bloggang.com mainmenu search





สวัสดีค่า




เอนทรี่ล่าสุด รีวิว ร้านอาหาร เชียงใหม่ - ซูชิจิโร่ อาหารญี่ปุ่นอร่อย ราคาย่อมเยา (คลิกเพื่ออ่าน)






หลังจากปล่อยรีวิวทริปบลูสกายรีสอร์ทแอทเขาค้อมาแล้วดังนี้

1. แวะกินไก่ย่าง วิเชียรบุรี (คลิกเพื่ออ่าน)

2. บรรยากาศของที่พัก (คลิกเพื่ออ่าน)

3. ห้องพักแบบ suite (คลิกเพื่ออ่าน)

4. ห้องพักแบบ deluxe (คลิกเพื่ออ่าน)

5. Afternoon Tea (คลิกเพื่ออ่าน)

6. หม่ำมื้อค่ำแบบไทยๆ (คลิกเพื่ออ่าน)

7. อาหารเช้าแบบฝาหรั่ง (คลิกเพื่ออ่าน)

8. ล่องแก่งชมผีเสื้อ (คลิกเพื่ออ่าน)

9. แมงกะพรุนน้ำจืด (คลิกเพื่ออ่าน)

10. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (คลิกเพื่ออ่าน)

11. ชัยพฤกษ์ริมทาง ผ่านร้านกาแฟ (คลิกเพื่ออ่าน)

12. ร้าน Route 12 (คลิกเพื่ออ่าน)

13. หม่ำมื้อค่ำแบบตะวันตก (คลิกเพื่ออ่าน)

14. ข้าวต้มมื้อเช้า (คลิกเพื่ออ่าน)

15. วัดพระธาตุผาแก้ว หลวงพ่ออำนาจ โอภาโส (คลิกเพื่ออ่าน)

16. เปียง ข้าวขาหมู เพชรบูรณ์ (คลิกเพื่ออ่าน)






เอนทรี่นี้ก็จะเป็นเอนทรี่สุดท้ายแล้วหละค่ะสำหรับทริปมหากาพย์นี้ (เสียงโห่ร้องไปทั่วมณฑล...แบบว่าคนไปด้วยกันจบไปเป็นชาติ ยายป้านี่มัวแต่คลานอยู่ ฮา )



สำหรับเอนทรี่ปิดท้ายนี้ก็ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ (หรา?) ไปเที่ยวที่ใด ที่ขาดเสียไม่ได้สำหรับคนไทยคือ การซื้อของฝากค่ะ ซึ่งเจ้าบ้านก็พาไปแวะกันที่ร้านของไร่กำนันจุลนะคะ






















ร้านมีพื้นที่ค่อนข้างมากพอสมควรเลยนะคะ กว้างขวางใช้ได้เลย แล้วก็มีที่จอดรถพอควรค่ะ























มีรถเข็นให้ด้วยอะค่ะ โฮ่...
























มีซุ้มสำหรับขายอาหารว่างแบบพร้อมกินเลยด้วยนะคะ แต่เราไม่ได้ชิม และไม่ได้ซื้อ แหะๆ





















ภายในร้านค่ะ จัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อยดีนะคะ สินค้าก็มีมากพอสมควรเลย























มุมโปรดของเราค่ะ ชิมฟรี ฮา





















ชอบตัวนี้ด้วยค่ะ (แต่ไม่ได้ซื้อมา อ้าว ฮา) น้ำพริกซองๆ พกสะดวก เหมาะกับการเดินทางไปต่างประเทศดีค่ะ





















และผลิตภัณฑ์จากมะขามให้ชิมค่ะ





















สำหรับสินค้าที่ติดอันดับขายดีนะคะ ก็จะมีติดป้ายบอกอย่างนี้ด้วยค่ะ





















ส่วนนี่เป็นอีกสินค้าหนึ่งที่เพื่อนร่วมทริปบอกว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ กับปลาส้ม แต่เราก็ไม่ได้ซื้อมาอีกน่ะแหละ





















สิ่งที่เราซื้อเป็นสิ่งที่ท่านแม่สั่งมาค่ะ นั่นก็คือส้มนั่นเอง


เราก็เลยคว้าส้ม (ซึ่งแพงพอควรเลยแหละค่ะ) มาได้ ก็เห็นของโปรดอีกอย่าง นั่นก็คือตะลิงปลิงนั่นเอง ก็เลยคว้ามาด้วย อิอิ

แต่..มันไม่อร่อยง่ะค่าา แต่ส้มอร่อยเวอร์มาาากกกกก แม่มาบอกทีหลัง (หลังจากโทร.ไปบอกแม่ว่าส้มอร้อย อร่อย) ว่า อ้าว ก็ไร่กำนันจุลเค้าก็ดังเรื่องส้มนี่จ้ะ แม่คุณลูกสาว (ซึ่งเป็นไกด์ แต่ไม่รู้เรื่อง แง ) แต่ขอเฟิร์มว่าส้มที่นี่อร่อยจริงจังค่ะ ชอบอ้ะ




















ด้วยความที่แม่บอกอย่างนั้น เราก็เลยไปลองหาข้อมูลไร่กำนันจุลมาเพิ่มดูค่ะ

เว็บไซต์ของไร่กำนันจุลค่ะ
//www.chulthai.com/index.php?p=main

สำหรับที่มาของไร่กำนันจุลนะคะ ยกมาจากเว็บไซต์เค้าเลยเนาะ



กำนันจุล คุ้นวงศ์ เกษตรกรผู้เป็นเจ้าของไร่ส้มอันเลื่องชื่อที่จังหวัดเพชรบูรณ์มาช้านานกว่าครึ่งศตวรรษกำนันจุลเกิดเมื่อปีพ.ศ. 2446 เป็นลูกชาวจีนอาศัยอยู่บริเวณสนามเป้าใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้รับการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แต่ด้วยใจรักงานด้านการเกษตรประกอบกับเป็นผู้ที่ชอบเดินทางไปยังทุกภาคในประเทศจึงทำให้เข้าใจธรรมชาติและภูมิประเทศเป็นอย่างดีและเห็นว่าจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์มากเหมาะสมที่จะทำการเกษตร

ในปี พ.ศ. 2479 จึงได้อพยพครอบครัวมาตั้งรกราก สาเหตุที่เลือก ณ. ท้องที่บ้านสามแยกวังชมภู ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เพราะเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า “น้ำไหลทรายมูล” คือ น้ำจะพัดพาเอาความอุดมสมบูรณ์ของดินมารวมไว้ ประกอบกับพบว่ามีแหล่งน้ำซับขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลซึมจากใต้ดินตลอดปี ความประทับใจเหล่านี้ทำให้กำนันจุลตัดสินใจเลือกที่นี่

กำนันจุลเป็นคนชอบค้นคว้าทดลองนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนาด้านการเกษตรจึงทำให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการปลูกส้มเขียวหวาน ซึ่งปลูกจำนวน 70,000 ต้น มีผลผลิต 14 ล้านกิโลกรัม / ปี กำนันจุลได้เล็งเห็นว่าอาชีพนี้สามารถก่อให้เกิดรายได้ดี และเกิดความมั่นคงในอาชีพ ประกอบกับการเป็นคนมีอัธยาศัยดี ใจกว้าง รักการทำงานแบบกลุ่ม จึงชักชวนญาติสนิทมิตรสหายและชาวบ้านให้ปลูกส้มเขียวหวาน โดยกำนันจุลเป็นผู้ดูแลตั้งแต่การเลือกสายพันธุ์ ควบคุมคุณภาพ การตลาด ส้มจะถูกคัดโดยเครื่องคัดขนาดที่สร้างขึ้นเอง เพื่อให้ได้ขนาดและคุณภาพที่ดีสม่ำเสมอ แล้วจึงบรรจุใส่ถังไม้ขนส่งไปยังตลาดมหานาคในกรุงเทพ ทำให้จังหวัดเพชรบูรณ์กลายเป็นแหล่งผลิตส้มเขียวหวานรายใหญ่ที่สุดในประเทศ และยังสามารถส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คือ มาเลเซีย และสิงคโปร์



ชื่อเสียงของส้มเขียวหวานจาก “ไร่ส้มกำนันจุล” และสมาชิกนั้น เป็นที่เลื่องลือระบือไกลถึงรสชาติชวนติดใจ ไม่แพ้กับสิ่งที่กำนันจุลได้อุทิศให้แก่ส่วนรวมจนได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เป็นเวลา 4 ปี และได้รับแต่ตั้งเป็นกำนัน ซึ่งตลอดเวลา 14 ปี ที่ดำรงตำแหน่งได้ปกครองลูกบ้านอย่างเป็นธรรม ให้คำแนะนำตักเตือนและแนะช่องทางหากินให้แก่ลูกบ้าน จนกระทั้งเกิดความเจริญสงบสุขขึ้นในท้องถิ่น เป็นที่เคารพรักใคร่ แม้เมื่อพ้นจากตำแหน่งก็ยังเป็นที่กล่าวขานถึงอย่างชื่นชมตราบเท่าทุกวันนี้



















อ่านแล้วก็อดทึ่งกับกำนันจุลไม่ได้เนาะคะ


นอกจากนั้นที่นี่ก็มีไอศกรีมรสชาเขียวกับมัลเบอร์รี่ขายด้วยหละค่ะ แต่ก็...ไม่ได้ลองอีกเช่นเคย เง่อ...





















มาดูหน้าตามัลเบอร์รี่ (หรือหม่อนเรานี่แหละค่ะ ฮา) กันดีกว่าค่ะ

สรรพคุณเยอะอยู่นะคะ อิอิ




















อันนี้เป็นสรรพคุณที่เค้าแปะไว้ค่ะ











ส่วนอันนี้คือสรรพคุณที่เอามาจากลิงก์นี้นะคะ


มัลเบอร์รี่ เรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ลูกหม่อน เพื่อนๆเริ่มจะคุ้นๆขึ้นกันหรือยังคะ หม่อนที่เราเคยเรียนกันว่าปลูกหม่อนเลี้ยงไหมนั่นแหละค่ะ มัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น กรดโฟลิก ซึ่งพบว่าทารกที่เกิดจากมารดาที่ขาดกรดโฟลิก มีความเสี่ยงที่จะพิการทางสมองและประสาท ไขสันหลัง นอกจากนั้นยังพบสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโธไชยานิน เควอซิติน ที่มีส่วนลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ตำรับยาโบราณมีการใช้ผลหม่อนต้มบริโภคทั้งเนื้อและน้ำแก้โรคไขข้ออักเสบ ท้องผูก โลหิตจาง และขับเสมหะ ด้วยความที่เจ้ามัลเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายจึงมีส่วนช่วยในการ เพิ่มการทำงาน และลดการอักเสบของหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคทางระบบประสาทและสมอง

วิธีการทาน สามารถทานได้ทั้งผลสด เเละ เเปรรูปเป็นเครื่องดื่มเเละเเยมได้ เพราะผลที่ยังไม่สุดจัดจะมีสีเเดง มีรสเปรี้ยว เเต่เมื่อสุกจัดจะมีสีม่วงออกไปทางดำจะมีรสหวานชุ่มคอดีค่ะ ให้พลังงานต่ำ เพียง 43 kcal ต่อ 100 กรัมเเถมได้ประโยชน์มากมายอีกด้วย
ตอนนี้เห็นมีวางขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เช่น Tops The Mall เเละ ร้านโครงการหลวงค่ะ สนนราคา 1 กล่อง 59 บาท จะทานสดเเก้ง่วงยามบ่าย หรือทานคู่กับโยเกิร์ต ก็อร่อยดีค่ะ


มีผลงานวิจัยหลายสถาบันในประเทศไทย มหาวิทยยาลัยทางการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตและงานวิจัยหลายประเทศ ดังนี้

- มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ชื่อ Anthyocyanin ซึ่งเป็นสารสีม่วงแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง
- มีวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงเลือด ตับ ไต ลดการเกิดสิว ลดอาการปวดประจำเดือน
- ป้องกันและยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดแตก สาเหตุของโรคอัมพฤก อัมพาต
- มีวิตามินซี สูง ช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคปอด วัณโรค ป้องกันเชื้อไวรัส
- มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดต้อกระจก (ป้องกันแสงสีน้ำเงินเข้าทำลายเลนส์ตา) บำรุงเหงือกและฟัน สร้างภูมิให้ระบบหายใจ บำรุงผิว ลดการอักเสบของสิว
- มีกรดโฟลิค หรือวิตามินใบไม้ หรือวิตามินเอ็ม ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันทารกพิการ ช่วยการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หญิงแรกตั้งครรภ์เดือนแรกต้องการกรดโฟลิค
- ช่วยแก้อาการเมาค้าง ผ่อนคลายความเครียด
- ช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมหงอกก่อนวัย










สำหรับเอนทรี่นี้ก็ถือเป็นการปิดท้ายของการไปร่วมทริปกับทางบลูสกายรีสอร์ท ณ เขาค้อนะคะ ต้องขอบคุณทุกๆ ท่านที่ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นด้วยค่ะ ขอบคุณคุณบีและเจ้าหน้าที่ที่บลูสกายฯ ที่ให้การดูแลทุกคน เพื่อนร่วมทริปที่ทำให้ทริปนี้สนุกสนานมีความสุขมากๆ นะคะ ไว้เจอกันโอกาสหน้าจ้า










ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+1071597=2541293/9732/796
Create Date :09 กันยายน 2556 Last Update :9 กันยายน 2556 8:26:45 น. Counter : 13178 Pageviews. Comments :25