bloggang.com mainmenu search
วันก่อนได้มีโอกาสไปฟังบรรยายเรื่องลามิเนตมา เออ เข้าท่าดีแฮะ เพราะแผ่นลามิเนตสามารถนำมาดัดแปลงเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลายชิ้นงานเชียวล่ะ ก็เลยเอาความรู้เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์มาแบ่งบันเพื่อนๆ เผื่อบ้านใครจะเลือกใช้ Laminate



ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก "ลามิเนต" กันก่อนล่ะกัน หลายคนอาจจะสงสัยมันคืออะไรนะ แผ่นลามิเนต คือแผ่นวัสดุไฟเบอร์เคลือบสารใช้ติดกาวลงบนไม้ นิยมใช้ติดฝาผนัง ประตูหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ลามิเนตมีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือกระดาษและเรซิ่น
1. กระดาษ ประกอบด้วย
1.1 กระดาษ Decor Paper เป็นกระดาษที่กำหนดสีสันลวดลายต่างๆ บนแผ่นลามิเนต
1.2 กระดาษ Craft Paper เป็นกระดาษสีน้ำตาลมีไว้เพื่อเพิ่มความหนาของแผ่นลามิเนต อยากได้หนาขนาดไหนก็เพิ่มกระดาษตรงชั้นนี้ล่ะ
โดยส่วนใหญ่กระดาษที่ในมาใช้ในการผลิตนำเข้ามาจากเมืองหนาวโซนยุโรป เค้ามีเหตุผลนะจ๊ะไม่ใช่ว่าไม่อุดหนุนสินค้าไทย แต่เป็นเพราะกระดาษจากเมืองหนาวมีความเหนียวแข็งแรงกว่ากระดาษเมืองร้อนล่ะ

2. เรซิ่น ประกอบด้วย
2.1 Melamine Resin ใช้เคลือบกระดาษ Decor เพื่อให้เกิดความแข็งแรง ทนทานกันรอยขีดข่วน
2.2 Phenolic Resin ใช้อาบกระดาษ Craft Paper ให้รวมตัวเป็นหนึ่งชิ้นงาน



เมื่อเราทำความรู้จักส่วนประกอบของลามิเนตกันแล้ว เรามาดูกันต่อว่ากว่าจะมาเป็นแผ่นลามิเนตนั้นมีกี่ชั้น คำตอบคือ 6 ชั้นล่ะ
ชั้นที่ 1 Craft Paper 1
ชั้นที่ 2 Craft Paper 2
ชั้นที่ 3 Craft Paper 3
สามชั้นแรกนี่ล่ะคือชั้นที่จะกำหนดความหนาของแผ่นลามิเนต หากจะเพิ่มความหนาก็เพิ่มตรงนี้ล่ะ
ชั้นที่ 4 Under Lay กระดาษชั้นนี้มีไว้เพื่อป้องกันกระดาษ Craft Paper เปื้อนสีกระดาษบนชั้น Decor Paper
ชั้นที่ 5 Decor Paper เป็นกระดาษใช้กำหนดสีสันและลวดลายของแผ่นลามิเนตที่เห็นสวยๆ นั่นล่ะ
ชั้นที่ 6 Over Lay ชั้นสุดท้ายชั้นนี้เป็นการเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับกระดาษ

หลังจากที่เรารู้กันแล้วว่ากว่าจะมาเป็นแผ่นลามิเนตเค้าต้องเพิ่มความหนากันขนาดนี้เชียว เรามาดูขั้้นตอนการอัดกระดาษลามิเนตต่อเลยล่ะกันนะคะ
ขั้นตอนที่ 1 เริ่มจากการอัดกระดาษโดยใช้ความร้อน 200 องศา กันเลยทีเดียว
ขั้นตอนที่ 2 หลังจากที่อัดกระดาษด้วยความร้อนแล้ว ต่อด้วยการเข้าหล่อเย็นเพื่อให้เกิดความคงที่ของกระดาษ
ขั้นตอนที่ 3 จากนั้นนำเข้าเครื่องอัด ๑๕ ชั้น อันนี้ก็แล้วแต่กำลังผลิตของแต่ละโรงงานนะจ๊ะ
ขั้นตอนที่ 4 เมื่ออัดเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าเครื่องตัดกันต่อโดยขั้นตอนนี้จะเข้าเครื่องตัดเรซิ่นส่วนที่เลอะหรือเกินออก โดยการใช้ Laser เพื่อให้ได้ขนาดแผ่นที่ถูกต้องและแม่นยำ เรียกว่าไม่มีพลาดกันเลยทีเดียว
ขั้นตอนที่ 5 ตัดเรียบร้อยแล้วก็มาขัดหลังกันต่อ เพื่อให้ส่วนที่ติดกาวมีความสากเป็นร่องหรือเสี้ยน ทำให้ติดกาวได้แน่นยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 6 เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำมาติด Lot Number ที่ผลิตแล้วจึงเข้าสู่กระบวนการสุดท้าย
ขั้นตอนที่ 7 การตรวจสอบคุณภาพตามมาตราฐานของ ISO 4586 เป็นมาตราฐานการผลิตแผ่นลามิเนตโลก โดยมีการทดสอบสองวิธีคือ การทดสอบด้วยสายตา แผ่นลามิเนตทุกๆ แผ่นจะใช้คนยืนกันคนละข้างสังเกตุจุดแปลกปลอม จุดดำต้องห้ามเกินสามจุด จากนั้นจึงเข้าสู่การทดสอบในห้อง LAB เป็นการทดสอบทางกายภาพดังต่อไปนี้
7.1 ความทนทานต่อการขัดถู ต้องทนได้ 400-500 ครั้ง
7.2 การขีดข่วนโดยเอาเพชรขัด
7.3 กันกระแทก
** สามขั้นตอนนี้การทดสอบต้องไม่เป็นรอยลึกถึงกระดาษชั้น Under Lay
7.4 ทนต่อการเกิดคราบชา กาแฟ ต้องสามารถทำความสะอาดได้
7.5 ความร้อน เป็นการนำสารกรีเตอร์ไลน์ไซเตอร์เรสใส่ภาชนะแล้วตัองวางได้โดยไม่เป็นรอย
7.6 บุหรี่ การทดสอบต้องไม่ติดไฟและการลามไฟ
ขั้นตอนที่ 8 ขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะส่งถึงมือผู้ใช้อย่างเรา นั่นก็คือการติดฟิลม์แผ่นลามิเนตที่เป็นสีเข้มและผิวมันเงา กันรอยขีดข่วนขณะขนส่ง ซึ่งพอช่างติดตั้งเสร็จแล้วก็จะลอกฟิมล์นี้ออกล่ะ



กว่าจะมาเป็นแผ่นสีสันสวยงามแบบนี้ผ่านหลายขั้นตอนแฮะ แต่ทั้งหมดนี้เป็นมาตราฐานการผลิตของบริษัท กรีนแลม ผู้นำเข้าแผ่นลามิเนตเข้ามาขายในประเทศไทยล่ะ โดยแผ่นลามิเนตของบริษัทกรีนแลม มีการรับรองมาตราฐาน 2 อย่างที่น่าสนใจนั่นก็คือ
1. Greenguard Indoor Air เป็นการรับรองมาตราฐานว่าวัสดุดังกล่าวไม่ปล่อยสารพิษในระดับที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน
2. Greenguard for Children & School รับรองว่าวัสดุดังกล่าวไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก

หวังว่าข้อมูลที่เอามาฝากเพื่อนๆ คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ ไว้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อแผ่นลามิเนตนะจ๊ะ ซึ่งต้องบอกว่าแผ่นลามิเนตมีให้เลือกหลากหลายสไตล์มากๆ ที่เอารูปมาลงให้ดูเนี่ยเป็นแค่บางส่วนเท่านั้นนะ (แอบถ่ายมาจากแคตตาล็อคเค้า) จริงๆ แล้วมีเลือกเป็นร้อยเลยล่ะ ซึ่งก็มีราคาที่แตกต่างกันไปตามหน้าวัสดุ เช่น แบบหนังหรือโลหะจริงก็แพงหน่อย สีพื้นก็ถูกมาหน่อย โดยเค้าจะคำนวณเป็นตารางเมตรล่ะ



ด้วยตัวของผลิตภัณฑ์แล้ว นอกจากติดผนังแล้วยังสามารถนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วยอ่ะ เรียกว่าหากมีไอเดียบรรเจิดรับรองว่าบ้านสวยแน่ๆ อารมณ์เหมือนไอเดียแต่งแต้มสีสันอ่ะ เสียดายจังมารู้จักช้าไปหน่อย ไม่งั้นบ้านคงสวยขึ้นอีกเยอะอ่ะ

ส่วนใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ลามิเนตของ Greenlam เค้ามีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยด้วยนะ ต้องขออภัยเราจำได้แต่บริษัทนี้อ่ะ บริษัท บิวเดอร์สมาร์ท จำกัด (มหาชน) โทรไปได้ที่ 02-683-4900
Create Date :20 เมษายน 2553 Last Update :20 เมษายน 2553 0:59:24 น. Counter : Pageviews. Comments :9