bloggang.com mainmenu search




สวัสดีค่า




เอนทรี่ล่าสุดรีวิวบ้านสวนกลางกรุง (ครัววชิรปราการ) (คลิกเพื่ออ่าน)






หลังจากปล่อยรีวิวทริปบลูสกายรีสอร์ทแอทเขาค้อมาแล้วดังนี้

1. แวะกินไก่ย่าง วิเชียรบุรี (คลิกเพื่ออ่าน)

2. บรรยากาศของที่พัก (คลิกเพื่ออ่าน)

3. ห้องพักแบบ suite (คลิกเพื่ออ่าน)

4. ห้องพักแบบ deluxe (คลิกเพื่ออ่าน)

5. Afternoon Tea (คลิกเพื่ออ่าน)

6. หม่ำมื้อค่ำแบบไทยๆ (คลิกเพื่ออ่าน)

7. อาหารเช้าแบบฝาหรั่ง (คลิกเพื่ออ่าน)

8. ล่องแก่งชมผีเสื้อ (คลิกเพื่ออ่าน)

9. แมงกะพรุนน้ำจืด (คลิกเพื่ออ่าน)








วันนี้ก็พาไปหม่ำมื้อเที่ยงก่อนจะพาไปเที่ยว ณ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงกันต่อนะคะ แฮ่...


สำหรับการไปหม่ำที่นี่ก็สืบเนื่องจากหลังจากที่ไปดูผีเสื้อกับแมงกะพรุนที่รีวิวไปก่อนหน้านี้แล้วน่ะนะคะ

ซึ่งร้านนี้ก็น่าจะเป็นร้านเดียวที่น่าจะสะดวกสุดสำหรับนักท่องเที่ยวหละค่ะ เพราะว่าอยู่ตรงก่อนถึงปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงพอดีเลยหละค่ะ (ถ้ามาจากทางล่องแก่งบางระจันนะคะ) ซึ่งมื้อนี้พวกเราจ่ายกันเองฮับ เจ้าภาพไม่ได้เลี้ยง อิอิ


ถ้ามาจากทางแก่งบางระจัน ร้านจะอยู่ทางขวามือค่ะ หน้าตาก็ตามภาพเลยค่า





















หันหลังให้ร้าน มองไปทางขวามือหน่อยหนึ่งก็จะเจอกับทางเข้าที่จะไปอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงแล้วหละค่ะ





















เข้าไปปุ๊บที่ทำเอาเราทั้งยิ้มและเซอร์ไพรซ์ก็คือ มีไวไฟใช้ฟรีด้วยฮับ แม่เจ้า

นี่ทั้งร้านไก่ย่างส้มตำ (ณ วันแรก) ทั้งก๋วยเตี๋ยวข้างทางมีให้ใช้ฟรี

ขณะที่...โรงแรมห้าดาวหลายแห่งในไทย คิดเงิน เอิ่ม...Thailand Only!!!





















ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (เส้นบะหมี่) ของเราค่ะ

เราเป็นคนที่ถ้าไปกินร้านไหนที่ไม่เคยกิน เพลย์เซฟสุดก็ก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรที่ปรุงรสเพิ่มเองได้นี่แหละค่ะ แหะๆ






















ส่วนเรื่องรสชาตินั้น...เอ่อ..ไม่ค่อยคุ้นค่ะ มันอาจจะเป็น "ต้มยำ" แบบถิ่นเค้าก็ได้นะคะ

ก็เลยต้องปรุงเพิ่มอีกหน่อยอะค่ะ แหะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากมายอะไรนะคะ





















ต่อไปก็จะเป็นรูปเมนูอื่นๆ ของเพื่อนๆ ร่วมทริปนะคะ แต่รสชาติไม่ทราบนะคะ แหะๆ

แต่ลงเผื่อให้เป็นทางเลือกและจะได้ทราบว่าร้านนี้มีอะไรให้สั่งได้บ้างเนาะ

เย็นตาโฟเส้นใหญ่ค่ะ
























และเอิ่ม...ผัดซีอิ๊ว สงสัยจะกลัวจัด สีซีดเชียะ





















เส้นใหญ่ราดหน้าค่ะ คงกลัวตามจานบนมาติดๆ เหอๆ





















อิ่มเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถตู้เข้าสู่อุทยานฯ กันต่อค่ะ เข้าไปพักหนึ่งเหมือนกันค่ะ (งีบไปหน่อยหนึ่งด้วย)


ทางเข้าก็ตามภาพเลยนะคะ ถ้าเป็นรถโหลดมานี่ วิ่งอย่างนี้คงช้ำอ้ะ เหอๆ





















ก็จะเจอที่ทำการอุทยานหน้าตาตามภาพเลยฮับ แต่ป้ายติดไว้ว่าเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอะนะคะ

หันหน้าเข้าที่ทำการ ห้องน้ำจะมีทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวานะคะ























เพื่อนเราเดินไปทางห้องน้ำขวามือก่อนแล้วค่ะ

แต่จะเห็นว่ามีป้ายติดบอกว่า ห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือด้วยนะคะ























แต่เราไปที่ห้องน้ำทางขวามือ (ตามเพื่อนไปค่า แฮ่...)

ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าห้องน้ำด้วย ถึงจะต้องถอดออก ใส่เข้า แต่เราว่ามันรักษาความสะอาดได้ง่ายดีค่ะ

ห้องน้ำจะไม่เปื้อนโคลน ฝุ่นมากนัก เราชอบระบบแบบนี้นะคะ





















ตรงนี้มีโครงกระดูกช้างด้วยหละค่ะ

ข้อมูลบอกว่าเป็นพังแต๋น อายุ 50 ปี ตายเพราะคลอดลูกค่ะ แง























หลังจากเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ของทางอุทยานก็ออกมาต้อนรับค่ะ

ขออภัยด้วยที่จำทั้งชื่อและตำแหน่งไม่ได้นะคะ อภัยให้หนูด้วย





















จากนั้นพี่เค้าก็ขึ้นรถตู้มากับเราค่ะ พาเราเดินทางต่อ

ผ่านป้อมที่ชำระค่าใช้จ่ายในการเข้าอุทยานฯ นะคะ

ค่าเข้าผู้ใหญ่คนละยี่สิบบาทค่ะ ส่วนค่ารถก็แล้วแต่ว่าเล็กใหญ่ กี่ล้อนะคะ























อย่างรถตู้นี้สี่ล้อ ก็เสียค่ารถเข้าอีกสามสิบบาทค่ะ

หน้าตาของบัตรเข้านะคะ อันบนสุดในรูปนี่คือบัตรของรถค่ะ สามสิบบาท





















วิ่งไปบนถนนดินแดง โขยกเขยกกันไปครู่หนึ่ง ก็เจอนักปั่นจักรยานสวนทางมาค่ะ

พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า มีคนมาเที่ยวลักษณะนี้กับที่อุทยานฯ นี้เยอะเหมือนกันนะคะ





















วิ่งไปสักพักก็จะเจอจุดชมวิวทางด้านซ้ายมือค่ะ

แต่พวกเราไม่ได้แวะนะคะ แค่ชะลอให้ถ่ายรูปมาฝาก แหะๆ





















บุกป่าฝ่าดงกันต่อไป ย่อยไขมันดีนักแล





















วิ่งไปสักพักหนึ่ง พี่เค้าก็จอดแวะให้ชมที่พักของเจ้าหน้าที่ที่นี่ค่ะ

จะอยู่ทางขวามือตอนวิ่งเข้านะคะ





















เป็นบ้านพักหลังเล็กๆ ท่ามกลางไม้สูงใหญ่หลายต้นเลยหละค่ะ

เห็นแล้วน่าเอาทำโลเคชั่นละครมาก ฮา





















ตรงต้นไม้ใกล้ๆ กับที่รถจอด มีกล้วยไม้ด้วยค่ะ เลยเก็บภาพมาฝากหละ

สวยแบบป่าๆ ดีจัง

ข้อมูลจากคุณ Patteera นะคะ

ภาพกล้วยไม้สีเหลืองนั้นเป็นกล้วยไม้ป่าชื่อ เอื้องผึ้ง จะบานในช่วงฤดูร้อนในต้นหนึ่งจะบานอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็โรยไป





















ต้นไม้ที่นี่ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ โดยมากจะเป็นสนสองใบ

พยายามรื้อความจำเดิมๆ จำได้ว่า สนสองใบร่องของเปลือกที่ลำต้นจะลึกกว่าสนสามใบอะค่ะ





















ต้นใหญ่แค่ไหน เบาะๆ ก็สามคนโอบตามภาพหละค่ะ อิอิ

ขอบคุณนางแบบกิติมศักดิ์มา ณ โอกาสนี้





















สูงแบบว่า..แหงนคอมองกันเลยหละค่ะ (ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าเตี้ยอย่างเดียวนะ เหอๆ )





















มาดูความลึกของร่องเปลือกที่ลำต้นสนสองใบกันค่ะ เอานิ้วแหย่ได้แบบนี้เบยย





















ที่มาของชื่อสนสองใบค่ะ

จะเห็นว่าใบมันจะมีสองกิ่ง (ใบ?) แบบนี้นะคะ





















แอบเก็บภาพของบ้านพักเจ้าหน้าที่มาค่ะ

เค้าก็อยู่กันเรียบง่ายดีนะคะ แต่ไม่ได้เก็บภาพมามาก เพราะเกรงใจเค้าอ้ะ

ชายคาที่มุงจาก มีมัดรวบแบบนี้ไว้ด้วยค่ะ เห็นหลายที่แล้วอะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าทำทำไมอะนะ

แต่เคยเห็นว่ามันใช้ประโยชน์ได้ที่มีคนเอาถังน้ำมารองน้ำฝนน่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเค้าทำเพื่อการนี้หรือเปล่า





















ไปเก็บรูปในหลวงมาฝากค่ะ





















ก่อนขึ้นรถก็เก็บรูปกล้วยไม้มาฝากกันอีกค่ะ ชอบอ้ะ แต่ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไร แหะๆ

























ระหว่างนั้นเองก็มีเพื่อนร่วมทริปบอกให้ไปดูซากแมลงค่ะ

ไอ้ตอนแรกเราก็นึกว่าลอกคราบ แต่มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าไม่ใช่ค่ะ

เป็นลักษณะที่เหมือนมีอะไรมาไข่ไว้ในตัวแมลงแล้วค่อยๆ กิน พอโตแมลงที่มันอาศัยก็ตายอ้ะ

เคยเรียนเหมือนกันค่ะ แต่จำไม่ได้แล้ว

แต่เพิ่งได้เห็นซากแมลงที่ว่านี่จะๆ นี่แหละค่ะ อ่า...


ข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณ Patteera ค่ะ

ส่วนคราบแมลงที่เห็นนั้นเป็นคราบของจั๊กจั่นครับ พอมันลอกคราบเสร็จมันก็บินออกไปหากินพร้อมกับผสมพันธุ์จะมีอายุยืนยาวอยู่ในสภาพเป็นตัวจั๊กจั่นกรีดปีกส่งเสียงอยู่ที่กล่องเสียงข้างลำตัวอยู่ประมาณ 7-10 วันเมื่อวางไข่เสร็จแล้วก็ตายครับ วงจรชีวิตของจั๊กจั่นจะนานมากเป็นสิบปีครับกว่าจะออกจากไข่เป็นดักแด้ลอกคราบออกมาบินและตายจากไป





















ด้วยความสงสัยเลยไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมค่ะ

จากลิงก์นี้นะคะ

//www.dnp.go.th/FOREMIC/NForemic/Predator/index_Para.htm



ได้ความมาว่า


แมลงตัวเบียน (Parasitic Insects หรือ Parasitoids)

แมลงตัวเบียน เป็นแมลงที่มีช่วงระยะตัวอ่อน ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาศัยและหากินอยู่ภายนอกหรือภายในตัวเหยื่อ เพื่อการเจริญเติบโตอยู่จนครบวงจรชีวิตของพวกมัน ทำให้เหยื่ออ่อนแอและตายในที่สุด

แมลงตัวเบียนตัวเมียตัวเต็มวัยจะวางไข่อยู่บนหรือใช้อวัยวะวางไข่แทงเข้าไปใน ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้ หรือตัวเหยื่อที่โตเต็มวัย ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวเบียนนั้นๆ หลังจากนั้นเมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อน เช่น เป็นตัวหนอน ซึ่งจะใช้ร่างกายของเหยื่อเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและเป็นอาหารไปพร้อมกัน แต่เมื่อเติบโตเป็นตัวเต็มวัยแล้ว อาหารของตัวเต็มวัยมักจะแตกต่างกับอาหารของตัวอ่อน เช่น น้ำหวานจากดอกไม้ เหยื่อของแมลงตัวเบียน มีทั้งที่เป็นแมลงด้วยกันเอง หรือ สัตว์ชนิดอื่นๆ ตัวเบียนมีความสำคัญในการควบคุมปริมาณศัตรูพืชเป็นโดยธรรมชาติ





















จากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถเดินทางต่อไปอีกหน่อยค่ะ ก็จะเจอกับเจ้าต้นนี้ที่ข้างทาง อยู่ฝั่งซ้ายมือนะคะ

พี่เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่า เรียกว่า ต้นแสลงใจค่ะ






















สำหรับต้นแสลงใจนี่ พี่อุทยานฯ เค้าเล่าเรื่องความเกี่ยวพันกับที่มาของทุ่งแสลงหลวงด้วยค่ะ

แต่แน่นอนว่า...ลืมไปแล้ว


ก็เลยขอแก้ตัวด้วยการไปหาข้อมูลต้นแสลงใจมาให้แทนนะคะ แหะๆ

จากลิงก์นี้ค่ะ

//www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_28_5.htm




ชื่ออื่น : กระจี้ กะกลิ้ง ตูมกาแดง แสลงทม แสลงเบื่อ แสลงเบือ

สรรพคุณ :

เมล็ด
- มี Alkaloid เรียกว่า Strychnine
- เป็นยาบำรุงหัวใจให้เต้นแรงและบำรุงประสาทอย่างแรง
- ยาที่เบื่อสุนัขให้ผงอัลคาลอยด์ของสตริกนิน 1 เกรน เบื่อสุนัขได้ 1 ตัว ก่อนตายมีอาการชักกะตุกจนตาย ภายใน 1-3 ชั่วโมง (**ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตถือเป็นบาป ไม่ควรทำ)
- มีรสเมาเบื่อขมเล็กน้อย ตัดไข้ตัดพิษกระษัยเจริญอาหาร





















ทิงเจอร์นักสะวอมมิกา (Tincture Nux vomica) เป็นยาน้ำสีเหลืองทำจากเมล็ดของต้นแสลงใจ รับประทานได้ 5-15 หยด

- เป็นยาบำรุงประสาท ให้มีกำลังรู้สึกเฉียบแหลมขึ้น บำรุงเส้นประสาทชนิดโมเตอร์ ให้กระเพาะและลำไส้ขย้อนอาหารและขับน้ำไฟธาตุ

-ใช้แก้โรคอัมพาต เส้นตายและเนื้อชาไม่รู้สึก

-ใช้เป็นยาบำรุงความกำหนัด

-ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ เป็นยาระบายอย่างอ่อน
ยานี้รับประทานมากไม่ได้เป็นยาพิษ























ใบ - ตำกับสุรา พอกปิดแผลเรื้อรัง เน่าเปื่อยได้ดี แก้โรคไตพิการ

ราก - รับประทานแก้ท้องขึ้น





















หลังจากนั้นก็นั่งรถต่อค่ะ ระหว่างทางก็ถ่ายรูปจากบนรถ (อันแสนจะโขยกเขยก) ไป

ทดสอบแกนป้องกันการสั่นสะเทือนของ OMD หุๆ





















จากนั้นก็ถึงจุดที่พี่เค้าอยากพาเรามาเที่ยวค่ะ

นั่นก็คือ ทุ่งนางพญาเมืองเลนนั่นเอง

จะเป็นทุ่งหญ้าที่มีต้นสนขึ้นเต็มไปหมดเยี่ยงเน้























พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า ที่นี่เคยเป็นโลเกชั่นถ่ายทั้งหนังและละครหลายเรื่องด้วย

เหมือนว่า ณเดชน์ตั้งแต่ยังไม่ค่อยดัง กับเรื่องแรกๆ ก็มาถ่ายที่นี่นะคะ

แต่เราจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้วง่ะ แหะๆ





















เก็บมุมแปลกๆ ค่ะ (ทดสอบหน้าจอพับได้ของ OMD 555)




















แล้วก็เจอซากแมลงแบบนี้อีกแล้วค่ะ





















และลูกสน สวยดีเนาะ เคยเห็นบางที่เอาไปเป็นของตกแต่งบ้านด้วยค่ะ























ตรงพื้นนี่จะเต็มไปด้วยใบสนค่ะ ทำให้เดินนุ่มๆ เท้าดี (แต่ถ้าถอดรองเท้าเดินก็น่าจะอีกเรื่องนะ ฮา)























อำลาลานแห่งนี้ไปด้วยภาพนี้ค่ะ





















จากนั้นก็นั่งรถตุเลงๆ ไปกันต่ออีกค่ะ แหะๆ

ผ่านบริเวณที่เหมือนทุ่งหญ้าสะวันนาไป เลยเก็บภาพจากบนรถ (อันสั่นสะเทือน) มาฝากกันนะคะ

ข้อมูลทุ่งหญ้าสะวันนาค่ะ


ทุ่งหญ้าสะวันนา มักจะพบกระจายอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ของทวีปแอฟริก หรือ อเมริกาใต้ สะวันนา (Savanna) เป็นทุ่งหญ้าที่พบได้ในทวีปแอฟริกาและพบบ้างทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีป เอเชีย ลักษณะของภูมิอากาศร้อน ในฤดูร้อนมักเกิดไฟป่า มีลักษณะเป็นป่าไม้จนถึงทุ่งหญ้า ที่มีต้นไม้กระจายอยู่ห่างๆ กันทั้งนี้เนื่องจากความชื้นในฤดูแล้งไม่เพียงพอสำหรับการปกคลุมของต้นไม้ให้เต็มพื้นที่ ไม้บางชนิดเป็นพวกทนแล้ง (xerophyte) การที่มีเรือนยอดโปร่งทำให้ไม้พื้นล่างขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น โดยเฉพาะหญ้าชนิดต่างๆ





















เอาข้อมูลของอุทยานแห่งนี้มาฝากกันนะคะ

เครดิต จาก //www.oknation.net/blog/lovelearnlife/2010/12/03/entry-1

อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (หนองแม่นา)

ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ด้านจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 6 กิโลเมตร จุดท่องเที่ยวหลักของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ คือ ป่าสนธรรมชาติ และทุ่งหญ้าสะวันนา ซึ่งมีทิวทัศน์และพรรณไม้ดอกที่งดงามโดยเฉพาะช่วงปลายฤดูฝนถึงฤดูหนาว เหมาะแก่กิจกรรมเดินป่า กางเต็นท์พักแรม และปั่นจักรยานเสือภูเขา





















หลังจากวิ่งต่อไปอีกพักหนึ่ง (จนเราวูบหลับไปแป๊บหนึ่งอ้ะ แบบว่าเพลียอากาศ ร้อนเกิ๊น ฮา)

ก็มาถึง ณ จุดนี้ค่ะ























จากนั้นพวกเราก็ไปยังบ้านพักของที่นี่ต่อกันค่ะ


ขอบอกว่า น่าพักมากมาย (เท่าที่ดูจากภายนอกนะคะ แฮ่...) แล้วราคาก็ไม่แพงด้วยนะคะ (แต่จำไม่ได้แล้ว ) แต่ท่าทางน่าจะจองยากเหมือนบ้านพักอุทยานที่อื่นๆ หละน้าา เหอๆ

กวาดตาไปทางซ้ายก่อน ก็จะเจอสองหลังนี้ค่ะ แต่จากมุมที่เราถ่ายนี่คือด้านหลังบ้านนะคะ (ถ่ายจากถนน)





















ส่วนหลังนี้นี่อยู่ตรงหน้าเลยค่ะ ใหญ่พอควรอ้ะ น่าจะอยู่กันได้หลายคนอยู่ค่ะ





















จากนั้นก็กวาดไปทางขวาบ้าง ก็จะเจอหลังนี้ค่ะ แต่เราไม่ค่อยชอบสไตล์นี้เท่าหลังแรกๆ ที่โพสต์รูปไปนะคะ แหะๆ





















จากนั้นก็แพนไปทางขวาต่ออีก จนไปเกือบด้านหลังเราเลยหละค่ะ

ก็จะเจอหลังอื่นๆ ตามภาพนี้นะคะ





















จากนั้นก็ถ่ายรูปต้นสนมาค่ะ แต่ไม่ได้ไปดูใกล้ๆ เลยไม่รู้ว่าเป็นสนสองใบหรือสามใบนะคะ

หรือจะเป็นสนประเภทอื่นไปเลยก็ไม่รู้ง่ะ แหะๆ





















จากนั้นเราก็เดินต่อไปยังด้านหน้าซึ่งเป็นทางขึ้นบ้านพัก จะเป็นลักษณะระเบียง+ลานกว้างๆ ด้วยนะคะ

ส่องให้เห็นบ้านพักหลังอื่นว่ามันเป็นประมาณนี้อะค่ะ เหมาะแก่การตั้งวงกันมากเลยทีเดียว





















ส่วนนี่คือวิวจากระเบียงบ้านที่สามสี่หลังนี้จะเห็นได้ค่ะ สวยเนาะ





















จากนั้นก็เก็บภาพดอกไม้ของระเบียงบ้านที่เราไปถ่ายรูปมาฝากค่ะ

จำชื่อดอกไม้นี้ไม่ได้แล้วอ้ะ แต่เหลืองได้ใจจริงๆ

ขอตั้งชื่อซีรี่ส์ภาพสามภาพนี้ว่า โดดเดี่ยว มีคู่ เมินกัน ฮาา















สำหรับเอนทรี่นี้ก็คงพาเที่ยวแต่เพียงเท่านี้นะคะ เอนทรี่หน้าจะพาไปถ่ายรูปกับราชพฤกษ์ข้างทางอันสวยงามกันบ้างค่ะ















ปฏิทินธรรม










วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2556

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)




วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2556 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447







วันเสาร์ที่ 1 - อาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2556 (กิจกรรมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก เจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ณ มูลนิธิบ้านอารีย์

เช้าวันเสาร์ เวลา ๐๙.๓๐ - เย็นวันอาทิตย์ เวลา ๑๖.๐๐ น.
เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก (ไม่นอน ทานอาหารมื้อเดียว และภาชนะเดียว) การปฏิบัติเจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ นำปฏิบัติโดย พระอาจารย์โกศิล ปริปุณฺโณ วัดปลายนา จ. ปทุมธานี และ พระอาจารย์วรวิทย์ วรธมฺโม สำนักปฏิบัติธรรมอู่ตะเภา จ. เพชรบุรี

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php






วันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556

1. เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ และฟังการแสดงธรรม โดย พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร) วัดศรีอภัยวัน จ. เลย

เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.

ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php





วันพุธที่ 12 มิถุนายน2556

1. ฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม แห่งวัดนายโรง และศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ เขาดินหนองแสง จันทบุรี

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

ณ หอประชุมพุทธคยา อมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/events/401007999981051/




วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556

1. เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ และฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม จ. กาญจนบุรี

เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.
ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php


2. ฟังการแสดงธรรม โดยพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

ณ หอประชุมพุทธคยา อมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/events/119071338297182/




วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2556

1. ฟังการแสดงธรรม โดย พระครูเกษมวรกิจ (หลวงพ่อวิชัย เขมิโย)

ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 15.30 น.
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2

เว็บไซต์บ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/




วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2556 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน)

1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ)





วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1l เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม เมตตารับบาตร โดย หลวงปู่เสน ปญฺญาธโร วัดป่าหนองแซง จ. อุดรธานี พระพิศาลศาสนกิจ (หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล) วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ. สุรินทร์

เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ บ้านอารีย์


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net
















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+862886=2332582/9435/780




Create Date :20 มิถุนายน 2556 Last Update :20 มิถุนายน 2556 9:57:41 น. Counter : 10388 Pageviews. Comments :62