาระบายเรื่องคับแค้นให้เราฟัง ก็จะต่างกันออกไป....เช่นวันนี้เราก็ได้ฟังเรื่องความไม่เสมอภาคของคนจีนมาเลย์ ที่เขาบอกเราว่าไม่สิทธิ์แม้เป็นเจ้าของที่ดิน เวลาที่นักการเมืองมาหาเสียง เขาก็ให้คำมั่นสัญญา แต่พอได้รับเลือก ก็เงียบ..เอเรื่องนักการเมืองนี่ เหมือนประเทศไหนก็ไม่รู้

สนามบินนานาชาติ (KLIA) แห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางใต้ ประมาณ 50 กม. อยู่ใน Sepan District รัฐเซรังงอ เป็นสนามบินแห่งใหม่ที่สร้างขึ้นแทน Sultan Abdul Aziz Shah International Airport ใน Subang ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เปิดใช้เมื่อปี 1998 ครับ ปัจจุบันเป็นสนามบินที่อยู่ใน Ranking อันดับต้นๆของโลก








เปิดม่านหน้าต่างโรงแรม Concorde แล้วสามารถมองเห็นตึกแฝดได้





Kuala Lumpur (กัวลาลัมเปอร์)

เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ความมายของคำว่า Kauala Lumpur คือ Muddy estuary ซึ่งรวมความก็คือปากแม่น้ำที่เต็มมไปด้วยโคลน.... เมืองนี้เติบใหญ่มาจากหมู่บ้านทำเหมืองดีบุกของชาวจีน กลายมาเป้นเมืองที่มีประชากรประมาณ 6.5 ล้านคน บนพื้นที่ 243 ตารางกิโลเมตร จากเอกสารชาวฝรั่งบอกว่า เมือง KL นี้ราคาที่พักของโรงแรมระดับ 5 ดาวถูกที่สุดในโลกด้วย

กัวลาลัมเปอร์ยังรวมเข้ากับเมืองบริวารที่อยู่ติดกันอีกหลายเมืองได้แก่ Petaling Jaya, Surbang Jaya, Shah Alam, Klang และ ท่าเรือ Klang ..... กัวลาลัมเปอร์และมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี 1957 สัญญลักษณ์อย่างหนึ่งของการได้รับเอกราช คือ Stadium Merdeka (Imdependent Stadium) เรารู้จักคำนี้ดีคือรายการแข่งขันฟุตบอล "เมอร์เดก้า" ที่ไทยเราไม่เคยได้แชมป์....

ผู้คนของ KL ประมาณ 55% เป็นคนจีนที่สืบเชื้อสายกันเรื่อยมา สัญญลักษณ์สมัยใหม่ของกรุงกัวลาลัมเปอร์คืออาคารแฝดของบริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซีย ปิโตรนาส ซึ่งเคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกมาแล้ว แต่ปัจจุบันโดน Taipei 101 แซงไปแล้ว แต่ยังคงเป็นอาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลกไว้ดั่งเดิม








ที่หน้าโรงแรม มีรถไฟฟ้า Sky Train ผ่านด้วย





เราพักที่โรงแรม Condorde ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองพอดี เดินไปทานมื้อเย็นที่ KLCC (Kuala Lumpur City Center) ได้ไม่ยาก เพียง 10 นาทีเอง ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มองเห็นหอคอย KL อยู่ใกล้ๆ เดินออกไปเพียง 10 นาทีเช่นกัน แต่ต้องขึ้นเขาไปหน่อย.... โดยสภาพทั่วๆไป KL เป็นเมืองที่สะอาด ใช้รถคนเล็กๆ ไม่มีรถใหญ่แบบบ้านเรา อาหารการกินหาได้ง่ายเหมือนบ้านเราครับ คนต่างชาติแบบเราก็ฟรีที่จะดื่ม แต่ราคาพวกเบียร์แพงไปนิดหนึ่ง (สำหรับผม) ... น้องไฮน์ที่ซูเปอร์มาเก็ตตกกระป๋องละ 7.9 RM ประมาณ 80 บาทเลล่ะ







บนถนนที่กัวลาลัมเปอร์ เขาใช้รถคันไม่ใหญ่โตเหมือนบ้านเรา










คันแบบนี้









ด้านหน้าตึกปิโตรนาส หรือ Twin Tower






Twin Tower (ตึกแฝด)

เป็นอาคารสูงรวมยอดแล้ว 451.9 เมตร (1,483 ฟุต) แต่ถึงชั้นบนสุด 375 เมตร (1,232 ฟุต) ถ้าถึงหลังคาสูง 378.6 เมตร (1,242 ฟุต).... ก่อสร้างตั้งแต่ปี 1992 - 1998 มีจำนวนทั้งหมด 88 ชั้น ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ( US $ 1.6 Billion).....ใช้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท ปิโตรนาส หรือบริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซียครับ

ติดกันนั้นเป็นห้างสรรพสินค้า Suria KLCC ด้านหลังจะเป็นสวนสาธารณะ เป็นที่เดินเล่นยามเย็นของชาวมาเลย์ ในสวนที่ติดกับ KLCC ยังมีน้ำพุสวยงามอีกด้วย....เราก็ใช้บริเวณนั้นถ่ายภาพ Twin Tower มาหลายภาพ








ศูนย์การค้า Suria KLCC อยู่ติดกัน









ภาพนี้จากสวนสาธารณะ









เลยเข้าไปในสวน แล้วถ่ายออกมา









ในสวนสาธารณประมาณ 19.20 น. ยังไม่มืดเลย








หิวแล้วกลับเข้าไปที่ห้าง Suria KLCC เพื่อหาอะไรเติมพลัง









ได้ผัดกระเพาจานนี้ที่ครัวไทย (แต่เป็นของคนมาเลย์)... 8 RM









กำลังเข้าช่วงเทศกาลตรุษจีน.... ที่นี่เขาชอบสีแบบนี้ (ไม่แดงเข้ม)









ถ่ายโดมหลังคาห้างฯซะงั้น...เผื่อมองเห็นยอดอาคารปิโตรนาส









ขาออกมาเห็นตึกแฝดเปิดไฟ....ก็ถ่ายอีก










อาคารนี้อยู่ตรงข้ามตึกแฝด.... น่าจะเป็นธนาคาร









อีกซักมุม... เห็นดวงจันทร์อยู่ข้างๆ









ใต้ตึกแฝด มีนิทรรศการวิทยาศาสตร์ให้ชม










ก่อนจะกลับโรงแรม....ถ่ายอีกมุม









ถ่ายระหว่างทางกลับโรงแรม













วันที่ 2 ที่มาเลย์หลังเลิกงาน เราไปขึ้นหอคอย KL ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ 10 นาที ทางเดินขึ้นไปเป็นทางขึ้เขาแต่ไม่ถึงกับสูงนัก ถ้าไม่อยากเดินขึ้นก็รอรถตู้บริการได้ครับ

เราเลือกเดิน ถือว่าทดสอบสภาพตัวเองไปด้วย ถึงฐานก็จะมีร้านขายของที่ระลึก สวนให้ภ่ายภาพ ม้าให้จ้างขี่..... แต่เรามีเวลาน้อย ตรงไปที่ซื้อบัตรเพื่อขึ้นลิฟท์ไปชมเลย ราคาบัตรคนละ 35 RM. ถ้าเป็นเด็กและผู้สูงอายุ (มากกว่า 55 ปีขึ้นไป) ก็จ่ายเพียง 28 RM หรือ 28 Malaysian ringgit (อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 10 บาท ต่อ 1 ริงกิต)








Menara Kuala Lumpur หรือ KL Tower






KL Tower

ก่อสร้างช่วงปี 1991 - 1995 และเปิดเป็นทางการเมื่อ 1 ตุลาคม 1996 มีความสูงทั้งหมด 421 เมตร (1,403 ฟุต) รวมเสาอากาศแล้ว... ชัน TH03 Megaview สูง 288 เมตร (968 ฟุต) ...TH02 ร้านนอาหารสูง 282 เมตร ( 948 ฟุต)... TH01 Observation สูง 276 เมตร (978 ฟุต) เราขึ้นไปได้แค่ชั้นนี้ ที่จริงว่าจะไปที่ชั้นร้านอาหาร แต่คนจองเต็มหมดเลยกินแห้วครับ

ที่ด้านบนจุดชมวิวจะมีหูฟังแจกพร้อมเห็นภาพด้วย และมีภาษาไทยอีกต่างหาก เมื่อเราเดินไปที่กล้องหมายเลขอะไรก็กดหูฟังหาให้ตรงกัน ก็ส่องกล้องดูด้านล่าง พร้อมฟังคำบรรยายไปด้วย บนนั้นจะมีร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย..








Contrasty ของสองสาว ซ้าย พนักงาน KL Tower ขวา นักท่องเที่ยว










จาก KL Tower จะมองเห็นตึกแฝดปิโตรนาส









Kuala Lumpur จาก KL Tower









อีภาพ จาก KL Tower









นักท่องเที่ยวกำลังอ่านเรื่องราวของทาวเออร์ต่างๆทั่วโลก





กลับลงมาจาก KL Tower เราเดินไปทานมื้อเย็นที่ KLCC อีกวันหนึ่ง เพราะคนในห้องสัมนาบอกว่า มีร้านอาหารไทยชื่อจักกรีอยู่ชั้น 4 และเป็นร้านที่ขึ้นชื่อด้วย.... เราเดินหาจนเจอ แล้วมีเจ้าหน้าที่คนไทยมาคุยและรับออเดอร์จากเรา ถามว่าที่นี่มีคนไทยกี่คน เธอบอกว่ามี 2 คน คือกุ๊กและเธอ...วันนั้นเห็นแขกเยอะเหมือนกัน เราลองสั่งเบียร์สิงห์ขวดเล็ก ได้เรื่องเหมือนกันครับ คือ 19 RM ส่วนอาหารถึงจะไม่อร่อยเท่าที่บ้านเรา แต่ก็พอรับได้ แต่ราคาแพงไปหน่อย..







คืนที่ 2 ไปทานอาหารไทยที่ร้านจักรี ชั้น 4 Suria KLCC...สาวมาเลย์ แต่งไทยมาเสิรฟ










ใกล้ๆที่พัก ตามต้นไม้แขวนโคมไฟเตรียมฉลองตรุษจีน











Windy นักศึกษาฝึกงานจากอินโด คอยให้บริการเราขณะที่มีการสัมนาที่โรงแรม









ถนนระหว่างทางจาก KL - International Airport






วันที่ 18 บ่ายเราเก็บของเดินทางกลับ โดยเช่ารีมูซีนมาจากโรงแรมราคา 160 RM อยากจะลองรถไฟฟ้าเหมือนกัน แต่เห็นฝรั่งที่นั่นบอกว่า ถ้าไป 2 คนนั่งรีมูซีนดีกว่าราคาไม่ต่างกันเท่าไหร่ แถมสะดวกกว่าด้วย ก็อาจจะจริงเรื่องความสะดวก เพราะเราต้องไปลงที่ฝั่ง low cost air ส่วนสถานีรถไฟน่าจะอยู่ที่ฝั่งปกติ

ตามถนนไปสนามบิน สองข้างทางเขาปลูกปาล์มน้ำมันเต็มไปหมด ถ้าเรามองลงมาจากเครื่องจะเห็นสียวเขียวขจีของต้นปาล์มเป็นพื้นที่กว้าง.... ใกล้ๆสนามบินคนขับชาวอินเดียชี้ให้เราดูสนามแข่งรถสูตรหนึ่งของมาเลย์ ที่เขาบอกว่าอาชีพแบบเขาคงไม่มีโอกาสได้ดูเพราะราคาเป็นพันริงกิตเลยทีเดียว.









ใกล้ๆสนามบิน จะมีสนามแข่ง Formula 1 ด้วย









นั่งรอเรียกขึ้นเครื่อง...ก็แลกเงินคืนที่นี่







สองคืนใน KL พาคุณๆไปชมแท่งคอนกรีตในมาเลย์ ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ คงพอทำให้ท่านได้เพลิเพลินบ้าง รับรู้อะไรที่นี่บ้าง.... หลายอย่างที่นี่ก็ดี บ้านเมืองพัฒนาได้เร็วและเรียบร้อย เพราะการเมืองเขานิ่ง ปัญหาน้อย อีกอย่างผู้คนที่นั่นสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทั้งพูดและเขียน เลยได้เปรียบบ้านเราเล็กน้อย แต่หลายอย่างก็สู้เราไม่ได้ เช่นสถานที่ท่องเที่ยว การแบ่งแยกชั้นระหว่างชาวจีนและชาวมาเลย์ แม้หลายๆคนที่นั่นบอกเราว่าพวกเขาคือมาเลย์เดียว...แต่ความเป็นจริงก็มีอะไรซ่อนอยู่ดังที่คุณๆก็คงพอรู้.










ลากันด้วยภาพตึก Twin Tower ยามค่ำคืนครับ





ขอบคุณที่ติดตามชม





____________ END ____________





Create Date :07 กุมภาพันธ์ 2554 Last Update :26 มิถุนายน 2556 17:30:23 น. Counter : Pageviews. Comments :27