bloggang.com mainmenu search
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสลาหยุดพักร้อนเกือบอาทิตย์กลับบ้าน หลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน การกลับบ้านครั้งนี้ทำให้ฉันเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง ด้วยความที่ชีวิตของฉันทุกวันในเมืองหลวง กิจวัตรประจำวันก็คือ ทำงาน--กลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวัน

กลับบ้านครั้งนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่า อยู่ต่างจังหวัดไม่เห็นต้องดิ้นรนอะไรมากมายเหมือนเมืองกรุงเลย ฉันเป็นป้าฉันใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุข ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ออกดอกเงินกู้นิดๆ หน่อยๆ พอให้มีเพื่อน เพราะฉันเห็นแต่ละวันมีคนไปมาหาสู่แกบ่อยๆ

เช้าวันแรกที่บ้านต่างจังหวัดฉันได้ยินเสียงดังโวยวายอะไรกันอยู่หน้าบ้าน เดินออกไปดูเห็นเตี่ยกำลังปีนต้นขนุนเก็บขนุนลงมา เตี่ยบอกว่าถ้าปล่อยไว้มีหวังหลังคาโรงรถทะลุแน่ๆ ด้วยความที่เตี่ยสร้างโรงรถชั่วคราวไว้ใต้ต้นขนุน เลยทำให้ลูกขนุนขึ้นไปโตบนหลังคา หลายลูกเลยล่ะ ต้องใช้เชือกทำเป็นรอกค่อยๆ หย่อนลูกขนุนลงมา เตี่ยบอกว่าเดี๋ยวจะเอาไปให้ป้าเครือเอาไปขายที่ตลาดนัด ส่วนอีกสองลูกก็จะแบ่งไปให้ป้าอีกบ้าน กับลุงที่ในเมือง เมืองกรุงขนุนขีดละ 20 อยู่ที่นี่แทบจะไล่แจกเพราะลูกดกเหลือเกิน





หลังจากที่ช่วยเตี่ยดึงขนุนลงจากต้นแล้ว ก็เดินไปหลังบ้านเห็นป้าแกกำลังง่วนอยู่กับการตัดกล้วย เดินเข้าไปดูใกล้ๆ กล้วยอะไรฟ่ะเนี่ย ทำไมลูกมันใหญ่โตขนาดนี้ล่ะ เดี๋ยวนี้กล้วยน้ำว้ามันลูกใหญ่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ





ด้วยความสงสัยจึงวิ่งไปดูต้นกล้วยที่อยู่ริมด้านหลังคลองขี้หมู (ด้านหลังเป็นโรงเลี้ยงหมู เค้าชอบปล่อยขี้หมูลงคลอง ไม่ต้องถามถึงกลิ่นนะสุดยอดไปเลยล่ะ) บนต้นกล้วก็เห็นเครือไม่ใหญ่นี่น่า ป้าก็เลยบอกว่านั่นยังไม่แก่ ต้องรออีกสักหน่อย ถึงจะโตกว่านี้



กล้วยที่ตัดลงมานี่ก็ยังไม่โตเต็มที่นะ แต่พอดีมีคนเค้ามาสั่งไว้ จะเอากล้วยไปงานบุญ เลยต้องตัดมาขายก่อน (เป็นเงินเป็นทองอีกล่ะ อยู่บ้านเฉยๆ นะเนี่ย) ป้าถามว่าว่างเปล่า ก็เลยบอกว่า ว่างสิก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เดินไปเดินมาอยู่นี่ล่ะ จะให้ช่วยตัดกล้วยเหรอ ป้าบอกว่า เปล่า เก็บดอกจำปีข้างๆ โอ่งน้ำให้หน่อย จะเอาไปใส่ตู้เย็นกับเอาไว้ใส่ในรถยนต์ให้เตี่ยจะได้หอม ๆ





ดอกจำปีนี่มันหอมดีจัง เวลาลมพัดกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาช่างหอมจริงๆ แต่ลมอย่าพัดมาทางโรงเลี้ยงหมูนะ ไม่งั้นเป็นลมแน่ เพราะดอกจำปีก็จำปีเถอะเจอขี้หมูก็ไม่ไหวล่ะ ใกล้ๆ ต้นจำปี ก็มีต้นไม้ดอกเล็กๆ ไม่รู้ว่าใช่ดอกแก้วหรือเปล่านะ เห็นดอกมันสวยดีก็เลยเก็บภาพมาฝาก



ระหว่างที่เดินเล่นถ่ายรูปอยู่นั้น แม่ก็ตะโกนมาถามว่า กินแกงจืดตำลึงหรือเปล่า ถ้ากินก็ไปเก็บตำลึงมาให้แม่หน่อย เดี๋ยวจะแกงจืดตำลึงใส่หมูสับให้ เข้าท่าแฮะไม่กินเสียนานแล้ว



ริมรั้วฝั่งซ้ายของบ้านตลอดแนวยาวมีตำลึงขึ้นเต็มเลย ตอนแรกบอกให้เตี่ยเอาต้นข่อยมาลง จะได้เป็นแนวรั้วสีเขียวสวยดี เตี่ยบอกว่าไม่เอาอ่ะกินก็ไม่ได้ ปลูกตำลึงดีกว่า กินก็ได้ เขียวเหมือนกันแหละ เป็นงั้นไป ระหว่างที่เก็บตำลึงอยู่นั้นก็หันไปเห็นร้านน้ำเต้า มีแต่ใบเหี่ยวๆ ก็เลยตะโกนถามป้าว่า วันนี้ว่างๆ จะให้รือออกเลยไหม



ป้าแกบอกว่า ไม่ต้องรื้อหรอก ให้มันเหี่ยวให้หมดก่อนค่อยรือออก ส่วนลูกน้ำเต้าก็ปล่อยไว้งั้นแหละ เดี๋ยวจะเอาไว้ทำพันธุ์ปล่อยให้มันแก่คาต้นนั่นล่ะ เป็นงั้นไป

เก็บตำลึงเสร็จก็เอาไปให้แม่ แม่ก็แกงจืดตำลึงดูท่าทางมีความสุข คุยกับป้าไปด้วย ป้าแกก็ตัดแต่งหวีกล้วยลูกโตๆ ของแกไปด้วย ส่วนเตี่ยก็นั่งคุยกับเพื่อนบ้านซึ่งเป็นญาติกันหมดแหละ ดูท่าทางเตี่ยจะชอบอยู่บ้านใหม่มากกว่าที่บ้านเก่า เตี่ยบอกว่า เพื่อนเยอะดี เช้าๆ คุณยาย คุณน้า คุณป้าบ้านใกล้ๆ ก็เดินมาชุมนุมกันที่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้านทุกเช้า

ใครจะไปรู้ว่าต้นมะขามหน้าบ้านที่นั่งคุยกันทุกวันเป็นมะขามหวาน มีอยู่วันหนึ่งเตี่ยก็ไม่รู้อารมณ์ไหนขึ้นไปเขย่าให้มะขามมันร่วงลงมา แกก็เอามาใส่ไว้ในถุง กะเอาไปทำน้ำผัดไทย แม่ด้วยความที่ชอบกินมะขาม ก็เลยมาหยิบไปกินเล่น แล้วแกก็บอกว่า มะขามหวานนี่หว่า ก็เลยเดินไปถามป้าว่ารู้หรือเปล่า ป้าแกบอกว่า ก็รู้อะดิ แต่ไม่บอกใครหรอก ขืนบอกคนอื่นพวกมึงก็ไม่ได้กินอย่างนี้หรอก เออแฮะ ฉลาดสุดๆ เลยนะป้าเรา แถมคนแถวนั้นก็ไม่มีใครเชื่อด้วยว่ามันจะเป็นต้นมะขามหวาน แปลกดี ไม่เชื่อไม่ว่า ให้ชิมก็ไม่ชิม หาว่าหลอกซะงั้น

นี่ละมั้งที่เรียกว่า "พอเพียง" ในความหมายของพระองค์ท่านคงเป็นอย่างป้าฉันล่ะมั้ง มีกินมีใช้ไม่ลำบาก ไม่เบียดเบียนใคร ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างพอเพียง ทำประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่ ปลูกพืชผักสวนครัว นอกจากจะไว้กินได้แล้ว ยังเหลือเอาไว้ขาย และแบ่งปันไปให้เพื่อนบ้านได้อีกด้วย .. แกชอบบอกว่า ปลูกไว้งั้นแหละ ใครอยากกินก็มาเอาไป ..

Create Date :29 เมษายน 2551 Last Update :29 เมษายน 2551 23:38:16 น. Counter : Pageviews. Comments :5