bloggang.com mainmenu search

เทปคาสเส็ตมีเสน่ห์บางอย่างคล้ายกับชีวิตมนุษย์

เมื่อเรากดปุ่มเล่นก็จำเป็น ต้องฟังไปทีละเพลง ทีละแทร็ค

ในอัลบั้มเดียวกันอาจมีทั้งเพลงที่เราชอบและไม่ชอบ

ต่อให้กดเร่งได้มันก็ไม่สามารถข้ามไปอย่างรวดเร็ว

เหมือนปุ่มฟอร์เวิร์ดในเครื่องเล่นซีดีหรือไอพอดหรอก

แถมกดบ่อยเข้าเทปก็ยืดด้วยดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือต้องเปิดใจ

ดำดิ่งกับท่วงทำนองและเนื้อเพลงทั้งอัลบั้มตั้งแต่ต้นจนจบ

มันก็เหมือนภาพตัวแทนของชีวิตที่ต้องไหลไปตามจังหวะ

ตามครรลองมีทั้งดีและร้ายปนเปไปให้พบเจอ...

ความรักก็ไม่ต่างอะไรกับเทปคาสเส็ต

เคลื่อนผ่านสดับฟังทีละบทเพลง

ทั้งหวานขมหลอมรวมเป็นเขาและเธอ

--------------

ญาดา นักเขียนสาวผู้เปี่ยมความสามารถเดินทางกลับมาบ้านย่านเมืองเก่าเพื่อดูแลพ่อผู้เจ็บป่วย หลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับแม่นานถึงสิบสามปี แต่มีสิ่งอื่นรอเธออยู่ด้วย นั่นคือสายลมหวนในความสัมพันธ์เก่าที่มีกับกุญช์ หนุ่มนักแต่งเพลงข้างบ้านที่เติบโตและเป็นเพื่อนสนิทเคียงข้างกันตั้งแต่เด็ก  ทั้งสองรื้อฟื้นความทรงจำผ่านสื่อกลางอย่างบทเพลงจากเทปคาสเส็ตต์นับพันที่กุญช์สะสมเอาไว้ ย้อนรำลึกความหลังที่เคยมีร่วมกันในช่วงเวลาไร้เดียงสาขณะเป็นเด็กวัยรุ่นยุค ๘๐-๙๐

กุญช์ พยายามเริ่มบทใหม่แห่งความรัก โดยใช้เรื่องราวประทับใจในอดีตที่เคยมีร่วมกันเพื่อปลุกถ่านไฟเก่า แต่สำหรับญาดาแล้วบทเพลงในวันเก่าไม่ได้มีเพียงแค่ความสุข แต่มาพร้อมความเศร้า ความสูญเสีย โดยเฉพาะยามคิดถึงจุดเปลี่ยนแห่งชีวิตที่ทำให้ทั้งสองลาจาก สุดท้ายแล้วท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างของยุคสมัย ห้วงเวลาทั้งอดีตกับอนาคตของคนทั้งคู่จะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันและก้าวเดินไปพร้อมกันอีกครั้งหรือไม่

ขอเชิญรวมลุ้นไปพร้อมกัน อัลบั้มเพลงนี้จะจบลงอย่างไร เมื่อบทเพลงดำเนินมาถึงแทร็คสุดท้าย


ชอบพลอตเรื่องมาก เพราะชอบแนวความผูกพันอยู่แล้ว โดยเฉพาะแนวเพื่อนรักริมรั้ว คนข้างบ้านที่เกิดและเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก  ความรักความอาทรทั้งสองฝ่ายแน่ใจชัดเจน ไม่ใช่แบบเคยชินจนไม่รู้สึกตัวว่ารัก แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นก็ไม่ถูกที่ถูกเวลา จนทำให้ต้องจากกันในที่สุด

วิธีการนำเสนอที่ใช้การดำเนินเรื่องราวในอดีตควบคู่ไปกับปัจจุบัน ใช้ความหมายของบทเพลงมาเป็นสื่อแทนความรู้สึก คลาสสิคดีค่ะ ชอบจุดนี้ของหนังสือมากๆ เลย

และการเริ่มต้นแต่ละบทตอนโดยบทเพลงดัง เกริ่นนำโดยการกล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญในยุคสมัย ตลอดช่วงอายุของคนวัยสามสิบ ใครอายุประมาณนี้เหมือนกุญช์กับญาดา คงได้ระลึกถึง แล้วเพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้ได้ดี

การพยายาม "รักอย่างมีวุฒิภาวะ" เป็นเหมือนจุดหักเหของเส้นทางความรัก เกิดเป็นความไม่เข้าใจที่ทำให้ทั้งสองคนต้องเสียใจ คนหนึ่งพยายามจะลืม ก็ลืมไม่ได้  อีกคน ไม่เคยคิดจะลืม แต่การรอคอยก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด .. และเมื่อได้พบกันอีกครั้ง คนหนึ่งพยายามรื้อฟื้นเพื่อจะสานต่อ แต่อีกคนก็เหมือนจะเพียงพอแล้วกับความชอกช้ำ เป็นเหมือนดั่งเครื่องยืนยัน สิบสามปีที่ผ่านมา นานพอจะทำใจยอมรับความจริง ความผูกพันในอดีตเป็นเพียงแค่..อดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้า และสุดท้ายคงถึงเวลาต้องเลิกหวัง และเลิกรอ 

เป็นพลอตเรื่องที่พอเดาทางได้ เมื่อพบว่าครอบครัวของหญิง (ญาดา) มีปัญหา และเมื่อมีเพื่อนนักเรียน "ปรางฉัตร" เข้ามาข้องเกี่ยว  ประจวบเหมาะกับสถานการณ์แวดล้อมที่ทำให้ต้องเลือกตัดสินใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล หรืออารมณ์ ก็ตัดสินใจเลือกแล้ว

ทำให้นึกถึงซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่ถูกใจ บางครั้งคนเราต้องเลือกวางความรักเพื่อความฝัน ..หรือเพื่อใคร เพื่ออะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าแค่คนสองคนจะรักกัน  และการทำแบบนั้นโดยทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันว่าเราจำเป็นต้องแยกทาง   มันเท่มาก  แต่เรื่องนี้ต่างตรงที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เข้าใจกัน  กุญช์เป็นเพียงฝ่ายเดียวที่ตั้งใจทำเพื่อหญิง แต่การที่หญิงไม่ได้รับรู้เหตุผลเรื่องนั้น มันจึงก็กลายเป็นว่าเธอต้องอยู่กับความเข้าใจผิดและเสียใจอยู่อย่างนั้นมานานแสนนาน

เป็นพลอตที่เหมาะมากกับการสร้างหนังรักซึ้งๆ สักเรื่องหนึ่ง (ความเข้าใจผิด และคิดว่าเขาไม่รักทำให้นึกถึงเรื่อง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก") แต่ถ้าเป็นละคร คิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เนื้อเรื่องมันน้อยไป ถ้าจะเป็นละครแบบหนึ่งเดือนที่เราได้พบกันอีกครั้ง แล้วที่เหลือก็เป็นการย้อนเรื่องราวในอดีตทั้งหมด เว้นก็แต่คนเขียนบทจะไปยืดๆ เอา

สำนวนดี พลอตเรื่องดี การดำเนินเรื่องดีมาก แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดๆ อะไรไป คงเป็นเรื่องของคาแรคเตอร์ตัวละคร ทั้งพระเอก นางเอก เรียบๆ ด้วยกันทั้งคู่ ไม่รู้สึกว่าชอบนิสัย คำพูด การกระทำอะไรของเขาและเธอเป็นพิเศษ เพราะหากจะชอบหนังสือสักเล่ม การชอบพระเอก หรือ นางเอก อย่างน้อยหนึ่งคน เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก  แต่เรื่องนี้แต่ละคนยังไม่มีอะไรถึงขั้นโดนใจ

แต่เรื่องนี้ก็มีบางอย่างที่โดดเด่น คือการถ่ายทอดความรักความผูกพันโดยใช้บทเพลง และกลุ่มเพื่อนสนิท  เหมียว ดนัย เหล่าบู๊ และที่ชอบมากคือ อนุชิต ที่นับตัวเองว่า ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอผู้มีความฝัน ในอนาคตเธอจะเก็บเงินทำสวย (มุขคนสวย ชวนขำได้ตลอด)  บทบาทของเธอคือกามเทพตัวป่วนที่พยายามช่วยให้กุญช์กับหญิงลงเอยเป็นแฟนกันเสียที .. แต่จนแล้วจนรอด .. ก็ ......ยังไม่สมเจตนารมณ์..คนสวย

ความหม่นเศร้าเล็กๆ และคาแร็คเตอร์เรียบๆ ของกุญช์กับหญิง ทำให้อ่านช่วงแรกก็มีเบื่อๆ อยู่บ้าง แต่พอเข้าสู่วัยช่วง ม.ปลาย เรื่องก็เริ่มสนุก แล้วตอนท้ายๆ ก็ซึ้งทำน้ำตาซึมได้เหมือนกัน ด้วยเพลงที่ว่าง ของวงพอส เป็นเหตุบิ๊วอารมณ์ 

ทุกอย่างลงตัว ถึงแม้ความหวาน ความอบอุ่น จะบางเบาไปนิดนึงสำหรับเรา แต่ก็สอดคล้องกันดีกับธรรมชาติของพลอต เพราะกุญช์กับหญิงต่างยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่น และยังไม่ได้บอกความในใจและคบหากันเป็นแฟน  แล้วก็ต้องจากกันไป พอกลับมาพบกันอีกครั้งก็อยู่ในช่วงพยายามรื้อฟื้นความผูกพันของกุญช์ และการพยายามตั้งกำแพงของหญิง .. แผลใจในอดีตทำให้ไม่ยอมปล่อยให้ใจรื่นไหลไปกับอารมณ์ความรู้สึกได้ง่ายๆ

โดยรวมแล้วถือว่าเรื่องนี้  ซึ้งโรแมนติก


ในคำนำสำนักพิมพ์เอ่ยถึงเรื่องหนึ่งน่าสนใจว่า ในการประกวดนายอินทร์อวอร์ดครั้งที่ 14 เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหกเรื่องที่เข้ารอบและมีเนื้อหาโดนใจที่สุด (และได้ตีพิมพ์) แต่ในครั้งนี้กรรมการทั้งหมดมีความเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ว่าไม่มีเรื่องที่ได้รับรางวัล จึงรู้สึกอยากหานิยายชนะรางวัลนี้มาอ่านซะแล้ว เพราะอยากรู้ว่ามาตรฐานเป็นอย่างไร ขนาดเรื่องนี้ของคุณปองวุฒิที่ว่าโดนใจที่สุด..ก็ยังไม่ยอมมอบรางวัลให้ ชวนให้คิดไปว่า มันน่าจะมีเหตุผลบางอย่างของคณะกรรมการที่เราไม่อาจจะรู้     แต่ถ้าเป็นเหตุผลของตัวเองก็อย่างที่กล่าวมาแล้ว  สรุปว่าเรื่องนี้ ก็ชอบนะ โรแมนติกดี แต่มันยังไม่มากถึงจุดๆ หนึ่งที่มันจี๊ด  คงเหมือนตอนโค้ชของรายการเดอะว๊อยซ์ ชอบเสียง ชมเสียง ผู้เข้าประกวดรอบไบลน์ออดิชั่นบางคน คือ ชอบแล้ว เกือบแล้ว.. แต่มันยังไม่ถึงอีกนิดนึงที่โค้ชจะกดปุ่มแล้วหันมาหา ท่วงทำนองในรอยรัก สำหรับเราเป็นแบบนั้น

เสียดายอีกอย่างหนึ่ง ในเรื่องพระเอกเป็นนักแต่งเพลง  และบทเพลงสุดท้ายก็มีความสำคัญเป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง เป็น "เพลงของเธอ" ที่ถูกเก็บกักไว้กับกาลเวลามาตั้งสิบสามปี ..เพลงที่จะคลี่คลายทุกอย่างที่ค้างคาใจในอดีต  ผู้แต่งนำบทเพลงต่างๆ มาใช้ประกอบมากมาย แต่เพลงของเธอ ดันมีแค่สามประโยค  (ขัดใจหลาย) หรือเจตนาจะเน้นคำสั้นๆ แต่ครอบคลุมด้วยความหมายทั้งหมดอันหนักแน่นแทนหัวใจรักที่มั่นคงของพระเอก  "กาลเวลาของฉันคือเธอ" ก็ไม่รู้สินะ

ชื่อเรื่อง  "ท่วงทำนองในรอยรัก" เหมาะเจาะเพราะพริ้งมาก

แต่ถ้าสมมติว่าไม่ได้ชื่อนี้ "กาลเวลาของฉันคือเธอ" ก็น่าจะเป็นอีกชื่อที่เหมาะดีจริงๆ

Create Date :13 ตุลาคม 2556 Last Update :18 มีนาคม 2558 19:34:40 น. Counter : 1701 Pageviews. Comments :11