bloggang.com mainmenu search

ก่อนที่จะไปดู หนังฟอร์มยักษ์ ซูเปอร์ ฮีโร่ อีกคนหนึ่ง ที่ทุกคนรอคอยอย่าง The Amazing Spider-Man กันนั้น เพื่อนๆรู้สึก แปลกๆ หรือ สงสัยกับหนังเรื่องนี้หรือไม่ เอ๊ะ! ทำไม พระเอก นางเอก ไม่ใช่คนเดิม , ทำไม Spider-Man ต้องใช้อุปกรณ์ชักใยเสริม แล้วภาคนี้แตกต่างจากภาคก่อนๆยังไงบ้าง … teen.mthai เลยไปหาคำตอบมาให้เพื่อนๆได้ดูกันคะ ^^

10. คำที่ถูกต้องของ Spider-Man

หลาย ๆ คน ถ้าไม่สังเกตุดูดี ๆ จะคิดว่าไอ้แมงมุมเวลาเขียนภาษาอังกฤษจะคิดว่าเป็น Spiderman แต่ความจริงที่ถูกต้องจะต้องเป็น Spider-Man โดย สแตน ลี (Stan Lee) ผู้ให้กำเนิด Spider-Man ให้เหตุผลว่าถ้าเป็น Spiderman เขียนติดกันแล้วรู้สึกว่าดูเผิน ๆ มันจะไปคล้ายกับโลโก้ Superman ซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในเวลาไล่เลี่ยกัน ( ในอดีต ) สแตนลีเลยยืนกรานว่าต้องให้มีขีดตรงกลางระหว่างคำว่า “Spider กับ Man” และเขาจะอารมณ์เสียมากบ่อยๆถ้าเห็นใครไม่ใส่ขีดเส้นกลางนี้ ดังนั้นถ้าหากเป็นแฟนพันธ์แท้ของ Spider-Man อย่าลืมเขียนขีดตรงกลางกันนะคะ ไม่งั้น ลุงสแตน ลี แกจะน้อยใจเอา

9. เครื่องแบบของ Spider-Man ดีไซน์ใหม่!!!

ชุดของ Spider-Man ชุดใหม่มีการออกแบบขึ้นมาใหม่ด้วยความทันสมัยต่างจากภาคก่อนๆมากขึ้น และมีดีไซน์ลายแมงมุมที่หน้าอกและกลางหลังตัวเล็กลงแต่ขายาวขึ้น อีกทั้งยังไม่เน้นลวดลายของใยแมงมุมบนร่างกายเหมือนแต่ก่อน (ลายใยแมงมุมจางหายไป ) เพื่อให้ดูเข้มแข็งมากขึ้น มีความดาร์กมากขึ้น เห็นตัวภาพยนต์มาแนวดราม่า ก็เลยคิดว่าคนดีไซน์คงตั้งใจให้ชุดมีความดาร์กขึ้นเพื่อเหมาะสมกับตัวเนื้อ เรื่อง ) หากเทียบกับชุดในเวอร์ชั่นเก่า 3 ภาคก่อนหน้านี้จะดูต่างกันในเรื่องของโทนสีอย่างชัดเจนอีกต่างหาก แต่นายแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ผู้รับบทสไปเดอร์แมนได้ให้ความเห็นไว้ว่ามันเป็นชุดที่ใส่แล้วคัน ฟิตมาก การเคลื่อนไหวในฉากบู๊ก็ลำบากพอสมควรเลยทีเดียว หากเพื่อนๆอยากรู้ว่าจะเป็นจริงแบบที่อ่านหรือไม่ ต้องลองไปจ้องดูดีๆในภาพยนต์กันแล้วล่ะ
8. Spider-Man ภาคนี้มีความดราม่าพอสมควร!!!

ต่อกันที่อันดับ 8  เนื่องจากสไปเดอร์แมน เวอร์ชั่นภาพยนต์ 3 ภาคก่อนหน้านี้ยังไม่มีความเป็นดราม่าซักเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะผู้สร้างหรือผู้กำกับอยากให้สไปเดอร์แมนเป็นภาพยนต์ทีเด็กและ วัยรุ่นดูได้เป็นหลัก จึงไม่อยากใส่ความเป็นดราม่าเข้าไปมากนัก แต่ในสไปเดอร์แมนภาครีบูทนี้กลับกัน ทางผู้สร้างมีการนำปมชีวิตของสไปเดอร์แมนใส่เข้ามาอย่างจัดเต็ม ทั้งปัญหาพ่อแม่ของปีเตอร์ว่ากำลังทำการทดลองอะไร ปัญหาการโดนกลั่นแกล้งในมหาวิทยาลัย การไม่เป็นที่ชื่นชอบของสาวที่ตัวเองหมายปอง และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ การละเลยจับตัวผู้กระทำความผิดจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงเบน ต้องจบชีวิตลง ซึ่งความเป็นดราม่านี้ก็ตรงกับความตั้งใจของ สแตนลีที่เคยกล่าวไว้ในเวอร์ชั่นคอมมิคว่า “ผมแค่อยากทำซูเปอร์ฮีโร่คนแรกที่สมจริง ในสมัยนั้นซูเปอร์ฮีโร่เป็นคนที่แทบจะไม่มีปัญหาชีวิตเลย ปัญหาเดียวของพวกเขาคือจะจัดการกับเหล่าวายร้ายยังไง ผมไม่อยากเขียนเรื่องแบบนั้น ผมอยากเขียนถึงตัวละครที่มีปัญหาเรื่องเงินเหมือนกับผม ผมอยากให้เขามีป้าที่ป่วย มีลุงที่ต้องเสียชีวิตเพราะเขา ไม่ป็อปปูล่าที่โรงเรียน โดนกลั่นแกล้งเสมอ และอยากเป็นคนสำคัญของหญิงสาวที่ตัวเองหมายปอง ” ชีวิตของสไปเดอร์แมนจะดราม่าเหมือนดังที่สแตนลีผู้ให้กำเนิดหวังไว้หรือไม่ คงต้องไปติดตามกันในภาพยนต์กัน

7 . Spider-Man ต้องใช้อุปกรณ์ยิงใย!!!

ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในภาครีบูทนี้มีพรสวรรค์และเป็นอัจฉริยะในการประยุกต์ใช้ความรู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเคมี ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ซึ่งนอกเหนือจากพลังพิเศษแล้ว เขายังได้สร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้ควบคู่กับพลังของเขาอีกด้วย โดยอุปกรณ์ที่ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสไปเดอร์แมนก็คือ เครื่องยิงใยแมงมุม (web-shooter) ที่เขาพัฒนาขึ้น อุปกรณ์นี้สามารถปล่อยสารประกอบที่มีความเหนียวอย่างมากคล้ายใยแมงมุม ซึ่งจะสลายตัวไปหลังจากที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว 2 ชั่วโมง ดังนั้นเพื่อนๆที่เคยจดจำภาพลักษณ์ของ Spider-Man ที่ยิงใยได้เองคงจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่กันหน่อยแล้ว เพราะ Spider-Man ตัวจริงในคอมมิคจะต้องยิงใยโดยใช้อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นนั่นเอง

6.  ศัตรูตัวฉกาจของ Spider-Man ภาคนี้เคยปรากฏตัวมาแล้วในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ถีง 2 ภาค!!!

อาจจะเป็นเพราะสไปเดอร์แมนได้ทำเป็นภาพยนต์ไปแล้วถึง 3 ภาค โดยทั้ง 3 ภาคนั้นต่างมีตัวร้ายเด่นๆ มาปรากฏไปแล้วหลายตัว แต่หากใครเป็นแฟนคอมมิค จะเห็นตัวละครตัวหนึ่งโผล่มาแล้วในภาค 1 และ 3 แต่ยังไม่เคยมาเป็นตัวร้ายเลย พอรู้กันแล้วใช่ไหมครับ!!! ใช่เลยตัวละครที่โผล่มานั่นคืออาจารย์ของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ในมหาวิทยาลัยที่มีแขนเพียงข้างเดียว เคิร์ต คอนเนอร์ส หรือ ลิซาร์ด นั่นเอง!! แต่ตอนที่ปรากฏตัวนั้นยังไม่เป็นตัวร้าย ลิซาร์ด เป็นแค่อาจารย์ธรรมดาในมหาวิทยาลัยเท่านั้น เรียกได้ว่าทางผู้จัดทำคงไม่อยากให้ตัวร้ายโผล่มาซ้ำๆกัน ก็เลยจัด ลิซาร์ด ที่ผลุบๆโผล่ๆ มาก่อนหน้านี้ ให้ปรากฏตัวในภาครีบูทนี้ซะเลย และถ้าอยากรู้ว่า ลิซาร์ดจะร้ายกาจแค่ไหนคงต้องไปติดตามชมในโรงกันนะคะ

5. เกวน สเตซี่ แฟนคนแรกของ Spider-Man ตัวจริงมาแล้ว!!!

แฟนๆคอมมิคบางคนอาจจะดีใจจนแทบจะกระโดด เมื่อรู้ว่านางเอกภาคนี้ไม่ใช่ แมรี่ เจน วัตสัน แต่เป็นสาวผมบลอนด์ในตำนาน เกวน สเตซี่ ทำให้ถูกอกถูกใจสาวกคอมมิคยิ่งนัก เพราะเรื่องราวของเธอกับพระเอกปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ในคอมมิคนั้นทั้งเข้มข้น เต็มไปด้วยเรื่องดราม่าพลิกผัน และเป็นรักแรกที่ปีเตอร์รักมากที่สุดก่อนจะได้เจอกับ แมรี่ เจน วัตสัน ทำให้หลายคนคาดหวังไว้ว่า ภาคนี้ต้องมีเรื่องราวที่สุดยอดเกี่ยวกับปีเตอร์กับเกวนในภาพยนต์เรื่องนี้ แน่ๆ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เอ็มม่า สโตน จาก Easy A มารับบทเป็นเกวน ซึ่งในเรื่องนี้เธอดูสวยเฉิดฉายสุดๆในลุคผมบลอนด์ ดูเหมาะสมกับบท เกวน สเตซี่ ในคอมมิคมากๆ

4 อุปนิสัยของ Spider-Man มีความใกล้เคียงกับคอมมิคมากขึ้น!!!

The Amezing Spider-Man ฉบับรีบูทใหม่นี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับในคอมมิคมากขึ้นโดยเฉพาะ ปีเตอร์จะไม่มีบุคลิคคล้ายเด็กเนิร์ดติ๋มๆซักเท่าไร มีความอยากแสดงออกถึงตัวตนให้คนอื่นได้รับรู้เด่นชัดมากๆ ต่างจาก 3 ภาคเวอร์ชั่นเก่าก่อนหน้านี้ ถ้าเป็นเด็กเนิร์ดจริงๆเมื่อตอนได้รับพลังมาครั้งแรกก็ต้องคิดในแง่ถูกผิด เป็นอันดับแรกอยู่แล้ว แต่ปีเตอร์กลับเอาไปสร้างรายได้ให้ตัวเองโดยไปเล่นมวยปล้ำ เอาไปอัดเพื่อนที่ชอบแกล้งตน เหมือนสนองความรุนแรงของตน แถมยังมีนิสัยภายใต้หน้ากากเป็นคนกวนและมีอารมณ์ขันสุดๆ ซึ่งในกรณีนี้ก็พอจะทราบถึงนิสัยแล้วว่าปีเตอร์ไม่ใช่พวกเนิร์ดอะไรมากมาย ซึ่ง แอนดรูว การ์ฟิลด์ คนนี้ก็ดูสมบทบาทแบบนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะสมัยนี้จะมาหาเด็กหนุ่มใส่แว่นผมเรียบทำตัวเหนียมอายตลอดเวลามันไม่ ค่อยจะมีซักเท่าไรแล้ว ยังไงก็ต้องทำยุคตามสมัยกันบ้าง อีกทั้งยังมีคำพูดที่ยียวนกวนประสาท กัดจิกเหล่าร้ายทั้งหลายในขณะต่อสู้ให้รู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา ( ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ปีเตอร์เหมือนเด็กเก็บกดหรือเปล่า เลยต้องมาระบายออกทางคำพูดขณะใส่ชุดสไปเดอร์แมนแทน ) ซึ่งตรงจุดนี้ เพื่อนๆที่เคยดูภาพยนต์เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ภาคและไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นคอมมิค อาจจะงงกันบ้าง เล็กน้อยว่า ก่อนหน้านี้เห็นเงียบๆ ติ๋มๆ แต่ทำไมภาครีบูทใหม่นี้ ถึงพูดมากซะจนน่ารำคาญแทนตัวร้ายกันเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้แหละที่แฟนคลับสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นคอมมิคทั้งหลายต่างบอกเป็น เสียงเดียวกันว่า ปากจัดแบบนี้แหละ สไปเดอร์แมนตัวจริง!!!

3. ผู้กำกับ มาร์ค เว็บบ์ ชิมลางกำกับ Spider-Man ครั้งแรก!!!

มาร์ค เว็บบ์ ผู้กำกับจะมากำกับหนังภาคนี้ ไม่ใช่ผู้กำกับระดับพันล้านโด่งดังจากภาพยนต์เรื่องไหน งานกำกับของเขามีเรื่องเดียวคือ ภาพยนต์รักแหวกแนวเรื่อง (500) Days Of Summers ที่แม้จะมีคนชื่นชอบเรื่องนี้มากอยู่บ้าง แต่ก็อดสงสัยในใจไม่ได้ทุกครั้งว่า “จะรอดเหรอเนี่ย” ซึ่งผู้กำกับของหนังทุกเรื่องของ มาร์เวลสตูดิโอ ส่วนใหญ่แม้จะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มีสไตล์เป็นตัวของตัวเองเท่าแซม ไรมี่ ( ผู้กำกับ Spider-Man 3 ภาคก่อนหน้านี้ ) เลยซักคน แต่พอได้เห็นตัวอย่างหนังแล้วอาจจะผิดคาดไปบ้างเพราะในตัวอย่างภาพยนต์ เรื่องแอ็คชั่นก็ดูเข้าท่าไม่แพ้ 3 ภาคก่อนหน้านี้ ฉากบทสนทนาหรือมุขตลกต่างๆก็ถ่ายทอดจากในคอมมิคเป๊ะๆ

2 แซม ไรมี่ ผู้กำกับคนเก่าและนักแสดงชุดเดิมไปไหน??

เป็นสิ่งที่ถูกถามมาเป็นอันดับ 2 กันเลยทีเดียว โดยความจริงตอนแรกทาง Sony จะสร้างภาค 4 ตามแผนที่ได้วางไว้ แต่ผู้กำกับ “แซม ไรมี่” ไม่เอาด้วย เพราะทางสตูดิโอมายุ่มย่ามกับการตัดสินใจในเรื่องต่างๆมากเกินไป ( อาทิเช่นไม่ต้องการให้แซมหยิบเอาตัวละคร “มนุษย์นกแร้ง” มาใช้ เนื่องจากนำดีไซน์และเอกลักษณ์มาขายได้ยาก ) แต่สาเหตุหลักๆคือ Sony ได้เริ่มเข้ามายุ่มย่ามกับการตัดสินใจตั้งแต่ภาค 3 เพราะตอนนั้น “แซม ไรมี่” ไม่ต้องการให้มีตัวละคร “วีน่อม” แต่โดนทาง Sony ยัดเยียดให้ใส่มาจนเรื่องราวตีกันเละตุ้มเป๊ะอีรุงตุงนังไปหมด “แซม ไรมี่” เห็นดังนั้นจึงโบกมือลาหลังจากภาค 3 จบดีกว่า เมื่อผู้กำกับใหญ่ถอนตัวบรรดานักแสดงหลักๆชุดเดิมในเรื่องก็ขอถอนตัวเช่นกัน จึงทำให้ Sony ต้องเปลี่ยนแผนมารีบูทเรื่องราวขึ้นใหม่แทน ( ทางนักแสดงชุดเดิมทั้งหมดยืนยันว่าจะไม่แสดงบทเดิมกับผู้กำกับคนใหม่ เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่ “แซม ไรมี่” ) ซึ่งหวยก็ได้ไปออกที่ มาร์ค เว็บบ์ ให้มาเป็นผู้กำกับคนใหม่ ตามที่ได้อ่านไปในอันดับที่ 3 กัน

1. ทำไม Spider-Man ต้องรีบูท??

ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกถามมากเป็นอันดับ 1 จากเหล่าบรรดาแฟนๆ Spider-Man ทั้งหลายว่าทำไมต้องรีบูท ทำไมไม่ทำภาค 4 แทนล่ะ?? สาเหตุที่ทำไมต้องรีบูทนั้นมีดังนี้ ในก่อนหน้านี้ทาง Sony ได้ทำสัญญาหลังจากซื้อลิขสิทธิ์ตัวละครสไปเดอร์แมนจากค่าย Marvel คอมมิคไว้ว่า ถ้าหากไม่สร้างภาพยนต์สไปเดอร์เเมนภายในทุก 5 ปี ลิขสิทธิ์ต้องจะกลับมาเป็นของ Marvel ทันที ( เมื่อก่อน Marvel ไม่ได้สร้างหนังเองจริงจำเป็นต้องขายลิขสิทธิ์การสร้างภาพยนต์ไปให้ค่าย ภาพยนต์ต่างๆ เเต่ตอนนี้เปิดสตูดิโอภาพยนต์เองแล้วจึงมีความพร้อมในการเรียกลิขสิทธิ๋ตัว ละครคืนเพื่อมาสร้างหนังเอง ) และในปี 2012 นี้เป็นปีที่ 5 ครบกำหนดที่ sony จะต้องสร้าง Spider-man ต่อให้ทันพอดี อีกทั้ง Spider-Man ภาค 3 ที่สร้างไว้ มาถึงทางตัน กระเเสวิจารณ์ไม่ดี เพราะว่าเล่นเอาตัวร้ายออกไปเยอะเกิน บวกกับทางค่าย Sony มีปัญหากับ “แซม ไรมี่ ” ผู้กำกับคนเก่า เหมือนดังข้อ 2 ที่เคยกล่าวถึง คราวนี้ Sony เลยตัดสินใจต้องรีบูท Spider-Man ใหม่ตั้งเเต่เเรก เป็น The Amazing Spider-Man เพราะว่า Sony ไม่อยากให้ Spider-Man หลุดมือไป เพราะเป็นภาพยนต์ที่ทำเงินรายได้มหาศาลให้กับ Sony นั่นเอง

thx mthai

Create Date :05 กรกฎาคม 2555 Last Update :5 กรกฎาคม 2555 20:08:40 น. Counter : 2182 Pageviews. Comments :0