โชคว่า 30ล้าน/ปี เพื่อให้เด็กไทยและคนไทยได้ดูหมีแพนด้าอย่างหลินปินที่เกิดเมืองไทยมีชื่อที่เด็กไทยเป็นคนตั้งมันก็ดีอยู่แล้วครับ แถมยังเป็นการนำเงินเข้าเมืองเชียงใหม่จากการท่องเที่ยวของผู้คนจากจังหวัดต่างๆอีกด้วย 

ภาพเด็กรร.รัฐบาลที่นอนเรียงรายกันอยู่นั้นน่าสงสารมากครับ แต่การนำเงิน30ล้านบาท/ปี ไปช่วยเด็กเหล่านี้นั้นมันเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด เหมือนใส่ความรู้สึกชิงชังหมีแพนด้าอยู่แล้วโดยเอาเด็กมาอ้าง?! 

การแก้ปัญหาที่ตรงจุดก็คือการ ลด ละ เลิก งบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการฝึกอบรม ประเมิน สัมมนา ทัศนศึกษา ของครูที่กระทรวงศึกษาธิการอัดฉีดงบลงไปสู่เขตพื้นที่การศึกษาแต่ละแห่งที่ชอบจัดกันขึ้นมามากกว่า(ไร้สาระและเป็นการโกงกินงบประมาณโดยมีภาพถ่ายแต่ไม่สามารถจับต้องเป็นรูปร่างให้ตรวจสอบได้) ลองไปดูเอาเถิดการจัดแต่ละครั้งมีทั้งเบี้ยประชุม ค่าเช่าโรงแรม ค่าจัดเลี้ยง ฯลฯ เอาแค่ค่าป้ายไวนิลแปะชื่อท่านประธานและผู้ฝึกอบรมรวมถึงดอกไม้บนโพเดียมรวมกันทุกเขตรวมกันจัดปีละหลายสิบครั้งก็มากกว่า30/ปีเข้าไปแล้ว เอาให้มันน้อยๆเถอะเรื่องพวกนี้แล้วจัดงบไปพัฒนาอาคารสถานที่และครูผู้สอนให้เขามีเพียงพอต่อเด็กและมีเวลาในการสอน ไม่ใช่ทั้งโรงเรียนมีครูอยู่4คน(สอนรวมทุกระดับ)แล้วต้องไปเดินพะเน้าพะนอตามท่านศึกษานิเทศน์ ท่านรองผู้อำนวยการ ท่านผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษากันทุกวันๆๆแล้วเด็กไทยจะเรียนกับใครนอกจากภารโรง

เมื่อยังเป็นอย่างนี้แล้วเมื่อใดคุณภาพการศึกษาเราจะพัฒนาเทียบเท่าอาเซียนเขาได้ อย่าว่าแต่อาเซียนเลยแค่โรงเรียนเอกชนในประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐน้อยกว่า แต่ทำไมผลงานเขาจึงออกมาดีกว่ารร.รัฐบาลกัน(น้าโชคเขาฝากมา) 

ปล.ปล่อยให้ข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการและสนง.เขตพื้นที่การศึกษามันหากินกับสมองเด็กไทยกันมานานแล้ว สมควรเปลี่ยนแปลงระบบกันในยุคนี้เสียที ลดทอนอำนาจในบางกลุ่มแล้วกระจายอำนาจสู่ตัวผู้สอนให้เขาได้สามารถฝึกฝนเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเพื่อนำไปสอนเด็กไทยแบบในอดีตกันเถิด(เขาเรียนครูเพื่อมาเป็นครู ไม่ได้เรียนครูเพื่อมาอบรมละลายงบประมาณ)