วันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ ที่สน.บางโพงพาง น.ส.พัชรมาศ ภู่ศรี อายุ 36 ปี ภรรยาของ นายจอห์น บีฮัน อายุ 37 ปี

ครูสอนภาษาชาวอังกฤษที่ถูกรปภ.สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมพงษ์ ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ พร้อมญาติและลูกสาวเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ เรืองด้วง พงส.(สบ 1) เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน หลังถูกชายนิรนามโทรศัพท์ข่มขู่ทำร้ายที่โรงเรียนนานาชาติใหม่ ย่านสาธุประดิษฐ์ 

น.ส.พัชรมาศ กล่าวว่า ที่ตนเข้ามาแจ้งความวันนี้เนื่องจากผอ.โรงเรียนสอนภาษาที่สามีตนทำงานอยู่โทรศัพท์มาบอกตนว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 23 มี.ค. มีชายลึกลับโทรศัพท์มาข่มขู่ โดยพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยว่า หาก นายจอห์ เดินทางกลับมาประเทศไทยจะมาทำร้ายตนและสามี ตนและครอบครัวจึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมาแจ้งความไว้ก่อนซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่หลังจากเป็นข่าวเรื่องที่สามีถูกทำร้ายร่างกายที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ก็ตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกมองอย่างเกลียดชัง รุมประณามว่าเป็นคนไม่ดี ใช้สิทธิพิเศษ ส่วนกรณี รปภ.ที่ถูกไล่ออกตนก็รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนกับว่าทางเราเป็นปัญหาจนทำให้เขาถูกไล่ออก ทั้งที่แสดงความเป็นลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.พัชรมาศ กล่าวต่อว่า ที่พวกตนออกมาไม่ได้ต้องการอะไรเพียงแค่อยากให้ผู้บริหารของรถไฟฟ้าบีทีเอส ออกมาเปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะคลิปที่ปรากฏตามสื่อและสังคมออนไลน์เป็นเพียงแค่ช่วงหนึ่งของเหตุการณ์เพียง 30 วินาที หากสังคมได้เห็นภาพทั้งหมดจะทราบความจริง โดยที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการเยียวยา ค่ารักษาพยาบาล และคำขอโทษของทางบีทีเอสเลย จึงต้องการคุยกับผู้บริหารบีทีเอสเพื่อเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งตนและครอบครัวก็ยังจะกลับมาใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสตามปกติ เพราะมีความเชื่อมั่นว่าทางบีทีเอสจะหาทางแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น      

ด้าน ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งความไว้ โดยจะประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจให้ดูแลความปลอดภัยที่โรงเรียนให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานทางองค์การโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบหมายเลขชายที่โทรศัพท์มาข่มขู่ที่โรงเรียน ว่าเป็นใครต่อไป

ทางด้าน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผกก.สน.ทองหล่อ
กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรอผลตรวจร่างกายของ นายจอห์น บีฮัน จาก รพ.ตำรวจเพื่อรวบรวมเป็นหลักฐาน และนัดหมาย นายประสาน ถาวงษ์กลาง รปภ.ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งว่าจะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งถ้าได้ผลของการตรวจจากทางแพทย์แล้วก็จะระบุได้ว่ามีความผิดหรือไม่ อีกทั้งถ้าคู่กรณียอมรับสารภาพว่ากระทำจริงนั้นพนักงานสอบสวนก็จะสามารถส่งฟ้องต่อศาลได้ทันที แต่ถ้าหากปฏิเสธก็จะต้องรวบรวมสำนวนส่งให้กับพนักงานอัยการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับการติดต่อจาก นายประสาน แต่อย่างใด