bloggang.com mainmenu search









บทที่ 9.

เรฤดีวางสายจากเขตธาราไปด้วยความห่อเหี่ยว ความจริงแล้ว วันนี้เธอมีนัดกับชายหนุ่มไว้ ว่าจะให้เขาขับรถและไปช่วยดูบ้านใหม่ ซึ่งเธอกำลังจะซื้อที่หัวหิน แต่ว่าวันนี้ชายหนุ่มกลับโทรมายกเลิกโปรแกรม เขาบอกไม่ว่างแล้ว เพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ เรื่องอื่นที่ว่านั้นก็คงไม่พ้นเรื่องของภรรยาของเขา นามว่าชนิตาเป็นแน่แท้ แม้ใจบอกตัวเอง ให้ทำใจยอมรับกับสิ่งนั้น แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน

ตลอดเวลาที่อยู่และเรียนเมืองนอกด้วยกันมา เขตธาราคือเพื่อนสนิทคนเดียวที่เธอมี เขาเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ชาย คอยเคียงข้างดูแล  เคยเป็นทั้งแฟนที่แสนจะรักกันอย่างลึกซึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเพราะเขาเลิกกับเธอไปไม่นาน เมื่อเขาได้พบพานคนอื่น  เด็กคนนั้นก็ทำให้เขาลืมความรักที่เคยลึกซึ้งกับเธอไปเสียสิ้น ความรักร้อนรุ่มนั้นมันแห้งเหือดไปได้ง่ายๆ ราวกับน้ำค้างกลางแสงตะวัน

ความจริงแล้ว ความรักเร่าร้อนที่เรฤดีหมายถึงนั้น อาจเป็นเพียงความรักลึกซึ้งของเธอเองเพียงฝ่ายเดียวกระมัง หญิงสาวที่ไม่มีใครเคียงข้างในยามนั้น เมื่อมีมือใหญ่ของเขตธารามาช่วยประคอง หญิงสาวก็ยึดเหนี่ยวและคิดเอาเอง ว่านั่นคือขอนไม้เดียวที่มี หญิงสาวจึงตั้งใจจะยึดเหนี่ยวเอาไว้ตลอดกาล

ความห่างเหิน และการเลือกเดินคนละเส้นทางในวันนั้น เธอยอมรับมันได้อย่างง่ายดาย เพราะหญิงสาวหยิ่งเกินกว่าจะอ้อนวอน ขอความรักความเห็นใจจากใคร  แต่ในวันที่รู้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกับเด็กสาวในปกครอง หญิงสาวก็เลือกที่จะกลับมาจากอเมริกา  เพื่อมาดูให้แน่ใจ ว่าเขาหมดสิ้นเยื่อใยกับเธอแล้วจริงๆ  การได้เห็นหน้าเจ้าสาวของเขา ทำให้เรฤดีปวดใจ ว่าเธอสูญเสียเขาไปให้เด็กเมื่อวานซืน  ชนิตาอาจสวยน่ารักตามประสาเด็กสาวทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่ลักษณะคู่แข่งทางความรักในจินตนาการของเธอเลย แถมเด็กคนนี้ยังอายุนิดเดียว

วันนั้น วันแต่งงาน ขณะที่เธอกำลังพูดคุยกับเขตธารา เธอร่ำไห้ออกมาเป็นครั้งแรก และขอร้องอ้อนวอนเขา ให้กลับมาเป็นดังเดิม เขาไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงโอบกอดเธอไว้และปลอบประโลม ขอให้เธอตัดใจไปจากเขาเสีย

...เขตรักเด็กคนนั้นหรือ? เรได้ยินข่าวลือมาว่าไม่ใช่ คุณแต่งงาน เพราะคำขอร้องของลุงของคุณ พ่อของเด็กคนนั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องทำตามคะ? ทำไมต้องทำ ทั้งๆ ที่คุณมีทางเลือก ถึงไม่แต่งงาน คุณก็สามารถดูแลเด็กคนนั้น และเป็นผู้ปกครองได้เช่นเดิม...

...ผมอยากดูแลเขา ในฐานะภรรยาของผมมากกว่า...



นั่นคือคำตอบของเขา มันเหมือนการตอบรับอยู่ในที ว่าเขาแคร์และรักเด็กคนนั้น แต่เป็นหญิงสาวเองที่ปิดหูปิดตา ไม่อยากรับฟัง ประหนึ่งคำพูดเหล่านั้น มันไม่ได้เข้าไปในสมองเลย และในช่วงเวลานั่นเอง ที่เรฤดูเหลือบไปเห็นเจ้าสาว กำลังหันหลังเดินกลับออกไปจากประตู ชายกระโปรงสีขาวพริ้วไหว หายวับไปกับผ้าม่านของห้องนั้น .... ชนิตาอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินบทสนทนา  และเสียงบทเพลงแห่งความรักที่ถูกเปิดในงานแต่งงาน ก็ดังคลอในทุกอณูของอากาศ ภายในบ้านหลังนั้น
เรฤดูไม่ได้บอกเขตธารา ว่าชนิตาเห็นเขากับเธอกอดกัน เพียงเห็นเสี้ยวหน้าเล็กๆ นั้น หญิงสาวก็รู้ได้ทันที ว่าชนิตาเห็นเธอกับเขตธารา แล้วคนนั้นก็คงมีความไม่พอใจในภาพที่เห็น ... เรฤดูเลือกที่จะปล่อยช่วงเวลานั้นไป เธอบอกตัวเองว่า ให้ชนิตาได้อยู่กับความเจ็บช้ำเล็กๆ บ้าง คงไม่เป็นไรกระมัง แลกกับการที่เธอต้องเสียใจ มากมายมหาศาลขนาดนี้ที่ต้องเสียคนรักไปแล้วจริงๆ

และคงเป็นฟ้าดิน ที่ตั้งใจลงโทษหญิงสาว กับความริษยาเพียงเสี้ยวนาทีนั้น  เพราะหลังจากกลับจากงานแต่งงานของชายหนุ่ม ขณะขับรถลงอุโมงค์ใต้ดินแถวคอนโด รถยนต์ของเธอก็ประสานงากับรถสิบล้ออย่างจัง  เหมือนฟ้าดินลงโทษ คืนนั้นเธอเข้าไอซียู เธอสูญเสียอวัยวะส่วนสำคัญของชีวิตไป และคืนนั้นเช่นกัน เธอได้เขตธาราคืนกลับมา

...แต่ไม่ใช่ในแบบที่เธอต้องการ...




เสียงออดดังขึ้น ในความห่อเหี่ยวของหญิงสาวยังมีความหวังเล็กๆ เรฤดีรีบวิ่งฉิวไปเปิดประตูห้องทันที ก่อนจะต้องผิดหวังที่คนๆ นั้นไม่ใช่ชายหนุ่มที่อยากให้เป็น แต่เป็นใครอีกคนที่อยากหลบหน้าเหลือเกิน

"นี่นาย"

แทนไทยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมกับกุหลาบช่อใหญ่ในมือ หญิงสาวมองด้วยความมึนงง ดอกกุหลาบสีแดงถูกบรรจงห่อมาอย่างดี สวยงามและหอมหวลจนหญิงสาวชื่นชม แต่มันจะงดงามมากกว่านี้ ถ้าไม่ได้อยู่ในมือของคนๆ นี้

"คุณมาทำไม"

"คุณเขตสั่งให้ผมมา" พร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้ "สำหรับคำขอโทษที่คุณเขตมารับไปดูบ้านไม่ได้" เขาบอก

"ไม่จริงหรอก" หญิงสาวปฏิเสธ ไม่ยอมยื่นมือไปรับ  "เขตไม่ทำแบบนั้นหรอก เขาไม่เคยให้ดอกไม้ชั้น"

จ้องหน้าแทนไท จนชายหนุ่มต้องเสมองทางอื่น ไม่อาจสู้สายตาคมหวาน แต่เข้มร้อนแรงได้

"โอเค ดอกไม้จากผมเอง เป็นคำขอโทษที่ผมทำไม่ดีกับคุณนิดหน่อยในวันนั้น" พูดพร้อมกับยัดเยียดดอกไม้ในมือเขาใส่มือหญิงสาว

"คุณทำตัวแย่มากต่างหากในวันนั้น"

"โอเค แย่มาก ผมขอโทษ"

"ชั้นจะรับดอกไม้ไว้ คุณกลับไปได้แล้ว" เตรียมปิดประตู "แต่ชั้นไม่ยกโทษให้หรอกนะ เชิญค่ะ"

แต่แทนไทไม่ยอมให้ปิดประตู "ผมรู้สึกผิด ผมขอโทษแล้ว คุณจะเอายังไง ทำยังไง คุณถึงจะอภัยให้กับการกระทำที่ไม่เหมาะสมนั้น"

"ที่ชั้นไม่ยกโทษให้ ไม่ใช่เพราะการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างเดียวหรอกนะ แต่ชั้นไม่เข้าใจมากกว่า ว่าคุณเป็นบ้าอะไรของคุณ"

"ผมไม่รู้" เขาตอบ

หญิงสาวอับจนคำพูด เดินเข้าห้อง เอาดอกไม้มาวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มเดินตามมาโดยไม่ได้รับเชิญ

"เดี๋ยวผมเอาใส่แจกันให้เอง"

"ไม่ต้องค่ะ เชิญคุณกลับบ้านไปได้แล้ว"

"นี่คุณ...."


...ปิ๊งป่อง....


ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงออดก็ดังขึ้นมาอีก เรฤดูถลาไปที่ประตู ส่องตาแมว แล้ววิ่งกลับมาด้วยความร้อนรน  จุ๊ปากใส่ชายหนุ่ม พร้อมกระซิบ และดึงมือเขาไปในห้องนอนของเธอ ชายหนุ่มเดินตามไปอย่างงงๆ

"อะไรกันคุณ"

"คุณพ่อชั้นมา คุณอยู่ในนี้ก่อนนะ"

ปิดประตูห้อง ก่อนจะถลาออกไปยังห้องรับแขกอีกครั้ง ชายหนุ่มได้แต่ยืนด้านในประตูห้องนอน และได้ยินเสียงประตูห้องด้านนอกเปิดออกและปิดลงด้วยแรงอารมณ์

"แกทำบ้าอะไรของแกอีก ยัยเร ฉันชักจะหมดความอดทนกับแกแล้วนะ" เสียงวางอำนาจของชายสูงวัยดังขึ้น พร้อมกับซองรูปภาพปลิวมาตามแรงโมโห ภาพในซองกระจัดกระจาย ร่วงหล่นลงพื้น

"อะไรกันคะคุณพ่อ"

"จะอะไรอีกล่ะ ฉันล่ะเบื่อแกเต็มทนแล้วนะจะบอกให้ ตั้งแต่แกกลับมาจากอเมริกา ก็มีแต่สร้างความเสียหายให้ฉัน แกควงผู้ชาย ผัวคนอื่นมาเป็นปีๆ สองปี ให้วงสังคมนินทาฉันและแม่แก"

"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่หนู" เรฤดีเถียงเสียงแข็ง

"หุบปาก"

"..."

"ที่ฉันยอมให้ที่ผ่านมา ก็เพราะว่าฉันเห็นว่าไอ้เขตธาราของแกนั่น มันมีชื่อเสียง มันเป็นใหญ่ในบริษัทของคุณสมเดช  ฉันไม่แคร์ที่มันเป็นกำพร้า เพราะมันมีตำแหน่งสูงส่ง ...ฉันยอมให้มันไปมาหาสู่กับแก ก็เพราะเห็นว่ามันทำท่าเหมือนว่าจะหย่าเมีย... แต่ตอนนี้ ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ที่นอกจากแกจะมั่วกับมันไม่พอ แกยังมั่วกับลูกน้องของมันอีก"

"อะไรนะคะ" เรฤดีร้องอย่างตกใจ

คุณอลงกรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้ไปรูปซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นด้วยความโมโห "แกเอาไอ้บ้านั่นมันขึ้นคอนโดแก แล้วยังพลอดรักกอดรัดฟัดเหวี่ยงหน้าประตูห้อง ไม่อายคน ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันน่าจะเชื่อคุณหญิง จับแกล้างอาย หมั้นกับใครซักคนไปซะ "

"คุณพ่อ !!!!!!!"

"เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะหมั้นกับคนที่คุณหญิงเลือกให้"

"ไม่ค่ะ" สวนทันควัน

"หรือไม่แกก็ต้องทำให้ไอ้เขตมันหย่าเมียแล้วมาแต่งงานกับแกให้สมฐานะ"

"หนูกับเขต เราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น"

"จะให้ฉันเชื่อเหรอ คนเคยค้าม้าเคยขี่ มันเป็นแฟนแกตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยที่เมืองนอกนิ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไร"

"คุณพ่อไม่รู้อะไรหรอก คุณพ่อไม่ได้เลี้ยงหนูมาด้วยซ้ำ  ตอนโน้นทอดทิ้งแม่หนูไป ไม่เหลียวแล แต่พอหนูกลับไทยมา มีคนรู้ว่าหนูคือลูกคุณ คุณก็เสแสร้งมาทำดี เปิดตัวหนูกับสื่อ สร้างภาพให้หนูสวยงามเกินความจริง" เสียงหอบด้วยความสะเทือนใจภายใน "คุณบอกว่าหนูทำลายชื่อเสียงคุณ คุณก็ทำลายชีวิตหนูเหมือนกัน"

"ทอดทิ้งเหรอ ถ้าฉันไม่เลี้ยงแกแล้วใครเลี้ยง แกคิดว่า แม่จนๆ ที่ตายไปของแก มันจะมีปัญญามีเงินในบัญชีให้แกใช้จ่ายมากมายในมหาลัยไหม ถ้าฉันไม่ใช่คนที่ส่งเงินไปให้"

คำพูดนั้นทำให้เรฤดีนิ่งงันไป จริงอย่างที่นายอลงกรณ์พูดทุกคำ หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่ต้องการรับรู้ ...หญิงสาวมีข้อเสียใหญ่ คือมักหลบเลี่ยงความจริงที่เจ็บปวดเสมอ

ความจริงที่ว่าเธอเป็นเพียงลูกสาว ที่เกิดจากความมักง่ายของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังจะมีชื่อเสียงทางการเมือง กับหญิงสาวในร้านไทยในอเมริกา เมื่อหลายสิบปีก่อน ...ความด่างพร้อยนั้นถูกปกปิดมานาน เธอไม่เคยมีพ่อ ในความรู้สึกอยู่แล้ว เธอเติบโตขึ้นมามีแม่คนเดียว และแม่คนเดียวก็ตายจากไปตอนหญิงสาวเรียนมัธยมปลาย จากนั้นหญิงสาวก็รับรู้ต้นกำเนิดอย่างชัดเจนมากขึ้น เธอปกปิดชาติกำเนิด ปกปิดหัวใจและใช้เงินในบัญชีที่มีมากมาย ไปกับการเรียนมหาลัย ย้ายรัฐ ย้ายที่อยู่ ทิ้งทุกอย่างเป็นอดีต และได้พบกับเขตธารา ผู้มาเปิดหัวใจที่มืดมิดของเธอ

"หนูจะกลับไปอยู่อเมริกาอย่างถาวร ถ้าคุณพ่อต้องการ" เธอบอก "หลังจากคุยกับคุณหมออีกครั้ง"

"ไม่" บิดายื่นคำขาด "แกมีตัวตนแล้วในเมืองไทย แกไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ฉันต้องการให้แกอยู่ที่นี่ และมีทางเลือกให้แกสองทางเท่านั้นในตอนนี้ เพื่อไม่ให้นักข่าวมาขุดคุ้ยเรื่องมั่วโลกีย์ของแกกับไอ้คนในรูปนั่น  หมั้นกับใครซักคนที่คุณหญิงเลือกให้ หรือไม่ก็แต่งงานกับเขตธาราให้ได้ เพราะฉันเห็นว่ามันไม่ได้อยู่กับเมียมันแล้ว"

เรฤดีอึ้งไป ... เธอไม่ได้บอกว่า ภรรยาของชายหนุ่มกลับมาแล้ว  และเมื่อเหลือบไปเห็นรูปภาพอันกระจัดกระจาย หญิงสาวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่ามีแทนไทอยู่ในห้องนอนของเธอ





**********









"อะไรกันคะพี่เขต" ชนิตาเอ่ยถามเมื่อบ่ายวันนี้ เขาเอ่ยชวนเธอออกมาดื่มกาแฟข้างนอก  แต่แล้วก็กลับขับรถพากับมาไกลมาก สุดท้าย ท้ายสุด มาจบลงที่สนามบิน

"ไปเชียงใหม่กัน" เขาบอก และหญิงสาวมึนงง

"จะไปได้ยังไงคะ ตายังไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย จะไปทำไม"

"ไม่เป็นไร พี่ให้ป้ารัตน์เตรียมเสื้อผ้าของพี่และของตามานิดหน่อย แต่จริงๆ แล้ว ของตาไม่ต้องก็ได้มัง  เพราะเราจะไปพักที่บ้านของตากัน"

"ห๊า" ชนิตางงไปหมด "คิดยังไงคะนี่ อยู่ๆ จะขึ้นเชียงใหม่"

"ก็ไม่มีอะไร แค่อยากพักผ่อน อยากอยู่อย่างสงบๆ แค่เราสองคนซักหนึ่งอาทิตย์" ว่าแล้วก็จอดรถและเปิดเอากระเป๋าเสื้อผ้าหลังรถออกมา จับจูงมือของคนตัวเล็ก เข้าสนามบินไป

ชนิตาได้แต่เดินตามต้อยๆ ราวเด็กน้อยเดินตามบิดา ...ความรู้สึกอลม่านเมื่อคืนยังไม่ทันได้สะสางเลย เขาทำท่าเหมือนเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้น แต่เธอรู้ดี ว่าเขาจำมันได้ดี  และเธอลืมมันไม่ลง ทุกครั้งที่เขาจับจูงมือหรือสัมผัสผิวกาย ความรู้สึกวาบหวิวดังเช่นเมื่อคืน จะกลับมาอีกครั้งเสมอ ขณะนี้หญิงสาวราวกับมีไข้ เพราะความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ วูบวาบๆ ไม่ยอมจางหายไปจากความรู้สึก

เดินทางไม่นาน ก็ถึงบ้านของชนิตา บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวขนาด เล็กที่หญิงสาวซื้อเอาไว้เขารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะเขาตามดูเธอตลอด ใจหญิงสาวอยากถามด้วยซ้ำ ว่าเขารู้รหัสเข้าบ้านเธอหรือเปล่า ...และคำตอบที่ได้ก็คือ

"เปิดประตูสิ" เขาบอก ..แปลว่าเขาไม่รู้ โอเค อย่างน้อยเขาก็ไม่ก้าวก่ายจนเกินไป

"ไปนอนพักผ่อนไป เดี๋ยวเย็นๆ ออกไปทานข้าวข้างนอกกัน พี่อยากพาไปที่ๆ นึง" ชายหนุ่มบอก แล้วก็เดินเข้าห้องรับแขกไป ...ทำราวประหนึ่งเป็นบ้านของตัวเอง

...แต่จะว่าไป ก็ใช่นะ ...บ้านหลังนี้ก็ซื้อด้วยเงินเขานี่น่า...



เข้าห้องนอน มีความเพลียนิดหนึ่ง ความจริงไม่ได้เพลียเพราะการเดินทางหรอก มันแค่ช่วงเวลาไม่นานเท่านั้น แต่เพลียจากเมื่อคืนต่างหาก ไม่ว่าจะพยายามข่มตาลงอย่างไร มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ความรู้สึกสับสนวุ่นวายตีกันวุ่นวายไปหมด

...เขาอยากคืนดีกับเธอเพื่ออะไรกันแน่?...



เมื่อสองชั่วโมงก่อน...

ตอนนั่งละเลียดกาแฟอยู่ร้านคอฟฟี่ในสนามบิน เธอได้ยินเขาโทรหาเรฤดีแน่นอน เขาพูดเบาๆ เท่านั้น แต่หูของหญิงสาวนั้นคงดีมากไป เพราะมันได้ยินชัดเจนไปหมด เขาปฏิเสธที่จะไปหาหล่อน และเขาเลือกที่จะอยู่กับเธอ ไม่อยากบอกว่าเลยว่า ในความระแวงแคลงใจ มีความหึงหวง เขายังเป็นสามีเธออยู่ ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็ตาม

ความเจ็บปวดในอดีต ไม่สอนบทเรียนให้เธอเลย สองปีที่ผ่านไป ข่าวคราวต่างๆ นาๆ มาเข้าหูตลอด  เธอคิดว่าเธอตัดใจได้แล้ว ไม่ใช่สิ ...ต้องบอกว่า เธอต้องพยายามทำใจให้ยอมรับให้ได้ ว่าสองคนนี้เป็นแฟนเก่ากันมาก่อน และเขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เธอจะหึงหวงไม่ได้ ถ้าเธอหึงหวง แปลว่าเธอแพ้

...แพ้ใจตัวเอง...

พยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็คงเก็บสายตาไม่มิด เขาหันมามองหน้า แล้วพูดเพียงว่า "เรฤดี เพื่อนพี่น่ะ ก่อนหน้านี้ เรามีนัดไปดูบ้านใหม่ที่หัวหินให้เขา"

อธิบายเพียงเท่านั้น ...ชนิตาพยายามกัดปากตนเองไว้ ไม่ให้เอ่ยอะไร หรือเผยความในใจออกมา พยักหน้าเพียงรับรู้ แต่หัวใจเจ็บเหลือเกิน ... เจ็บที่หนึ่งคือเจ็บที่ได้รับรู้ เจ็บที่สองคือเจ็บเพราะเขาเลือกจะบอก ถ้าเขาแคร์หัวใจเธอซักนิด เขาต้องเลือกที่จะหลอกสิ ... แต่ไม่ว่าจะบอก หรือไม่บอกเหมือนครั้งอดีต เธอก็เสียใจไปแล้ว

ขณะที่นอนอยู่บนเตียงขณะนี้ ยกมือขึ้นมาดู แหวนแต่งงานสว่างวาบขึ้นมาท้าแสงไฟ แหวนที่เธอถอดทิ้งไว้ที่บ้าน เมื่อสองปีก่อน ตอนย้ายออกจากบ้านมาเชียงใหม่ ตอนนี้มาประดับนิ้วอีกครั้ง

บนเครื่องบิน ชนิตานั่งติดหน้าต่าง มันเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดเหลือเกิน เพราะคนที่นั่งข้างๆ เลือกที่จะนั่งเบี่ยงๆ แล้วหันมามองเธอตลอดเวลา เขาดึงมือเธอมาจับไว้

"อะไรคะ" คำถามได้รับคำตอบ คือแหวนแต่งงานวงเดิม มาอยู่บนนิ้วอีกครั้ง

เขาจ้องตา "พี่ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรผิดไป ตาถึงตั้งแง่กับพี่นักหนาหลังแต่งงาน แต่พี่จะเริ่มต้นใหม่" แค่นั้น และเขากุมมือเธอไว้ตลอดการเดินทาง ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แค่การบอกเล่าเท่านั้น


...แต่ค่ำนี้เธอจะบอกเขาว่าเพราะอะไร เธอต้องการจะเคลียร์ใจทั้งหมด....






Create Date :01 กุมภาพันธ์ 2560 Last Update :3 ตุลาคม 2560 3:44:01 น. Counter : 1828 Pageviews. Comments :1