จำได้แม่นยำว่าปลายปี 2526 หลังจากการเฉลิมฉลองกรุงเทพสองร้อยปีไปไม่นาน
ก็เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ขณะนั้นเรายังเป็นนักศึกษาอยู่เลย
ไม่อยากจะนับว่าผ่านมากี่ปีแล้ว เอาเป็นว่ายกนิ้วมือนิ้วเท้ามานับรวมกันยังไม่พออ่ะ
น้ำท่วมปีนั้นนับว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว
โดยสาเหตุเกิดจากพายุดีเปรสชั่น 2 ลูกที่พัดผ่านเข้ามา ทำให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน
จนเขื่อนและอ่างเก็บน้ำรองรับปริมาณน้ำฝนไม่ไหว ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศ
โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ของกรุงเทพและปริมณฑล ถนนหลายสายเกิดน้ำท่วมขัง
รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ตามปรกติ ต้องใช้เรือพายแทนรถ
โดยเฉพาะย่านหัวหมากจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
สถานศึกษาบางแห่งปิดโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่สถาบันที่เราเรียนไม่ปิดค่ะ
จำได้ว่ามีเพื่อนนิสิตหญิงคนหนึ่ง ปัจจุบันทำงานอยู่ธนาคารแห่งประเทศไทย
ขณะนั้นเธอพักอยู่แถวรามคำแหง ทุกวันเธอต้องลุยน้ำมาเรียนกระโปรงเปียกทุกวัน
เห็นแล้วเราอดจะเป็นห่วงไม่ได้ กลัวเธอจะเป็นโรคที่มากับน้ำท่วมเพราะท่วมนานหลายเดือน
น้ำก็ใช่ว่าจะเป็นน้ำใส ๆ เหมือนน้ำฝนที่เพิ่งตกลงมาใหม่ ๆ
เธอเล่าว่า วันหนึ่งมีสุภาพสตรีลงจากรถประจำทาง แล้วหายไปต่อหน้าต่อตา
เพราะสุภาพสตรีคนนั้นตกลงไปในท่อระบายน้ำที่ไม่มีฝาปิด โชคดีมีผู้ช่วยเหลือขึ้นมาได้
ส่วนเราตอนนั้นพักอยู่แถวสามเหลี่ยมดินแดง น้ำไม่ท่วม นอกจากบางวันที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง
ก็จะมีน้ำท่วมซอยเล็กน้อย แต่ไม่ท่วมขังเป็นเวลานาน
และเราก็ถือโอกาสใส่รองเท้าแตะไปเรียนทุกวัน โดยอ้างว่าน้ำท่วม
มีเพื่อนอีกคนบ้านอยู่บางแค มีวันหนึ่งเลิกเรียนตอนเที่ยง เธอเล่าให้ฟังว่า
กว่าจะกลับถึงบ้าน เธอใช้เวลาเดินทางยาวนานมากเพราะกลับถึงบ้านเที่่ยงคืนเนื่องจากน้ำท่วม
น้ำท่วมในครั้งนั้น ใช้เวลาถึง 4 เดือนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ
มีพื้นที่ได้รับความเสียหายหลายจังหวัด มีผู้เสียชีวิตหลายราย และมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท
ล่าสุดสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ก็นับว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่ง
รอบ ๆ หมู่บ้านที่เราอยู่น้ำท่วมหนักมาก แต่โชคดีที่หมู่บ้านเราไม่ท่วมอยู่เพียงแห่งเดียว
แต่ก็เหมือนติดเกาะ เราเลยอพยพหนีก่อนน้ำจะมาไปพักอาศัยอยู่บ้านแม่ที่ชลบุรี
และระหว่างนั้นเราก็หนีไปเที่ยวต่างประเทศ
กว่าจะกลับเข้ามากรุงเทพอีกครั้งก็น้ำลดเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ได้ผจญชะตากรรมเหมือนตอนปี 2526
ปล. ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ