bloggang.com mainmenu search




สวัสดีค่ะ







ก่อนอื่นก็ขอหาเสียงเช่นเดิมค่า


หากคิดว่าอ่านบล็อกนี้แล้วมีประโยชน์ต่อการกิน-การเที่ยวเมืองไทยบ้าง ก็กดโหวตให้หน่อยนะคะ
(กดแบนเนอร์ข้างล่างแล้ว ต้องกดโหวตที่หน้านั้นอีกครั้งด้วยนะคะ
แต่ถ้าต้องการโหวตง่ายๆ กว่า ก็คลิกที่ปุ่มโหวตข้างใต้แบนเนอร์โฆษณาที่อยู่ด้านขวาได้เลยค่ะ)




ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ










หลังจากคราวที่แล้วได้พาไปเที่ยวนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ (คลิกเพื่ออ่าน)เรียบร้อยแล้ว







วันนี้จะพาไปเที่ยวต่อนะคะ โดยจุดหมายของเราในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัดราชนัดดาและอยู่ใกล้นิทรรศน์รัตนโกสินทร์มากๆ ค่ะ เดินไปราวๆ 400 เมตรแค่นั้นเองค่ะ





ก่อนอื่นก็มารู้ประวัติของวัดนี้ก่อนแล้วกันนะคะ


วัดราชนัดดารามวรวิหาร เป็นวัดที่รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นให้กับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าหญิงโสมมนัสวัฒนาวดี (ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ในรีชกาลที่ ๔) ซึ่งท่านเอ็นดูมาก เพราะเป็นหลานกำพร้าค่ะ


โดยที่ท่านได้มอบหมายให้พระยายมราชหาทำเลในการสร้างวัด ซึ่งต่อมาได้เล็งเห็นว่าทิศตะวันออกภายในกำแพงเมืองซึ่งตอนนั้นเป็นสวนผลไม้อยู่น่าจะสร้างได้ จึงกราบทูลล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ ค่ะ ซึ่งท่านก็ทรงเห็นด้วย จึงโปรดให้สร้างวัดสองวัดคือ วัดเทพธิดาราม พระราชทานแก่พระเจ้าลูกเธอพระเองค์เจ้าหญิงวิลาศ และวัดราชนัดดาแห่งนี้ให้กับหลานค่ะ (คือสร้างวัดหนึ่งให้ลูก วัดหนึ่งให้หลานนั่นเองค่ะ )















ส่วนโลหะปราสาทนั้น ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเจดีย์ประธานของวัดนี้นั่นเองค่ะ ลักษณะก็เป็นปราสาท ๓ ชั้น ซึ่งยอดทั้งหมด ๓๗ ยอดนั้นก็หมายถึง พระโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการนั่นเองค่ะ





















เราเดินเข้าไปในวัดราชนัดดา (ทางประตูด้านถนนราชดำเนินนะคะ) เข้าไปปุ๊บ ทางซ้ายมือจะเป็นอาคารของสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติค่ะ




















ส่วนทางขวามือ จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง และมีห้องน้ำสำหรับคนพิการด้วยค่ะ





















เราก็ต้องเดินไปทางขวามือ แล้วก็เลี้ยวซ้าย ก็จะเจอทางเข้าโลหะปราสาทแบบนี้ค่ะ





















เลยทางเข้าไปนิดหนึ่ง ก็จะมีอาคารไม้แบบนี้ จำหน่ายดอกไม้ธูปเีทียนค่ะ





















มีน้องเหมียวใส่ถุงเท้านวยนาดโชว์ด้วยค่ะ (ทักก็ไม่หันด้วยนะคะ แค่ปรายตามองนิดเดียวเอง )





















โบรชัวร์ของที่นี่ค่ะ (จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหน น่าจะตรงที่จำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนหละกระมังคะ)























เดินเข้าไปกันค่ะ ต้องถอดรองเท้านะคะ เข้าไปด้านในปุ๊บ เราก็เลี้ยวซ้ายเพื่อไปดูนิทรรศการก่อนค่ะ

ซึ่งพอเลี้ยวซ้ายไปแล้วก็ต้องเลี้ยวขวาอีกที ตามป้ายเลยนะคะ























ไปดูนิทรรศการกันค่ะ ก็จะเป็นประวัติการสร้างโลหะปราสาทหละนะคะ





ซึ่งการก่อสร้างโลหะปราสาทของไทยนี่ก็เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2389 โดยรัชกาลที่ 3 นั้น แต่ไม่เสร็จค่ะ จึงมีการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมในรัชกาลที่ 5 และ 6 มาเสร็จสมบูรณ์ก็ในรัชกาลปัจจุบัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อคราวฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อ พ.ศ. 2538 นี่เองค่ะ

คำว่า โลหะปราสาท (Lohaprasada) เป็นชื่อดั้งเดิมของอินเดีย เรียกมาแต่ครั้งพุทธกาล ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ให้ความหมายว่า ตึกที่มียอดเป็นโลหะค่ะ

























นอกจากนั้นโลหะปราสาทหลังนี้เป็นโลหะปราสาทที่เหลืออยู่เพียงหลังเดียวในโลกนะคะ คือทั่วทั้งโลกนี่มีโลหะปราสาทอยู่แค่ 3 แห่งเท่านั้น คือ

1. มิคารมาตุปราสาท ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งนางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างขึ้นในสมัยพุทธกาล ปัจจุบันไม่เหลือร่องรอยอะไรให้เห็นแล้วค่ะ

2. อยู่ที่ประเทศศรีลังกา สร้างโดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์แห่งอนุราธปุระ ภายหลังถูกไฟไหม้และถูกทำลาย แต่ยังคงเหลือซากให้เห็นเป็นหลักฐานอยู่ค่ะ

3. โลหะปราสาท ณ วัดราชนัดดา กรุงเทพฯ แห่งนี้นั่นเองงงงงงงงงง






















เดินดู+อ่านเรื่อยๆ ค่ะ มีอันหนึ่งเป็น Interactive ให้เล่นด้วยค่ะ

คือเอาตัวกระดานๆ นี่หันเข้าหากล้องที่อยู่เหนือจอ

ถ้าได้มุมที่เหมาะสม จะปรากฏรูปของโลหะปราสาทขึ้นมาด้วยหละค่ะ





















จากนั้นก็เริ่มเดินขึ้นไปบนยอดสุดค่ะ ที่จริงแล้ว ก็มีทางเดินเพื่อออกไปชมวิวในแต่ละชั้นด้วยนะคะ แต่เนื่องจากเวลามีน้อย ก็เลยเดินขึ้นไปชั้นบนสุดเลยค่ะ ระหว่างทางเจอเจ้าเหมียวน้อยตาปรอยตัวหนึ่งด้วยค่ะ (วัดนี้แมวเยอะจริงๆ อิอิ)





















ไม่ได้เดินรวดเดียวถึงหรอกนะคะ ก็พักบ้างอะไรบ้าง ถ้าคนเข่าไม่ค่อยดี ก็ไม่เหมาะจะขึ้นมาเที่ยวเท่าไหร่หรอกค่ะ แหะๆ อาจจะน็อคได้ เง่อ...





















ระหว่างทางซึ่งมีชั้นชานพักและเดินออกไปชมวิวได้ ก็แอบเก็บยอดปราสาทยอดหนึ่งมาค่ะ





















ชานพักที่บอกค่ะ มีชาวต่างชาติเดินชมอยู่ เลยแอบแชะภาพมาฝาก




















ยอดปราสาทค่ะ อาจารย์บอกว่าทำจากทองแดง แต่เราก็งงว่า..แล้วฟ้าไม่ผ่ารึ?





















ถ่ายเก็บวิวจากบนโลหะปราสาทค่ะ

ถ่ายไปทางถนนราชดำเนิน จะเห็นอาคารของนิทรรศน์รัตนโกสินทร์และพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์นะคะ





















จากนั้นเราก็ค่อยๆ คืบคลาน (ตอนแรกหาทางขึ้นไม่เจอด้วยค่ะ แต่ถามเด็กที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น เค้าก็เลยบอกทางขึ้นไปให้) + ไต่ขึ้นไป เพื่อไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุคุ่ะ

ซึ่งตัวองค์พระบรมสารีริกธาตุนี่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานค่ะ ก่อนหน้านั้นไม่มีนะคะ





















ตอนของเรา เราไหว้ที่ด้านล่างค่ะ แต่ก็มีบางคน เอาขึ้นมาไหว้ตรงนี้เลย แต่ไม่มีที่จุด+ปักธูปนะคะ





















จะเห็นว่าที่จริงมีลูกกรงกั้นโดยรอบด้วยนะคะ แล้วก็ผนังภายในที่นี่ค่อนข้างงามดีค่ะ





















จากชั้นสี่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุนี้ จะสามารถมองเห็นภูเขาทองได้ด้วยค่ะ























หลังจากสักการะพระบรมสารีริกธาตุเรียบร้อยแล้ว ก็เดินลงมาเก็บภาพด้านล่างค่ะ

นี่แหละค่ะ เป็นอีกที่ที่เราสามารถไหว้ได้ มีกล่องบริจาคด้วยนะคะ




















กรณีเป็นชาวต่างชาติ ก็ควรจะบริจาค 20 บาทเพื่อบำรุงวัดนะคะ (แต่ไม่มีคนเฝ้าง่ะ)





















จากนั้นก็ไปเก็บภาพน้องเหมียวก่อนกลับค่ะ























สรุปแล้วสำหรับที่นี่นะคะ



ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครหละค่ะ ความสำคัญก็คือ เป็นโลหะปราสาทเพียงแห่งเดียวของโลกใน 3 แห่งที่ยังครบสมบูรณ์อยู่นะคะ

ถ้าใครไม่กลัวความสูง วิวที่ชั้นสี่ (ชั้นที่มีพระบรมสารีริกธาตุ) ก็สามารถชมวิวได้สวยงามดีด้วยค่ะ ถ้าฟ้าใสๆ นี่ น่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายภูเขาทอง วัดสระเกศได้งามมากๆ เลยหละค่ะ



















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

770840/6069/524



Create Date :17 พฤศจิกายน 2553 Last Update :17 พฤศจิกายน 2553 0:02:32 น. Counter : Pageviews. Comments :27