bloggang.com mainmenu search








ฝนที่ตกถี่ขึ้นทุกวันก็น่าจะเป็นสัญญานเตือนให้เตรียมตัวรับกับฝนใหญ่ที่จะมาในไม่ช้านี้ และอย่างน้อยที่ผ่านมาก็ควรจะรู้กันแล้วว่า ใบปัดน้ำฝนกระจกบังลมหน้า และอุปกรณ์ฉีดน้ำล้างกระจก ที่แสนจะจำเป็น สำคัญอันดับแรกของรถคุณพร้อมหรือยัง





เพื่อให้ทัศนวิสัยดียิ่งขึ้น พวกน้ำยากันน้ำยึดเกาะกระจก water repellant ที่หาซื้อง่ายหน่อยก็คงจะเป็นพวก clear view แต่ไม่ใช่ดีที่สุด ของดีมันแพงกว่านั้นเท่าตัว กระป๋องพลาสติกสีเหลืองจะมีขายอีกไหมไม่รู้ วิธีใช้ก็ง่ายมาก คือล้างกระจกที่จะทำความสะอาดแล้วใช้น้ำยาล้างกระจกทั่วไป ที่มักเป็นสีฟ้า ฉีดแล้วเอากระดาษหนังสือพิมพ์เช็ดจนสะอาด ต่อจากนั้นก็ใช้น้ำยาที่แนะนำนี้หยดลงบนกระจกพอประมาณ (ระเหยเร็วนะครับ) ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นใหม่หรือผ้าสะอาดก็ได้ เช็ดกระจกหมุนเป็นวงหลมจนทั่ว เท่านั้นครับ ทำแบบนี้น้ำยาจะคงประสิทธิภาพสู้ฝนได้ 2-3 วันเป็นอย่างน้อย เวลาน้ำฝนหยดหรือสาด หรือเทลงมาบนกระจก มันจะเป็นหยดเล็ก ๆกระจายทั่วและโดนลมพัดออกไปจนหมด ถ้าตกไม่หนักมากนี่ไม่จำเป็นต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนด้วยซ้ำ ให้ประโยชน์คุ้มค่ามาก กระจกที่ควรทำความสะอาด ก็มีกระจกหน้า หลัง ข้าง ๆด้านคนขับและคนนั่งหน้า และกระจกมองหลังด้านข้างสองข้างครับ เท่านี้ทัศนวิสัยก็แจ่มจรัสแล้วแน่นอน


เมื่อเห็นถนนหนทางได้ชัดเจนแล้วด้วยการลงทุนไม่กี่ร้อยบาท ต่อไปก็ดูแลเรื่องยางให้อยู่ในสภาพดี มีดอกยางลึกพอประมาณ อย่างน้อยก็น่าจะครื่ง เซ็นติเมตรหรือ 5 มิลลิเมตรเป็นอย่างต่ำ ร่องดอกยางยิ่งมากก็ยิ่งดีเพราะจะรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดีกว่า ที่สำคัญควรวัดลมยางให้ได้ตามกำหนด แข็งกว่าเล็กน้อยดีกว่าอ่อนเกินไป เพราะยางที่อ่อนเกินไปนั้น ส่วนนูนตรงกลางหน้ายางจะยุบโค้งขึ้นและขอบยางด้านข้างทั้งสองจะกดบนถนนมากกว่า ทำให้น้ำถูกกักไว้กลางหน้ายาง รีดน้ำได้แย่ลง รถก็จะลื่นไถลได้ง่ายขึ้น


หากต้องลุยน้ำที่ท่วมสูง อย่างง่ายที่สุด หาท่อยางหม้อน้ำเก่า ๆมาใส่ไว้ที่ปลายท่อไอเสียแล้วผูกยกปลายให้สูงพ้นน้ำ หรือหาท่อที่งออยู่แล้ว มาสวมใส่ปลายท่อไอเสีย ให้งอปลายสูงขึ้นก็ได้




ตรงกลางเครื่องยนต์ที่เห็นเป็นวงกลมเรียงซ้ายไปขวา 4วงแล้วมีสายสีดำ นั่นคือปลั๊กหัวเทียนและสายหัวเทียน ที่ต้องฉืดน้ำยาให้รอบ และปลั๊กต้องอยู่ในสภาพดีเพื่อกันน้ำเข้าไป ที่ปลายสายจะไปรวมกันที่จานจ่ายไฟ ซึ่งก็ต้องฉีดน้ำยาเช่นกัน อาจใช้ถุงมือยางมาตัดปลายนิ้ว 4 รูเพื่อเอาสายหัวเที่ยนสี่หัวใส่เข้าไป แล้วส่วนกว้างอีกด้านที่ปกติสวมเข้ากับมือ ก็เอาคลุมตัวจานจ่ายไฟไว้ อันนี้กันได้ 100%>


ด้านเครื่องยนต์นั้น ใช้น้ำยาป้องกันความชื้น ไม่ว่าจะเป็น WD40 Sonax Three bond สาระพัดยี่ห้อ มาฉีดตามปลั๊กขั้วสายไฟป้องกันไว้ก่อนก็จะดี โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานมาเกิน 5ปีแล้วนี่จำเป็นมาก เพราะยางกันน้ำตามปลั๊กต่าง ๆมักจะเริ่มป้องกันไม่ได้เต็มที่แล้ว ที่สำคัญก็คือตามปลั๊กหัวเทียนที่ส่วนบนสุดของเครื่องยนต์ที่มีสายไฟเส้นใหญ่ไปกลางสูบแต่ละสูบ เครื่องยนต์ 4 สูบก็มีสี่สาย มากสูบก็มากสายขึ้นไปตามจำนวนสูบครับ และสายดังกล่าวจะไปรวมกันที่จานจ่ายไฟ ที่เราก็ต้องให้ความสำคัญ ฉีดสเปรย์ให้ทั่วทั้งหัวสาย ปลั๊ก และรอบตัวจานจ่ายไฟ หากไม่รู้จักก็ให้ช่างตามอู่ที่ซ่อมรถให้คุณอยู่เขาจัดการให้ก็ได้ ฉีดครั้งหนึ่งก็ป้องกันได้หลายวันอยู่ครับ เท่านี้โอกาสที่ีเครื่องยนต์จะดับก็ลดน้อยลงไปเกินครื่งแล้ว ง่าย ๆ ลงทุนต่ำ


จากขับรถลุยฝน เร็วและปลอดภัย ตอนที่แล้ว 120 กม /ชม รถเสียหลัก ฯ มีคอมเม้นท์จากเพื่อน ๆที่ดี ๆอยู่มาก และนี่เป็นหนึ่งตัวอย่างที่นำมาให้อ่านกัน


คห.ที่14 คอมเม้นท์ที่ 14ประสบการณ์จริงของคุณแม่หมู jamaica


ขับรถขณะฝนตก......นึก ๆแล้วก็เคยเจออุบัติเหตุเหมือนกันค่ะ

แม่หมูขับรถนับ ดูก่อนนะคะ 1 2 3 4 5 เอ่อ 17 ปีมาแล้วค่ะ อิอิ
แต่เมื่อ 13 ปีที่แล้วตอนเย็น ๆฝนตกหนักไปรับลูกกลับจากโรงเรียน

ยังอยู่อนุบาลนอนดูดขวดนมอยู่หลังรถค่ะ

ขับมาเรื่อย ๆอยู่ในความเร็วพอฉลุยค่ะฝนตกหนักพอควร

แท็กซี่ข้างหน้าเบรค กระทันหัน อะจ๊าาาาก

ทันทีเลยแม่หมูเหยียบเบรค ฉึกฉึก 2 ครั้งติดกัน(มันเป็นเทคนิค อิอิ)

แทกซี่คันข้างหน้าชนแท็กซี่ด้วยกันโครม

ไชโย.....เรารอด...... ลูกหล่นจากเบาะไม่เจ็บ

ปึก ....เราไม่รอดละสิ.....โดนชนก้นค่ะ บุบบู้บี้

สุดวิสัยใช่มั๊ยคะแบบนี้ช่วงเวลามันแป๊ปเดียวนะคะ

โดยผลของกฎหมายคันข้างหลังชดใช้ค่าเสียหายให้แม่หมูค่ะ
แต่ก็เสียเวลาไปเยอะนะคะรถติดยาวเหยียดเลยค่ะวันนั้น

(จขบ เข้าใจที่เล่ามั๊ยหนอ)


โดย: jamaica 3 พฤษภาคม 2554 18 : 27 : 06 น.


ขอบคุณแม่หมู jamaica มากนะครับที่ช่วยแบ่งปันประสบการณ์จริงให้กับผู้อ่าน (เพิ่มข้อมูล 07.20น. 04/05/54)


จะเห็นได้ว่าคุณแม่หมู jamaica นอกจากทำบล็อกเพลงเก่ง เขียนข้อความเล่าเหตุการณ์ได้ตื่นเต้นพร้อมมุกเบรค ฉึก ฉึกสองครั้งติดกัน และย้ำว่ามันเป็นเทคนิค อิ อิ ที่จริงใช่เลย ไม่รู๋ใครบอกกับคุณแม่หมูไม่รู้นะ เทคนิคอันนี้คือเทคนิคของ ABS Anti-lock Brake system ในปัจจุบัน


เริ่มจากประสิทธิภาพเบรคจะดีที่สุดก็ตอนที่สามารถลดความเร็วการหมุนของล้อให้ลดลงและหยุดได้ในที่สุดด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุด (มีเงื่อนไขร่วมคือต้องมีการยึดเกาะของยางกับถนนอย่างดีด้วย)


ถ้ารถวิ่งมาด้วยความเร็วสุงแล้วเราเบรคจนล้อล็อคตายหยุดนิ่ง ยางที่ล้อก็จะบดสีกับพื้นถนนที่จุดเดียว (เพราะล้อหยุดหมุน) จะเกิดความร้อนสูงมากจนยางละลายและไถลถูไถไปบนถนนต่อไปด้วยแรงเฉื่อยสะสมของตัวรถ นั่นคือประสิทธิภาพของการเบรคให้รถหยุดนิ่งลดน้อยลง เพราะสูญเสียประสิทธิภาพความฝืดของยางกับพื้นถนนไป ซึ่งขณะนั้นเราก็จะไม่สามารถควบคุมการบังคับเลี้ยวได้ด้วยเช่นกัน


มองอีกมุมหนึ่ง ทันทีที่คุณแม่หมูเหยียบเบรคอย่างแรงจนล้อล็อคตาย ยางรถก็จะยังครูดไปกับถนนอยู่ รถก็จะไม่หยุดเสียทีเดียว อาจมีอาการล้อล็อคเข้ามาร่วมด้วยจนยางไถลครูดไปกันพื้นถนน และเสี้ยววินาทีนั้นซึ่งคุณแม่หมูปล่อยเบรคให้ลดอาการเบรคล็อคลงแล้วเหยีบเบรคใหม่อีกที ในเวลาระหว่างนั้นสัมประสิทธิความฝืดของการยึดเกาะระหว่างยางกับพื้นถนนก็จะกลับดีขึ้นอีกจะรถสามารถชะลอความเร็วหยุดได้ทันเวลา จนคุณแม่หมูอดที่จะร้อง ไชโย ... เรารอด (แต่คันหลังไม่เก่ง ก็เลยไม่รอด อิ อิ )


ถึงแม้คุณแม่หมูจะไม่ใช่ นักซิ่ง หรือนักแข่ง แต่การเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ จดจำจนขึ้นใจและนำมาใช้ได้ในวินาทีฉุกเฉินนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง ขอชมเชยครับ


กลไกการทำงานของ ABS ก็เช่นกัน ทันทีที่เบรคล็อคล้อตาย มันจะลดแรงดันเบรคโดยอัตโนมัติ ก็เหมือนคุณแม่หมูปล่อยเบรค แล้วจะเพิ่มแรงดันใหม่ทันทีอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงอัดจากปั๊มไฟฟ้า แล้วปล่อยอีก อัดอีก สลับกันไปอย่างรวดเร็ว วินาทีละหลาย ๆรอบ ซึ่งก็เหมือนกับการที่คุณแม่หมูได้ทำไปนั่นเอง


สำหรับคนที่อยากทดลอง ก็หาที่ที่ถนนเปียกลื่น ไม่มีรถเลยระยะทางวิ่งยาว ๆสักร้อยถึงสองร้อยเมตร อยู่ในที่ส่วนตัว ที่ดูแล้วปลอดภัย ลองดูได้นะครับ ขับรถที่ความเร็วสักสามถึงสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง เหยียบเบรคอย่างแรงจะล้อล็อค หักพวงมาลัยไปด้านใดด้านหนึ่งเล็กน้อย รถจะยังคงวิ่งตรงไป แต่หากปล่อยเบรคให้ล้อหมุนได้อีกครั้ง รถจะพุ่งไปในทิศที่คุณหักพวงมาลัยไปในทันที ระวังให้ดีนะครับ อย่าตกใจ รถวิ่งคันเดียวมีที่พอให้ลองและว่างจริง ๆ สุดท้าย ก่อนปล่อยเบรคให้แน่ใจว่าพวงมาลัยอยู่ในตำแหน่งตรงแล้ว ไม่อย่างนั้นตัวใครตัวมัน


อยากให้ลองไปอ่านคอมเม้นท์ของผู้อ่านด้านล่างที่ให้สาระความรู้และความบันเทิงเป็นอย่างมากครับ


ชมชีวิตใต้สมุทร โรงแรมเสมือนจริง ของดีที่ไม่ควรพลาด คลิ๊ก* * * * ปลา * * * * บล็อกที่ 758


เรื่องก่อนหน้านี้คือ ขับรถลุยฝนเร็วและปลอดภัยคลิ๊ก120 กม./ชม. รถเสียหลักกลางสายฝน ทำไงดี


อ่านประสบการณ์แข่งรถนัดเปิดสนามเอเซียน่า พร้อมชมภาพของพระองค์เจ้า พีระ ฯ บิดาแห่งวงการแข่งรถของไทย คลิ๊ก
Create Date :02 พฤษภาคม 2554 Last Update :16 มิถุนายน 2556 11:08:25 น. Counter : Pageviews. Comments :41