bloggang.com mainmenu search



นมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์
พระธรรม พระอริยสงฆ์ องค์พรหมเทพเทวา ผู้รักษาพระพุทธศาสนาทุกพระองค์

ขออาราธนาพระบารมีแห่งทุกพระองค์สถิตย์ในกาย วาจา และใจ ของข้าพระพุทธเจ้่า

และขออนุญาตเบิกบุญ ทาน ศีล ภาวนาของข้าพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญแล้วทุกชาติ
ขอผลบุญนี้จงถึงแก่ทุกท่านที่ได้มาอ่านกระทู้ของข้าพระพุทธเจ้านี้ ผู้มีบุญสัมพันธ์กับข้าพระพุทธเจ้า
ให้ทุกท่านมีความคล่องตัว มีจิตหลุดพ้น และได้ดวงตาเห็นธรรมในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ



ผมต้องขอโทษทุกท่าน ที่ผมซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำบาปกรรมมาทุกรูปแบบ
ผิดศีลทุกข้อในชีวิตที่ผ่านมา แต่บังอาจมาตั้งกระทุ็เรื่องทางลัดสู่พระนิพพานครั้งนี้

แต่เนื่องจากปัจจุบันได้พบหนทางที่สามารถไปใกล้พระนิพพานได้มากที่สุดในชาตินี้

ได้มีโอกาสพ้นจากการ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพรัดพรากจากของรักของชอบใจ"

จึงขออนุญาตนำมาบอกเล่าแก่ท่านที่มีบุญสัมพันธ์ ได้บังเอิญมาพบกระทู้นี้ดังนี้ครับ



ที่ผ่านมา ผมทำบุญ วิหารทาน สังฆทาน ปล่อยสัตว์เช่นกัน
โดยหลงผิดคิดไปว่า เป็นบุญใหญ่ที่จะทำให้ไปสวรรค์นิพพานได้
โดยไม่คำนึงถึงการรักษาศีล

ไม่ค่อยด่าว่าใคร แต่อดคิดในใจไม่ได้เสมอมา โดยไม่ทราบว่า
การที่คิดในใจเสมอ แต่ไม่พูดนี้ นั่นคือ การผิดขั้น "มหาศีล"
ร้ายแรงมาก เป็นความผิดทางความคิด "มโนกรรม" นำไปสู่นรกอเวจี
ที่เห็นผลในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้า นั่นคือ ไม่มีความสุขใจ

โกรธใครก็ใช้สายตาแข็ง ๆ ส่งสายตาให้รู้
เคยดูภาพไม่ชวนดู ภาพโป๊ต่าง ๆ ทำให้สายตาเสียเร็วมาก

ชอบพูดเล่น พูดเลี่ยง ไม่ตอบคำถามตรง ๆ พูดส่อเสียดกับเพื่อนร่วมงาน
แม้ตอนแรกจะเพียงเล่น ๆ แต่หลายครั้งก็เลยเถิด เราล้อเล่นเขา เขาล้อเล่นเรา
ในที่สุดก็น้อยใจ โกรธกัน เพราะกรรมที่เราพูดในทางที่ทำให้เค้าเหล่านั้นไม่มีความสุข
มีปัญหาเรื่องเหงือกและฟันมาตลอด รูปปากไม่สวย เพราะกรรมที่ผิดศีลข้อ 4 นี่เอง
และีอีกประการหนึ่งเกิดจากสมัยเด็กที่ชอบตกปลาเป็นเรื่องเล่น ๆ ทั้งที่ผู้ใหญ่ตักเตือนแล้ว

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า
การทำบุญทำทานที่ผ่านมา ไม่ใช่ไม่มีผล
แต่ "กรรมใดหนักกว่า" "กรรมดี" หรือ "กรรมชั่ว"
ที่จะให้ผลแก่เราก่อน-หลัง หรือผสมผสานกัน เท่านั้นเอง

กรรม แปลว่า การกระทำ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ก็เรียกว่า "กรรม" ทั้งสิ้น

ทางลัดสู่พระนิพพาน ต้องเริ่มต้นจากการรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์

สีเลนะ สุคะติง ยันติ = ศีลเป็นเหตุให้ถึงสุคติ

สีเลนะ โภคะสัมปะทา = ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคะทรัพย์

สิเลนะ นิพพุติง ยันติ = ศีลเป็นเหตุให้ถึงพระนิพพาน

ตัสมา สีลัง วิโสทะเย = เพราะเหตุนั้นพึงชำระศีลให้หมดจด

พื้นฐานที่สำคัญของการตั้งใจรักษาศีลนั้น

ได้แก่

การเคารพนับถือพระพุทธเจ้า
เคารพด้วยใจที่ตั้งมั่น มีจิตศรัทธา
ไม่สงสัยในพระธรรมคำสอนของพระองค์ อันเป็นตัวแทนของพระศาสดา
เปรียบประดุจพระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แม้้เสด็จปรินิพพานไปนานแล้ว

หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก วัดป่าขันติธรรม ท่านสอนลูกหลาน คณะธรรมไว้ว่า



การปฎิบัติ ต้องเริ่มต้นที่ "ศรัทธา"

ในพระคุณของพระพุทธองค์ที่ทรงชี้แนะทางพ้นทุกข์ให้แก่เหล่าสัตว์โลก

ตั้ง "นะโม" ขึ้นมาคราวใดขอให้มีจิตศรัทธา นอบน้อม ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยใจโดยแท้จริง

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
ท่านสอนลูกหลานไว้ว่า



นิพพาน

ถ้าฉลาดพอ

ไปได้ทุกคน ไปได้ในชาตินี้

การไปนิพพาน

เป็นเรื่อง ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย

ไปด้วย "กำลังใจ" อย่างเดียว



ท่านอาจารย์อุบล ศุภเดชาภรณ์ บ้านสวนพีระมิด กล่าวไว้ว่า
(ท่านเป็นลูกศิษย์ของพลวงพ่อเสงียม โอภาสี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ)

แค่เราทำจิตเช่นนี้ไว้เสมอ

คิดถึงแต่พระพุทธเจ้าเสมอ

อย่าให้จิตห่างพระพุทธเจ้า คิดถึงแล้ว

เราจะไม่อยากทำชั่ว ท่านจะคอยช่วยจริงๆ

ท่านจะคอยช่วยบังคับกระแสจิตเรา

ให้ห่างจากความชั่วทุกชนิด

ให้อยากทำแต่ความดี

ให้มีใจเบิกบาน

จริงๆ




เราสามารถบอกตัวเองได้ ณ บัดนี้เลย

ว่าเมื่อเราตายแล้ว เราจะไปไหน

ด้วยความรู้สึกของเราเอง

ขณะนี้ เราจะรู้ดีกว่าใคร

ไม่ต้องไปหา อาจารย์ที่ไหน

บอกเราว่าเราจะไปนิพพานได้หรือไม่

เราตอบตัวเราเองได้เลยนะ

ว่าเราเป็นคนอย่างไร

ถ้า

1.ใครด่า ว่า นินทา ตำหนิ ไม่รู้สึกโกรธ

ไม่เดือดร้อน ไม่แค้น เฉยๆ คิดว่า

คนก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าไม่อยากเจอ

สภาพนี้ เราก็ต้องหนีไปนิพพาน



2.ไม่ว่าจะเจอมรสุมใด ก็ไม่ทุกข์

มีหนี้ ลูกดื้อ ผัวบ้า เมียบอ ก็ไม่ทุกข์

คิดว่าเขากับเรา ต่างคนต่างมา

ต่างคนต่างไป ช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น


เราเห็นคนตายจากกัน

ก็ไม่เห็นกลับมาช่วยอะไรกันได้อีก

ดังนั้นเมื่อเราอยู่ หรือ ตาย ก็ไม่กังวล

ไม่ทุกข์กับการที่ใครจะนิสัยอย่างไร

ไม่ใช่นิสัยเราก็แล้วกัน

แต่นิสัยเรา เราต้องแก้ ไม่ต้องแก้คนอื่น


3.จิตทรงอุเบกขา เป็นอารมณ์

จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง ไม่ตื่นเต้น

ไม่ตกใจ ไม่ฟูมฟาย นิ่ง เข้าไว้ก่อน


เห็นคนใกล้ชิดตาย หรือ มีเคราะห์กรรม

ก็ให้คิดว่า คนในโลกนี้เขาก็มีให้เราเห็น

อยู่ทุกวัน ไอ้เคราะห์กรรมแบบนี้

แล้วทำไมมันจะเกิดกับเราไม่ได้

กรรมแต่ละคน ต้องทำมากันทั้งนั้น

อารมณ์นี้

หลวงพระราชพรหมยาน (พ่อฤาษีลิงดำ) ท่านบอกว่า



" เป็นอารมณ์พระนิพพาน"

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านกระทู้นี้

หากท่านอ่านแล้ว เห็นว่าไร้สาระ ก็อย่าได้สนใจ อย่าให้ความสำคัญ
แต่ถ้าเห็นว่า พอมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็ขอให้ช่วยนำไปเผยแพร่ บอกต่อ เป็นธรรมทานด้วยเทอญ สาธุ



"หากจิตของผู้ใดนึกถึงตถาคต จิตของตถาคตก็อยู่กับผู้นั้น"

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านทุกประการครับ สาธุ



ตั้งมั่นในพรหมวิหาร 4 ตั้งใจรักษาศีล 5
ทำบุญเข้าพรรษา ถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยแข็งแรง
ขอทรงเป็นมิ่งขวัญชาวไทยตราบนานเท่านาน สาธุ สาธุ สาธุ
------------------------------------------------------------





ขอบคุญเว็บที่มา //board.palungjit.com/f10/ทางลัดสู่พระนิพพาน-299228.html
Create Date :27 มกราคม 2555 Last Update :27 มกราคม 2555 21:43:34 น. Counter : Pageviews. Comments :1