bloggang.com mainmenu search





















จำปาดะ

......

 ชื่อผลไม้ของไม้ยืนต้นกลุ่มเดียวกับขนุน และสาเก

 ชื่อสามัญ Champedak มาเลเซียจะเรียกว่า Bankong

ชื่อท้องถิ่น จำด้า มีถิ่นกําเนิดอยู่ในคาบสมุทรมลายู

 อินโดนีเซีย และเกาะนิวกินี ในประเทศไทย

น่าจะเป็นไม้ผลที่ นําเข้ามาปลูกเช่นเดียวกับขนุน

ผลของจำปาดะเล็กกว่าขนุน ทรงผลกลมยาว

 เปลือกผลบางกว่า เปลือกขนุน ภายนอกเป็นหนามถี่

แต่ปลายของหนามมนราบ เกือบเสมอผิว

เมื่อสุกเปลือกสีเหลือง ภายในมียวงสีเหลืองหรือสีจำปา

เมล็ดและยวงจะสั้นกว่าขนุน ยวงบางและค่อนข้างเหลว

เนื้อจำปาดะจะเหนียวเคี้ยวไม่ค่อยขาด

ไม่เหมือนขนุนที่เคี้ยวง่าย รสชาติจำปาดะจะมีรสหวานจัด

 มีน้ำเยอะและหวานกว่าขนุน และไม่มียาง คล้ายขนุนละมุด

 หรือ ขนุนปุด มีกลิ่นจัด..


สรรพคุณจำปาดะ มีวิตามินเอสูง

จึงช่วยบำรุง และรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี

เส้นใยของจำปาดะ สามารถช่วยขับไขมัน

และสารพิษออกไปจากร่างกายได้

ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ

เปลือกไม้ของจำปาดะมีสรรพคุณ

 ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

และช่วยรักษาโรคมาลาเรียได้

ในมาเลเซีย มีการใช้รากของจำปาดะ

เป็นส่วนผสมของยาสมุนไพร แบบดั้งเดิม

ที่ใช้สำหรับหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร

ภาคใต้จะนิยมนำไปทำ จําปาดะทอด

 โดยใช้เนื้อพร้อมเมล็ดไปคลุกกับแป้ง น้ำตาล ไข่ นม งา

 แล้วนำไปทอดน้ำมัน อร่อยมาก

 ใช้ทำเป็นขนมหวาน เช่น ข้าวต้มมัดไส้จำปาดะ

เป็นสูตรเดียวกัน กับข้าวต้มมัดทั่วไป

 แต่ต้องแกะเอาเมล็ดออก

 เอาเฉพาะเนื้อมาใช้แทนกล้วย

รสชาติหวาน หอมมันเข้มข้นมาก

 หรือใช้ทำเป็นข้าวตอกน้ำกะทิ จำปาดะ แกงบวดจำปาดะ

 เมล็ดใช้ทำเป็นอาหารคาว เช่น นำมาใส่แกงพุงปลา

แกงคั่วกะทิ หรือจะรับประทานร่วมกับขนมจีนอร่อยนักแล

 เมล็ด นำไปต้ม หรือนำไปเผาไฟ รับประทานได้

 ใบอ่อนจำปาดะใช้เป็นผักจิ้ม หรือใช้รับประทานร่วมกับส้มตำได้

 แก่นของต้นจำปาดะนำไปต้ม ใช้ย้อมสีจีวรพระได้

ต้นจำปาดะ นิยมปลูกกันมากทางภาคใต้

โดยจัดเป็นผลไม้ขึ้นชื่อ ของอำเภอเกาะยอ จังหวัดสตูล

และเป็นผลไม้ที่หารับประทาน ได้ยากมากๆ

หาได้เฉพาะทางภาคใต้เท่านั้น

อีกทั้งจำปาดะ ยังให้ผลเพียงปีละครั้งเท่านั้น

 ประมาณ พฤษภาคม- กรกฎาคม

จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงได้ประมาณ 20 เมตร

ผลคล้ายรูปทรงกระบอก ขนาดตั้งแต่ 20-35 เซนติเมตร

กว้างประมาณ 15 เซนติเมตร

ผลอ่อนจะมีสีน้ำตาลปนเหลือง ผลอ่อนเปลือกจะแข็งมียางมาก

 ส่วนผลสุกจะเปลือกนิ่มและมียางน้อยลง

เนื้อมีกลิ่นหอมแรงและมีรสชาติหวานจัด

 โดย 1 ผลจะมีน้ำหนักรวมอยู่ระหว่าง 600-3,500 กรัม

แต่ส่วนของเนื้อที่กินได้จะมีน้ำหนักประมาณ 100-1,200 กรัม





















ขอบคุณที่มา fb . Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ

Create Date :10 พฤษภาคม 2558 Last Update :10 พฤษภาคม 2558 10:17:05 น. Counter : 6605 Pageviews. Comments :0