bloggang.com mainmenu search
















ผักคะน้า

......

ชื่อสามัญ Kai-Lan (Gai-Lan), Chinese Broccoli,

 Chinese Kale ไก่หลันไช่ (จีนกวางตุ้ง) และ กำหนำ (จีนแต้จิ๋ว)

 เป็นผักที่มีต้นกำเนิดในทวีปเอเชีย เพาะปลูกมากในประเทศจีน

 ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย รวมไปถึงประเทศไทย

ผักคะน้าเป็นผัก ที่สามารถปลูกได้ตลอดปี

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดจะในช่วงเดือนตุลาคม – เมษายน

 มีระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวสั้น สายพันธุ์ที่นิยมปลูก

จะมีอยู่ด้วยกัน 3 สายพันธุ์ได้แก่

พันธุ์ใบกลม พันธุ์ใบแหลม พันธุ์ยอดหรือก้าน

เมื่อหาซื้อมาแล้วควรเก็บใส่ไว้ในกล่องหรือถุงพลาสติก

 มัดหรือปิดให้แน่น แล้วนำไปแช่ไว้ในช่องเก็บผัก ของตู้เย็น

 จะช่วยรักษาวิตามินในผัก ให้คงอยู่ได้มากที่สุด


คะน้า เป็นพืชผักใบเขียว ที่นิยมกันมาก

คุณค่าทางโภชนาการ ในคะน้าพบว่ามีวิตามินหลายชนิด

เช่น บีตา-แคโรทีน ช่วยลดความเสี่ยง

 ต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด

 และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

โดยสารเบต้าแคโรทีน รวมกับวิตามินซี

 จะกลายเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารต้านมะเร็ง

ที่มีประสิทธิภาพมาก และยังมีวิตามินซี

ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อให้ชุ่มชื้น

และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรค มีความแข็งแรงสมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีแคลเซี่ยม ช่วยเสริมสร้างกระดูกอีกด้วย

การรับประทานคะน้า 1 ถ้วย จะได้รับแคลเซียม

พอ ๆ กับการดื่มนม 1 แก้ว ทั้งยังให้โฟเลตและธาตุเหล็กสูง

ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้ จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง

 ป้องกันโรคโลหิตจาง และยังเหมาะ กับคุณแม่ตั้งครรภ์

 เพราะโฟเลตกับสาร indoles ที่มีอยู่ในคะน้า

 ยังป้องกันการพิการแต่กำเนิด ของทารก

 แต่ไม่ควรบริโภคมากเกินไป เนื่องจาก มีสาร Goitrogen

 ทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้

ร่างกายขาด แร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคคอพอก

 และยังไปยับยั้ง การสร้างฮอร์โมน ในต่อมไทรอยด์อีกด้วย

ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเรานำไอโอดีนในเลือด

ไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ

 ทางที่ดีที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผัก ชนิดซ้ำๆเดิมๆ

 และควรเลือกรับประทานผัก ให้หลากหลาย

ร่างกายจะได้ประโยชน์มากที่สุด

สรรพคุณทางยา และก้านใบ บำรุงผิวพรรณ

บำรุงและรักษาสายตา ลดความเสี่ยง

ของการเกิดโรค จอประสาทตาเสื่อม

ป้องกันการเกิด โรคกระดูกพรุน

ลดความเสี่ยงของการเกิด โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

 มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด

 และมะเร็งเต้านม เสริมสร้างเนื้อเยื่อ ระบบภูมิคุ้มกันโรคแข็งแรง

 ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ต้านทานการติดเชื้อ

 สร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยบำรุงโลหิต

ช่วยเพิ่ม การไหลเวียนของโลหิต

ช่วยป้องกันการเกิด โรคกระดูกพรุน

ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยรักษาอาการไมเกรน

 ช่วยชะลอปัญหา ความจำเสื่อม ช่วยรักษาโรคหอบหืด

ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ ช่วยคลายการเกร็งตัว

ของกล้ามเนื้อหลอดลม ช่วยป้องกันโรคท้องผูก





























ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ

Create Date :23 มิถุนายน 2558 Last Update :23 มิถุนายน 2558 19:08:52 น. Counter : 3455 Pageviews. Comments :0