กตัญญู หรือ หมอวิน ขึ้นชื่อในเรื่องปากหมะ...เอ่อ ปากไม่ดี ห้าว ห่าม ดื้อรั้น และหวงความโสดเป็นที่หนึ่ง แม้จะขี้อ่อยไปทั่วแต่ไม่มีทางคิดจริงจังกับใครง่ายๆ เพื่อนๆ มักบอกว่าเขาคือ แรดตัวพ่อ
เมื่อวันหนึ่ง แรดตัวพ่อ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับผู้หญิงเนี้ยบ เคร่ง เครียด เป๊ะทุกองศา เขาจึงทั้งช็อคทั้งอึ้ง แต่ทุกอย่างบีบให้ปฏิเสธไม่ได้ เขาจึงได้แต่ดิ้นรนหาทางให้เธอเป็นฝ่ายยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ แต่...นอกจากเธอจะอดทนได้แม้ว่าเขาจะทำตัวให้ถ่อย...เอ่อ แย่สุดๆ แล้ว เธอยังยืนยันอีกว่าพร้อมจะใช้ชีวิตคู่แบบจริงจัง ไม่ใช่แต่งงานกันแค่ในนาม แถมยังบอกเขาอย่างมั่นใจว่า เชื่อว่าเขาจะต้องหลงรักเธออย่างแน่นอน
ฮะ! ผู้หญิงคนนี้จะประหลาด น่ากลัว ชวนหลอนไปไหน?!
ก่อนหน้านี้เขากับเธอไม่เคยพูดกันซักครั้งด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับที่เขาเอาริมฝีปากไปประกบริมฝีปากเธอมาก่อน...ก็แค่นั้นเอง!
"พลอตคลุมถุงชน" เปรียบเหมือนอาหารจานโปรดอย่าง "ข้าวผัดกระเพรา" อาหารพื้นๆ ชิวๆ จะร้านไหน จะรสมือใครก็กินได้ น้อยครั้งนักที่จะรู้สึกว่าผัดกระเพราไม่อร่อย ซึ่งถ้าพบว่าเป็นเช่นนั้น ก็คงจะเลิกรากันกับร้านนั้นไปเลย เพราะมันเบสิคมากๆ ถ้าทำผัดกระเพราะไม่อร่อยก็ไม่เชื่อว่าอย่างอื่นมันจะอร่อยได้ (คิดเองเออเองในแบบนั้น)
แต่ถึงจะชอบพลอตคลุมถุงชนเหมือนชอบผัดกะเพรา ก็ยังปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ซะนาน เคยอ่านรีวิวพบความรู้สึกในลักษณะไม่ชอบนางเอกของเรื่องด้วย ก็เลยยิ่งพาเฉยๆ ไป พอมีโอกาสได้อ่านเข้าจริงๆ แล้ว รู้สึกเลยว่า เกือบพลาดของดีไปซะแล้ว
นางเอกที่อาจจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับบางคน แต่เรากลับชอบเธอมาก
หลังจากเริ่มต้นอ่านไม่กี่หน้าแล้วพบว่านางเอกมีคาแรคเตอร์แปลกซะจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่านี่คือความพิเศษ แหวกแนว เธอไม่เหมือนนางเอกในนิยายเรื่องไหนที่เคยอ่านเลยสักคน
" ครองขวัญ" เย่อหยิ่ง ถือตัว กระด้าง เย็นชา ความน่ารักสักนิดหามีไม่ ยามปกติหน้าตาแข็งทื่อ ยามไม่ปกตินับว่าอารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย ตรรกะความคิดก็แปลกๆ เอาแต่ได้ เอาแต่ใจ ความเข้าอกเข้าใจคนอื่น ...ไม่มี คือ .. อะไรของเธอคะ อย่างกับมีปัญหาแอบจิต
แรกๆ เหมือนจะเป็นเช่นนั้น จึงเป็นกลายเป็นคาแรคเตอร์แปลกที่ดึงดูดความสนใจอย่างแรง อ่านติดหนึบตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้ายแบบรวดเดียวจบ
แล้วก็พบว่าความไม่น่ารักเอาซะเลยทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงเกราะที่เธอสร้างมันขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง ความเสแสร้งแข็งกระด้างกลายเป็นเครื่องปิดกั้นตัวเองจากคนรอบข้าง แรกๆ มันก็น่าหมั่นไส้มากอยู่ แต่แม้เพียงพฤติกรรมเล็กน้อยกับคนที่เธอลดกำแพงลงเป็นมิตร หรือไว้ใจมากพอจะเปิดใจให้ (ซึ่งมีอยู่น้อยคนมาก) ก็เพียงพอที่จะทำให้เข้าใจตัวละครนี้ได้ว่าลึกๆ คงมีอะไรซ่อนอยู่
ปมที่อยู่ในใจของครองขวัญ ในความคิดของเราอาจไม่ใช่เรื่องชวนอึ้งตะลึงงันระดับโศกนาฎกรรมอะไรทำนองนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขัดแย้งกับการที่เธอจะเติบโตขึ้นมาอย่างคนที่ขาดความรักความอบอุ่น หรือ เจ็บปวดอย่างที่เป็น
และเมื่อคนที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่แต่ในกำแพงของตัวเองอย่างครองขวัญ มาเจอกับพระเอกปากหมะ ปากเปราะ และปากสื่อตรงจากความคิดอย่างหมอวิน เธอ ที่ไม่รู้จะพูด จะแสดงความรู้สึกออกมาอย่างไร กับเขาที่ .. คิดอย่างไร พูดอย่างนั้นอย่างเปิดเผย ตรง-แรง แทงใจดำ!
การที่ใครสักคนมาว่าเราปาวๆ เกี่ยวกับข้อเสียของเราอย่างไม่ไว้หน้า
การที่ใครสักคนมาตัดสินเรา วิพากษ์วิจารณ์การใช้ชีวิตของเราฉอดๆ อย่างไม่ถนอมความรู้สึก
ทั้งที่ ... คนๆ นั้น ไม่ได้รู้จักเราดีพอ ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ความเป็นมาในชีวิตเรา
ไม่เคยจะมาห่วงใย ใส่ใจ เพื่อรับรู้ และเข้าใจ ..แม้เพียงสักนิด ..
อืม ...ความไม่ยุติธรรมแบบนั้นเองที่ทำให้เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่หมอวินต่อว่าครองขวัญ
ขอบอกเลย มันเจ็บมากกกกกกกก
"คุณคงอยากสอนเอาบุญก่อนเลิกกันกระมัง
แต่นึกหรือว่าฉันจะรู้สึกขอบคุณเป็นล้นพ้นที่คุณช่วยชี้แนะ
ไม่มีวันเสียหรอก ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด"
--
"คนที่ไม่เคยมองฉันในแง่ดีอย่างคุณ มันจะไปเข้าใจอะไร
คุณไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่าง!"
ณ จุดๆ นั้น ที่ความอดทนของเธอได้ถึงขีดสุด กรีดร้องอย่างเสียจริต ระเบิดถ้อยคำที่ได้พร่างพรูความลับความรู้สึกในหัวใจออกมา เราก็ถึงขั้นน้ำตาร่วงเป็นสาย ......
แล้วต่อจากนั้นมาในครึ่งหลัง เรื่องยิ่งสนุกขึ้นอีกมาก เมื่อคนที่เป็นฝ่ายถูกรักเพิ่งเริ่มจะรักตอบ แต่คนที่เป็นฝ่ายรักข้างเดียวมาตลอด ได้ปลงตกและตัดสินใจที่จะ..พอได้แล้ว สำหรับพลอต "รักข้างเดียว" ความสนุกที่สุดสำหรับเราจะอยู่ที่จุดนี้เป็นสำคัญ ซึ่งที่เคยคอมเมนท์ไว้ในบล็อกรีวิวเรื่องนี้ของคุณ Sab Zab' ก็ยังเคยเขียนไว้แบบนี้
โดย: prysang วันที่: 14 กันยายน 2557 เวลา:17:20:08 น.
ทั้งที่ไม่ได้มีอารมณ์รอสะใจพระเอกเหมือนเรื่องอื่นๆ ในช่วงแรกที่หมอวินไม่รักครองขวัญมันเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมาก เขาไม่ได้ทำผิดอะไรให้รอสมน้ำหน้าว่างั้นเถอะ แต่จุดนี้ของ "คู่เรียงเคียงขวัญ" ก็ยังสนุกถูกใจจริงๆ
"แต่ยังไง ...ฉันก็ต้องขอโทษที่ทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย นับจากนี้ฉันจะเลิกดันทุรังแล้ว ...."
ความตกใจอย่างคาดไม่ถึงของคนฟัง ปรากฏออกมาทางสายตาเพียงวูบเดียว
.....
" .. ฉันเป็นพวกที่รักใครยากมาก แต่หน่ายยากยิ่งกว่า...."
"แต่ถ้าตัดใจได้แล้ว ฉันจะไม่มีทางเหลียวกลับไปแลอีกเลย"
....
เมื่อมองสบตาเธอ เขาเห็นเพียงความสงบและว่างเปล่า หรือว่า ..
พอเธอคิดตัดใจจากเขา อารมณ์ร้อนแรงที่เคยทำให้ปั่นป่วนว้าวุ่น
จนต้องคอยหาเรื่องเขาแทบทุกครั้งที่เจอกัน ก็พลอยหายไปด้วย
ความหวั่นไหวคงถูกแทนที่ด้วยความเยือกเย็นจากการปรับตัวปรับใจยอมรับความจริง
ความตื่นเต้นต่างๆ ก็คงเลือนหายไปเพราะเธอเลิกคาดหวังอะไรๆ จากเขา
....
หมอวิน ที่เคยเต็มไปด้วยอคติ และ ออกตัวแรงมาตั้งแต่ต้นว่าไม่รักไม่ชอบ ไม่สนใจ ไม่มีทาง .. หากจะเปลี่ยนใจมาชอบมารัก ผู้หญิงที่ไม่เคยถูกใจ ไม่ใช่เสป็ค และตั้งป้อมปฏิเสธไม่ยั้ง ย่อมไม่ใช่แค่เป็นการกลืนน้ำลาย แต่เป็นการกลืนอะไรบางอย่างที่หมอปั๊บ เพื่อนปากมอมคนสนิทได้กล่าวไว้
"มีอะไรรึเปล่าวะ ทำไมทำหน้าแบบนี้ ให้เดานะ ฉันว่าตอนนี้..
ต่อให้เป็นขี้ตัวเองแกก็คงยอมกลืน อย่าว่าแต่น้ำลาย .."
วาจาบาดลึกที่จงใจจับผิดฉับพลันอย่างไม่ให้ทันตั้งตัวของปณิธินั้น
ชวนให้หลอนอย่างลึกซึ้งไปถึงขั้วหัวใจ ทำเอาคนฟังสะอึกอย่างแรงจนหน้าถอดสี
....
ชายหนุ่มอึ้งไปและพูดอะไรไม่ออก
กระบวนการทางความคิดของเขาเหมือนจะไร้ประสิทธิภาพไปอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่เขาพูดออกไปเมื่อครู่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คิดอ่านมาก่อนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวด้วยซ้ำ
มันแค่วูบๆ ขึ้นมาในหัวเป็นบางครั้งในระยะนี้ ซึ่งเขาคิดว่าทั้งหมดนี้น่าจะเกิดจากความสงสาร
.....
การที่เธอไม่มีท่าทีว่าโกรธเลยสักนิด ... ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกพิกล
รสชาติที่แผ่ซ่านอยู่ในใจมันคล้ายกับความขมขื่นอย่างประหลาด
ทั้งที่จริงๆ เขามีเหตุผลมากมายที่จะอธิบายให้เธอฟัง แต่ก็กลับไม่อาจบอกออกไปได้
....
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ วูบแรกกตัญญูรู้สึกงุนงงกึ่งๆ ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
พอวูบต่อมาก็หงุดหงิดถึงขั้นโกรธ และโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไร
เขาโมโหจนต้องมานั่งทบทวนว่า ... ตัวเองโมโหอะไรอยู่
...
ข้อความที่เขาส่งถึงเธอเป็นข้อความสั้นๆ ที่เรียบง่าย
ราวกับไม่มีอารมณ์ใดๆ เจือปนอยู่ในทุกถ้อยคำ ไร้ซึ่งร่องรอยของความรู้สึกที่ซ่อนอยู่
คนอ่านเอง ...ก็คงไม่มีวันรู้ว่าเขาต้องข่มกลั้นความรู้สึกแท้จริงเอาไว้อย่างยากเย็นขนาดไหน
และต้องใช้เวลาครุ่นคิดนานเท่าใดกว่าจะยอมกดส่งมันไปในที่สุด
ในเมื่อไม่เคยรัก เอาแต่ผลักไสไล่ส่ง แถมยังปากหมาใส่ใช่ย่อย นินทาไว้กับเพื่อนก็ใช่น้อย บทจะเผลอใจรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา มันก็เป็นทิฐิที่ทำให้พยายามจะต่อต้านความรู้สึกนั้น คิดเองเออเองว่าเป็นเพียงเพราะความสงสาร หาข้ออ้างโน่นนี่ ไม่อาจยอมรับได้สักทีว่าที่หงุดหงิด เคร่งเครียด กังวล ทุกข์ใจ เป็นเพราะอะไร กว่าจะรู้ตัวว่าคือ ความรัก จะสายไปหรือเปล่า .. เธอจะหมดใจไปแล้วหรือยัง
"ให้อภัยและให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม อย่ารังเกียจความเอาแต่ใจของผมเลยนะ
บอกทีว่าคุณยังรักผมอยู่ ยังรักผมอยู่ไหมครองขวัญ"
---
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ... เขายังอยากฟังคำบอกรักจากเธอจนตัวสั่น
จนกระทั่งตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องการได้ยินมันมากมายถึงขนาดนี้
นอกจากคาแรคเตอร์ของ ครองขวัญ กับ หมอวิน จะทำให้เรื่องราวความรักของเขาและเธอสนุกมาก บางทีก็ตลก บางทีก็ดราม่าซะน้ำตาเอ่อล้น พอฉากหวานก็ทำเอาเคลิ้มซะต้องอ่านซ้ำอยู่สองสามหน.... ตัวละครอื่นๆ ก็ยิ่งส่งเสริมให้เรื่องสนุกและน่ารัก แอบชอบ "หมอปั๊บ-ปณิธิ" ไปแล้วตั้งมากมาย ออกมาทีไรทำให้ยิ้มได้ทุกที ทั้งที่ยังไม่เคยได้อ่านเรื่อง "มารร้ายคู่หมายรัก" ของเขาเลย ทั้งยังชอบ "พี่คี-คิรากร" พี่ชายของหมอวินมาก จนคิดว่าต้องหา "เจ้าหญิงเม็ดทราย" มาลองสักหน่อย เท่านั้นยังไม่พอ การปรากฏตัวของ "หมอเปิ้ล" น้องสาวของหมอปั๊บ ก็แอบชอบเธอขึ้นมาตระหงิดๆ คงต้องจัด "ปรายใจ" พ่วงคู่ "หมอภีม" กับ "พริมา" พ่อแม่ของเด็กชายที่น่ารักอย่าง "พุกก้า" ไว้ในลิสต์รออ่านด้วยเหมือนกัน
รู้จักนามปากกา "อัญชรีย์" มานานพอสมควร แต่เนื่องจากของ สำนักพิมพ์แจ่มใส ไม่ค่อยได้อ่านเป็นประจำ จึงจำไม่ได้ว่าอ่านเรื่องไหนของเธอมาบ้าง นอกเหนือไปจาก ลัดฟ้าวิวาห์ลวง ที่ชอบมากและมีเหตุมีผลมาจากคาแรคเตอร์ของนางเอกด้วยเช่นกัน โดดเด่นเป็นโอตากุที่สร้างความอึดอัดให้พระเอกแทบระเบิด มันตลกและสนุกดี
แต่นับจากนี้ ถ้าถามว่าชอบเรื่องไหนของอัญชรีย์มากที่สุด "คู่เรียงเคียงขวัญ" มาวิน .. ที่หนึ่ง
ไว้ได้อ่านเรื่องของบรรดาหมอๆ ที่เหลือแล้ว ค่อยมาว่ากันอีกทีว่าตำแหน่งนี้จะยังอยู่ดีหรือเปล่า
อ่านไปแอบเสียดายพระเอก หมอวินครบเครื่องแห่งความน่ารัก
โดย: ออโอ 3 กันยายน 2558 15:28:00 น.
แต่นิยายของเค้าทำให้เราอยากรู้อยากลองบ่อยๆนะ แปลกจริงๆ ว่าจะหาเจ้าหญิงเม็ดทรายมาอ่านเช่นกัน เห็นออกปกใหม่สวยดี เรื่องที่จขบ.รีวิวมานี้ก็น่าสนค่ะ
โดย: kunaom 3 กันยายน 2558 23:15:37 น.