เกมส์เศรษฐี หรือ LINE Let’s Get Rich ถือเป็นเกมส์ที่ได้รับความนิยมจากผู้เล่นทั่วประเทศ หากเมื่อจำลองในสนามทางด้านการเงินแล้ว จะพบว่าสามารถประยุกต์ใช้จากการเล่นเกมส์ให้อย่างมีประโยชน์ และอาจเป็นเศรษฐีในวันข้างหน้า มาดูข้อมูลกันว่าเราเรียนรู้อะไรจากการเล่นเกมส์เศรษฐีบ้าง

*ข้อมูลจาก Flint Phimanpommachak จาก Facebook*

1 เงินสดมีค่าน้อยลง แต่ทรัพย์สินมีมูลค่ามากขึ้น
2 เงินสดมีค่ามากขึ้น เมื่อคนขาดสภาพคล่อง
3 เมื่อคนขาดสภาพคล่อง คนพร้อมขายทรัพย์สิน ในราคาถูกกว่าตลาด (ตอนหุ้นลง)
4 เมื่อทุกคนมีเงิน ทุกคนจะกล้าลงทุน แม้ว่าจะต้องซื้อทรัพย์สิน ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าแท้จริง (ตอนหุ้นขึ้น)
5 มีเงินสดมากไปก็ไม่ดี จะทำให้คู่แข่งมีทรัพย์สิน มากกว่า เราจะเสียเปรียบ

เมื่อ ทรัพย์สิน มีมูลค่า มากขึ้น หมายถึงเงินเฟ้อ
6 มีทรัพย์สิน มากไป แต่เงินสดไม่เพียงพอก็ไม่ดี เพราะเวลามีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เราจะขาดสภาพคล่อง และพร้อมขายทรัพย์สิน ในราคาถูก
7 จะเอาเงินจากคนรวยเป็นเรื่องง่าย เพราะคนรวยมีเงินจ่าย แต่ถ้าคนรวยเห็นโอกาส เขาจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อโอกาสที่คุ้มค่า และผูกขาดตลาด เช่นสร้าง Landmark ทั้งๆที่เราเป็นคนสร้างบ้านกับโรงแรมมาตั้งแต่ต้น
8 เอาเงินจากคนจน หรือ คนชั้นกลางจึงดีกว่า เพราะเขาจ่ายค่าผ่านทางเรา แล้วเขาไม่มีเงินซื้อที่ต่อจากเราไปทำ Landmark
9 คนเกิดมาในครอบครัวมีฐานะดี มีโอกาสชนะมากกว่า ( มีการ์ด A+ กับ ลูกเต๋ากล่องสมบัติ ) แต่ไม่ใช่ไม่มีโอกาสแพ้ ถ้าไม่รู้ใช้โอกาสให้เป็น ทอย Double 3 ทีติด ก็ติดคุก หรือเวลาเล่นเป็นทีม คบเพื่อนไม่ดี เพื่อนพาตกต่ำ
10 การ Upgrade Card ก็เหมื่อนการสร้างมูลค่า ให้ตัวเอง มันใช้เงินและเวลามหาศาล กว่าจะได้เงินต้องแข่งให้ชนะอีก แต่เมื่อตัวเรามีมูลค่า คือมีคุณค่า เราก็มีโอกาสชนะในเกมต่อๆไปง่ายขึ้น และรางวัลก็สูงขึ้นด้วย

11 ถ้าตัวเรามีมูลค่า ที่ดีแล้ว เราปล่อยให้ระบบมันพาเราไป(เล่นอัตโนมัติ) ไม่ต้องไปเฝ้า ก็ชนะได้ เหมือนถือหุ้นดี ไม่ต้องเฝ้า รอกิน กำไรส่วนเกินทุน กับ เงินปันผล
12 การมีที่ดินในแถบเดียวกัน จะทำให้เก็บค่าผ่านทางได้มากขึ้น เหมือนเราผูกขาดธุรกิจแถวนั้นแล้ว เวลายังไม่ได้สร้าง Landmark คู่แข่งเราจึงพยายามซื้อ หรือหาการ์ดมาบังคับเราให้ขายที่ตรงนั้นซะ เพราะถ้าเราได้ดี คนอื่นจะเสียเปรียบ นี่เหละโลกแห่งความเป็นจริง
13 ถ้าเล่นเป็นทีม จะดีกว่า บางทีเพื่อนตกในที่เรา เขาก็ซื้อทรัพย์สิน เพิ่มให้ เพราะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เรียกว่าทำธุรกิจแบบได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย แต่อย่าลืมว่าคู่แข่งก็มีเพื่อนเหมือนกัน การมีเพื่อนเก่งจึงสำคัญ แต่ถ้าตัวเราไม่เก่ง เพื่อนเก่งๆก็ไม่อยากอยู่ทีมเดียวกับเรา
14 ถ้าซื้อพวก เกาะ หรือ สถานที่ท่องเที่ยว คู่แข่งไม่สามารถซื้อต่อจากเราได้ ถ้าเราไม่กดขายไปก่อน เหมือนทำธุรกิจที่มีความเป็น Specialist เราต้องยอม เขาถึงได้โอกาสนั้นไป
15 การวางแผนทางการเงิน มีเงินสด กับทรัพย์สิน ให้ทรงตัว บวกกับมี การ์ดดี ลูกเต๋าเทพและมีการ์ดป้องกันโจมตีหรือส่วนลดตอนจ่ายค่าผ่านทาง มีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าเปรียบกับชีวิตจริงคือ รู้จักเก็บออมเงิน และต้องรู้จักลงทุนด้วย ให้มีเงินสดพอฉุกเฉินและพอที่จะลงทุนเมื่อมีโอกาส ระหว่างทางต้องลงทุนสม่ำเสมอ และมีประกันสุขภาพ ประกันชีวิตด้วย เผื่อมีเหตุไม่คาดคิดจะได้ยังดำเนินธุรกิจ ต่อได้

16 การอวดชัยชนะเราจะได้เพชร แต่การที่ไปอวดให้คนที่ไม่ได้ทำธุรกิจเดียวกับเรา เขาจะไม่เข้าใจและรำคาญ บางทีคนเล่นเหมือนเรายังรำคาญเลย สังคมที่เรารู้จักจึงต้องเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี รู้จักใจเขาใจเรา มีน้ำใจ เลือกส่งเฉพาะคนที่มันส่งให้เราบ่อยๆ น่าจะเข้าใจกันดีแบบได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย แกได้เพชร ฉันได้เพชร ไม่รบกวนคนอื่น
17 คนรวยใช้เงินซื้อโอกาสได้ แต่ซื้อประสบการณ์ไม่ได้
18 คนที่ยังไม่รวย ต้องใช้ความพยายามสม่ำเสมอ ฉลาด และเวลาที่มากพอ จะสามารถเป็นคนรวยได้ และตอนนั้นจะใช้เงินซื้อโอกาส และมีประสบการณ์มากกว่าคนอื่น โอกาสจะเป็นมหาเศรษฐีจึงง่าย
19 คนรวยเอาเงินซื้อเวลาเรียกว่าใช้เงินเป็น เวลามีค่ามากกว่าเงิน
คนจนเอาเงินซื้อเวลา เรียกว่า ขี้เกียจ
20 คนประสบความสำเร็จ ไม่ได้มาจากการเสี่ยงมากๆ คือลงทุนหมดหน้าตัก เสี่ยงมากโอกาสรวยเร็วๆมี แต่ถ้าหมดตัว ก็ไม่มีโอกาสแก้ตัว การรวยจากกำไรทบต้นและรู้จักการบริหารความเสี่ยงได้ดีจึงเป็นเรื่องน่าชื่นชม (Compounding Investmen )
21 คนเรามีข้อมูลเท่ากัน แต่ใช้ประโยชน์จากมันได้ไม่เท่ากัน เพราะ วิมังสา (การพิจารณา) ไม่เท่ากัน อ่านหนังสือเยอะ เรียนเยอะ ต้องฝึก พิจารณาด้วย ถ้าเป็นแบบนี้เราจะเรียนรู้ได้จากทุกๆอย่าง
ข้อสุดท้าย พิเศษ ” ภาษีเป็นอะไรที่ไม่มีใครอยากจ่าย เพราะไม่รู้มันเอาเงินเราไปทำอะไร? ” ยังไม่เห็นความคุ้มค่าเลย