bloggang.com mainmenu search

น้ำท่วมห้องใต้ดิน... ควรทำอย่างไร


จขบ.(เจ้าของบล็อก)นำเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนๆรับรู้ เพื่อจะได้จัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขี้นอย่างไร เพราะเวลามีเรื่องอย่างนี้ บางที่เราทำอะไรไม่ถูก และยิ่งถ้ขาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลยก็ยิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร

บ้านเพื่อนมีห้องใต้ดิน ที่ทำไว้เรียบร้อย มีเครื่องซ้กผ้าและเครื่องอบผ้า ถ้งน้ำร้อนใหญ่ เครื่องสำหรับทำความร้อน(้heat)ทั้งบ้านเรียกว่า furnance heating จะทำความร้อนทั้งบ้านเวลาหน้าหนาว ซี่งเพื่อนเพิ่งเปลี่ยนเครื่องใหม่ไม่กี่เดือน ราคาหลายพันเหรียญ ห้องข้างล่างทำไว้อย่างดีมีเครื่องร้องคาราโอเกะ เวลามีเพื่อนๆมาสังสรรค์กันด้วย

เพื่อนไปอยู่ต่างรัฐกับหลาน ไม่ได้อยู่บ้านประมาณห้าวัน พอกลับมาบ้าน เข้าบ้านก็ไปล้างมือ ปรากฎว่าไม่มีน้ำ เพื่อนไปเปิดประตูดูข้างล่างเพราะท่อน้ำต่างๆจะอยู่ข้างล่าง ได้ยินเสียงน้ำไหลและมองเห็นน้ำเต็มไปหมด เพื่อนโทรมาบอกจขบ.ว่าน้ำท่วมห้องข้างล่างเต็มไปหมด จขบ.กำลังไปสนามบิน แวะไปช่วยเพื่อนไม่ได้ พอเสร็จธุระ จขบ.โทรหาเพื่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เพื่อนเล่าว่าหลังจากโทรหาจขบ.ก็โทรบริษัทน้ำให้ปิดน้ำ แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เพื่อนเลยตัดสินใจ ลงไปในน้ำ เพื่อเดินไปปิดก็อกใหญ่ที่น้ำเข้าบ้าน ไปถึงน้ำไหลแรง ปิดไม่ได้ ต้องเดินในน้ำสูงถึงเอวไปหาเครื่องมือมาปิด ขณะเดียวกันก็โทรหาลูกเขยเป็นฝรั่ง(เรามาอยู่ที่อเมริกากันหลายสิบปี ก็ยังไม่รู้อะไรๆอีกหลายอย่าง) โชคดีที่มีโทรศัพท์ที่คุยกันและเห็นรูปได้ (Face time) คุณลูกเขยเห้นเพื่อนท่องในน้ำ ก็บอกให้รีบขี้นมาข้างบนเร็วที่สุด เพราะไฟฟ้าอาจจะรั่วและอยู่ในน้ำจะถูกไฟฟ้าช๊อคได้ เพื่อนรีบขี้นมาข้างบนและโทรหา 911 ลูกเขยแนะนำให้โทร เราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเราโทรได้ คิดว่าสำหรับฉุกเฉินที่เจ็บป่วย ให้รถมารับไปรพ. ปรากฎว่าเขาบอกว่าจะส่งรถดับเพลิงมาสูบน้ำออกให้ ไม่นานรถดับเพลิงมาที่บ้านสามคัน ช่วยกันสูบน้ำ ตัดไฟ ตัดแก็ซ หมด เพื่อนก็อยู่บ้านไม่ได้

ขณะเดียวกันเพื่อนโทรหาบริษัทประกันบ้าน เขาก็ส่งคนมาดูทันที และบอกว่าให้เพื่อนไปพักที่โรงแรม ทางประกันจะจ่ายให้และโทรจองโรงแรมให้เพื่อนไปพักหนี่งอาทิตย์ก่อน แล้วค่อยมาดูว่าบ้านจะเป็นอย่างไร (หมดห่วงเรื่องที่พัก) แถมให้เบิกค่าอาหารได้ด้วย เพราะบ้านไม่มีไฟ ไม่มีแก้สที่จะทำกับข้าว

รถดับเพลิงมาสูบน้ำไปส่วนหนี่ง วันรุ่งขี้นทางบริษัทประกันส่งบริษัทสูบน้ำมาสูบน้ำต่อ กว่าจะหมดกินเวลาสองวัน และต้องขนของทิ้ง พร้อมกับรื้อฝาผนักออกจนหมด

ขณะนี้ต้องมีเพื่อนมาเป๋าลมให้ห้องข้างล่างแห้งป้องกันบ้านขี้นราด้วย พอบ้านแห้ง ประกันจะส่งพนักงานมาตีราคาของที่เสียหายอีกครั้ง นับว่าโชคดีที่ประกันจะ
จ่ายค่าเสียหาย แต่ก็ต้องอยู่บ้านและดูแลคนมาซ่อมบ้าน คงใช้เวลาเป็นเดือน




บ้านเพื่อนมีชั้นใต้ดิน ที่ทำเป็นห้องสำหรับนอน ห้องเล่นคาราโอเกะ มีห้องสำหรับเครื่องทำความร้อน หม้อน้ำร้อน (๋ Heater , Hot water tank) บ้านหลังนี้อายุหลายสิบปีแล้ว เพื่อนเพิ่งเปลี่ยนหม้อทำน้ำร้อนได้ไม่ถึงสามปี และเปลี่ยนเครื่องทำ Heater ไม่ถึงสองเดือน ราคาหลายพันเหรียญ





เครื่องทำ Heat ในบ้าน ( Gas Heating Furnace ) สำหรับหน้าหนาว
ภาพจากอินเตอร์เนต






หม้อน้ำร้อนของบ้าน ( Gas Water Heater ) - ภาพจากอินเตอร์เนต









ทางลงไปห้องข้างล่าง มองไม่เห็นน้ำแล้ว มีพัดลมเป่าให้บ้านแห้ง





วันรุ่งขี้นพนักงานของบริษัทประกัน นำเครื่องสูบน้ำ และพัดลมใหญ่ๆ หลายเครื่องมาเป๋าบ้านชั้นล่างให้แห้ง




สีเขียวเป็นกล่องที่ทางบริษัทประกันเช่ามาสำหรับขนของทิ้ง





ห้องข้างล่าง น้ำท่วมถึงระดับแก้วที่เห็น ขณะนี้เครื่องสูบน้ำออกหมดแล้ว




น้ำท่วม เครื่องซํกผ้า เครื่องอบผ้าล้มไปหมด




ฝาพนังเปียกหมด ต้องรื้อทิ้ง





ฝาพนังที่รื้อออกแล้ว พื้นยังไม่แห้ง








ภาชนะที่ใส่ของใหญ่มาก ของที่เปียกเสียหาย และฝาพนังเต็มไปหมด ภาชนะนี้ต้องเช่า มีรถลากมาทิ้งไว้ พอใส่ของเต็มก็โทรศัพท์เรียกเขามาลากไปทิ้ง ต้องเสียค่าบริการ หลายร้อยเหรียญ ทุกอย่าง
บริษัทประกันจ่ายหมด




บริษัทประกันจ่ายค่าโรงแรมให้เพื่อนอยู่หนี่งสัปดาห์ก่อน ถ้ายังเรื่องบ้านยังไม่เสร็จ ก็จะเช่าให้อยู่ต่อ
ราคาค่าโรงแรมคืนหนี่งเกือบสองร้อยเหรียญ




สระว่ายน้ำของโรงแรม


ผู้ที่ซื้อบ้านที่นี่ ุ ถ้ากู้เงินธนาคารและผ่อนธนาคารไม่หมด ทางธนาคารก็จะมีเงื่อนไขให้ซื้อประกันบ้านในราคาที่ไม่ต่ำกว่าเงินที่เป็นหนี้ธนาคาร หรือซื้อประกันที่สามารถสร้างบ้านใหม่ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขี้นกับบ้าน เช่นไฟไหม้จะได้มีประกันจ่ายสำหรับสร้างบ้านหรือมีเงินซ่อม

สำหรับผู้ที่ไม่หนี้ธนาคารก็อยู่ที่เจัาของบ้านจะตัดสินใจเองว่าจะซี้อประกันหรือไม่ แต่คนส่วนมากก็จะซี้อประกันบ้านกัน ราคาปีละประมาณ 500 - 600 เหรียญ ในวงประกันเงินบ้านใหม่เกือบสองแสนเหรียญ ทั้งนี้ขี้นกับบริษัทประกันว่าจะตีราคาบ้านเท่าไรและ ยินยอมให้เราซี้อประกันในวงเงินเท่าไรด้วย


นับว่าโชคดีที่เพื่อนซื้อประกันบ้านไว้ ถ้าไม่มีประกัน เหตุการณ์ที่เกิดขี้นครั้งนี้ คงเสียหายเองมากมาย เพื่อนซื้อประกันบ้านจากบริษัท Ameriprice ซื้อผ่าน Costco Whole Sale (www.costco.com) เพื่อนซื้อประกันบ้านเสียค่าประกันปีละเกือบห้าร้อยเหรียญ ต้องจ่าย deductible 1,000 เหรียญก่อนที่ประกันจะเริ่มจ่ายค่าเสียหาย นับว่าโชคดีมากๆที่เพื่อนมีประกันบ้าน เหตุร้ายคราวนี้ก็จบด้วยเรื่องดีพอสมควร เพราะบริษัทประกันจ่ายค่าเสียหายให้หมด

เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าเวลาเราอยู่คนเดียว ต้องทำอะไรๆด้วยตัวเอง ยิ่งมีบ้านด้วย งานบ้านเล็กน้อยๆ เข่นไฟดับ ก็อกน้ำรั่ว เราทำไม่เป็นก็ต้องรู้ว่าจะหาใครที่ไว้ใจได้มาซ่อมให้ และถามจากเพื่อนๆที่เขาซ๋อมบ้านว่าใครมาทำให้และทำงานดีไหม ที่จริงระยะนี้แถวๆบ้านเราก็มีคนที่เราจะจ้างมาทำงานซ่อมต่างๆที่บ้าน แม้กระทั่งทำหลังคาบ้าน ทาสี เปลี่ยนประตู เราไม่กลัาจ้างคนทั่วๆไปกลัวเหมือนกัน เราอยู่ไม่ไกลกันก็แนะนำกันไป

เพื่อนคนนี้เป็นคนเก่งจริงๆ ขณะนี้เพื่อนอยู่คนเดียว (สามีเพิ่งจากไปปีที่แล้ว)มี
หลานอยู๋ห่างจากบ้าน ขับรถไปสองชั่วโมง เพื่อนขับรถสองชั่วโมงไปช่วยดูแลหลาน และขับรถกลับมาดูแลบ้านทุกเดือน ก่อนเพื่อนไม่ค่อยได้ขับรถไปไหน เพราะคุณสามีจะขับรถตลอด พอสามีเสีย เธอก็ทำอะไรๆด้วยต้วเอง ต้องซ่อมแซมบ้าน ติดต่อหาบริษัทมาตีราคาและเปรียบเที่ยบดูว่าจะตัดสินใจเลือกบริษัทไหนมาให้มาซ่อมที่บ้าน

เราอยู่ที่นี่ไม่มีญาติพี่น้องรอบข้าง เราต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง เพื่อนเป็นส่วนสำคัญสำหรับเราเลยทีเดียว ใครมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน เป็นกำลังใจให้กัน เพื่อนก็มีธุระของแต่ละคน แต่เวลาเพื่อนเดือดร้อน เพื่อนที่มาช่วยไม่ได้ก็จะโทรศัพท์มา ถามว่าเป็นอย่างไร มีอะไรจะช่วยได้บ้าง มีเวลาเราก็แวะไปเป็นกำลังใจให้กัน
เราช่วยเหลือกัน เป็นกำลังใจให้กันเหมือนครอบครัว


แต่ที่สำคัญเราก็ต้องเป็นที่พี่งของตนเอง
และต้องแข้มแข็งที่จะดำเนินชีวิตของเราคนเดียวได้

เหตุการณ์ที่เกิดขี้นครั้งนี้ เพื่อนต้องติดต่อประกัน บริษัทต่างๆมาซ่อมบ้าน ทำบัญชีจดรายละเอียดของที่เสียหายเพื่อไปยื่นบริษัทประกัน และต้องดูแลเวลาช่างมาซ่อมบ้าน ดูแลว่าทำงานเรียบร้อยดีไหม
เรื่องนี้กว่าจะเรียบร้อยคงเป็นเวลาหลายเดือนทีเดียว

สิ่งสำคัญที่เราต้องจำไว้คือ เวลาน้ำท่วมเราต้องไม่ไปเดินในน้ำ เพราะเราจะเกิดไฟช็อคได้ (Electric Shock) อันตรายถึงชีวิต เราควรโทร 911 หรือเบอร์ฉุกเฉินของแต่ท้องถิ่น เราจะโทรหาสถานีดับเพลิงโดยตรง หรือโทรหาตำรวจท้องที่ก็ได้ เพื่อจะได้แนะนำให้ทำอย่างไรต่อไป

จขบ.หวังว่าเรื่องนี้คงมีประโยชน์แด่หลายๆท่านนะคะ ขอบคุณเพื่อนที่อนุญาติ
ให้จขบ.นำเรื่องนี้มาเขียน เพื่ออาจจะเป็นประโยชน์บ้าง

ขอขอบคุณภาพและยูทูปจากอินเตอร์เนต
Create Date :28 กรกฎาคม 2558 Last Update :29 กรกฎาคม 2558 4:59:40 น. Counter : 2744 Pageviews. Comments :11