กระเทียม

.......

ชื่อสามัญ Garlic จัดอยู่ในวงศ์พลับพลึง

 จัดเป็นพืชสมุนไพร หรือเครื่องเทศ

ที่มีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย

เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ในครัวของทุกชาติ

ไม่ว่าจะเป็นครัวไทย ครัวจีน ครัวฝรั่ง หรือครัวญี่ปุ่น

ถูกใช้เป็นยาตั้งแต่ ยุคอียิปต์โบราณเรื่อยมา

เข้ามาในยุโรป อินเดีย และเอเชีย เผยแพร่เข้าไปในอเมริกา

 ในประเทศไทยนิยมปลูกมากในทางภาคเหนือและภาคอิสาน

 กระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นฉุนต้องศรีษะเกษ

คนไทยรู้จัก และใช้กระเทียม ในการทำอาหาร มาแต่โบราณ

 ครัวไทย ไม่เคยห่างหายจากกระเทียมได้

 สุภาษิตที่ว่า "หัวเดียวกระเทียมลีบ" หมายถึง

 การทำอะไร แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีคนอื่นคอยช่วยเหลือ

 อาหารไทยหลายอย่าง จะขาดรสอร่อยไป

หากไม่มีกระเทียมเป็นส่วนผสม หรือเครื่องปรุงรส

 และไม่เฉพาะอาหารคาวเท่านั้น

 แม้แต่ของว่างอย่าง สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ

 เมี่ยงต่างๆ ต้องมีกระเทียม

เสน่ห์ของกระเทียมได้มาจาก ส่วนที่เรียกว่า "น้ำมันหอมระเหย"

 ได้มาจากการทุบ สับ ซอย หรือหั่น

ซึ่งก็ต้องเลือกใช้ ตามความเหมาะสมของชนิดอาหารนั้นๆด้วย

 เช่น กระเทียมที่ทุบแล้วสับ จะนำมาผัด หรือเจียวกิน

 เป็นเครื่องเคียงของสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ

หากนำกระเทียมไปโขลก จะใช้สำหรับทำน้ำพริกแกง

หรือเป็นเครื่องหมักเนื้อสัตว์ ร่วมกับรากผักชี และพริกไทย

 แต่หากกิน เป็นเครื่องแนมของเมี่ยง หรือกินเป็นกับแกล้ม

 ร่วมกับแหนม หรืออาหาร ประเภทเนื้อสัตว์

ก็ต้องกินกัน เป็นกลีบเลย

ซึ่งอย่างหลังนิยมเลือกใช้ "กระเทียมโทน" มากกว่า

กระเทียมโทน

 .......

Single Bulb form of Elephant Garlic

เกิดจากความไม่สมบูรณ์ มีเพียงกลีบเดียว

ซึ่งเป็นได้ กับกระเทียมทุกสายพันธ์ จะมีเนื้อเยอะ

 และมีกลุ่นฉุนน้อยกว่า จึงเหมาะที่จะกินเป็นเครื่องแนม

 นิยมนำมาดองเป็นส่วนใหญ่ มีสรรพคุณทางสมุนไพรเยอะ

ต้นกระเทียมที่นำมาผัด กับตับหมู หรือเนื้อปลา

 เป็นกระเทียมอีก สายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า "กระเทียมใบ"

 เป็นพันธุ์ที่ปลูกเพื่อ ใช้ ส่วนที่เป็นใบโดยเฉพาะ

 เพราะหากใช้ใบของต้นกระเทียมทั่วไป จะมีเส้นใยมาก

 มีเนื้อหยาบ และมีสารพิษตกค้างค่อนข้างมาก

 จึงไม่นิยมนำมาบริโภค

ประโยชน์ของกระเทียม ในทางตรง

 เป็นส่วนประกอบของอาหารคาว

ใช้เพื่อช่วยปรุงรสชาติของอาหาร

 ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริก

ทางอ้อม ในด้านยา และการป้องกันรักษาโรค

นอกจากนี้ยังมีการนำไปแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ หลากหลาย

 เช่น กระเทียมเสริมอาหาร กระเทียมสกัดผง

สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง

คนโบราณใช้กระเทียมในการรักษาโรคผิวหนัง

จำพวกกลากเกลื้อน ช่วยรักษาแผลที่เน่าเปื่อย

และเป็นหนอง ป้องกันโรคเบาหวาน และช่วยขจัดพิษสารตะกั่ว

กระเทียมเป็นเครื่องสมุนไพร ที่อุดมไปด้วยวิตามิน

และแร่ธาตุหลายชนิด

และยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูง กว่าพืชชนิดอื่น

 อีกทั้งยังมีสาร Adenosine ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิก

ที่เป็นตัวสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์ในร่างกาย

ป้องกันโรคหัวใจ ลดการอุดตันของเส้นเลือด

 ลดการเกาะตัวของเกร็ดเลือดได้ 58%,

ลดคอเลสเตอรอล ลดไตรกลีเซอไรด์ ลดความดันโลหิต

เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ป้องกันโรคมะเร็ง

 สารประกอบในกระเทียมจะยับยั้ง การเกิดสารก่อมะเร็ง

ที่ชื่อไนโตรซามีนในร่างกาย ซึ่งช่วยป้องกัน การเป็นมะเร็งได้

ช่วยลดอุบัติการการเกิดมะเร็ง ในต่อมลูกหมากถึง 50%

ผลิตภัณฑ์ของกระเทียม ที่ผลิตโดยเทคนิคใหม่ ของญี่ปุ่น

ที่เรียกว่า"aged garlic"

จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้เพิ่มขึ้น

 เช่น macrophaqes, T-lymphocyte activity

และ antibody production

ยังพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค

เชื้อไวรัส และเชื้อรา อีกด้วย

อียิปต์ ใช้กระเทียมประกอบการทำมัมมี่

 เพื่อชะลอ การบูดเน่าของศพ ใช้รักษาโรคเรื้อน ป้องกันกาฬโรค

 แพทย์ปัจจุบันยืนยันว่า

กระเทียมสามารถ ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย

ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาโรคหืด กลาก เกลื้อน สิว หวัด

และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี

กระเทียมมีประโยชน์ต่อการรักษา โรคติดต่อเชื้อทางเดินหายใจ

 การเกิดพิษจากโลหะหนัก หูอักเสบ น้ำตาลในเลือดสูง

 การปรับสภาพ ต่อความเครียด การได้รัแอลกอฮอล์ มากเกินไป

 ท้องร่วง ยังสามารถออกฤทธิ์

ต้านอนุมูลอิสระอย่างแรง (major antioxidant)

ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อโรคของหลอดเลือด และโรคเสื่อมต่างๆ

กระเทียมยิ่งสดเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสรรพคุณดีมากขึ้น เท่านั้น

กระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยวิธีการต่าง ๆ หรือผ่านการหมักดอง

 จะทำให้วิตามินและสารอัลลิซิน ที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นสลายตัวไป

 หลายคนหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงจากกระเทียม

เพราะมีกลิ่นติดปาก วิธีดับกลิ่นแบบง่ายๆ

 เพียงดื่มนมสด หรือดื่มน้ำที่ผสมน้ำผึ้ง และน้ำชาสักแก้ว

กลิ่นจะจางลงมาก หรือแก้โดยใส่ผักชีฝรั่ง ลงในอาหารจานนั้น

 ก็จะช่วยลดกลิ่นกระเทียมลงได้

































ขอบคุณที่มา fb. Siriwan Jane
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ