bloggang.com mainmenu search










ยังจำกันได้มั๊ย  สโลแกนประจำตัวเราไง  "ยาก ๆ ไม่...ง่าย ๆ ทำ"
กินเจมาหลายวันแล้ว คงเริ่มเบื่ออาหารผัด ๆ ทอด ๆ กันแล้วใช่มั๊ย
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง มีฝนตกเกือบทุกวัน  วันนี้เลยชวนมาทำอาหารเจง่าย ๆ ซดน้ำแกงอุ่นท้องกันค่ะ
ตอนแรกเลยตั้งใจจะทำแกงจืดรากบัว เต้าหู้ และลูกชิ้นสาหร่ายเจ  
แต่เปลี่ยนใจไม่ใส่เต้าหู้ค่ะเก็บไว้ทำเมนูอื่นดีกว่า   เพราะดูเหมือนว่าวัตถุดิบสีขาวจะเยอะสิ่งเกินไป  
เราต้องการอาหารสีสันคัลเลอร์ฟูล   เลยใส่เห็ดหอมสด แครอท ฟักทอง โรยหน้าด้วยผักสีเขียว ๆ 
คิดว่าสีสันน่าจะชวนชิมมากกว่าสีขาวทั้งชามมั๊งเนาะ  Smiley



"แกงจืดรากบัวลูกชิ้นสาหร่ายเจ"







หน้าตารากบัวจีน นางเอกของบล็อกวันนี้ค่ะ  ซื้อมาหลายวันแล้วเพิ่งจะได้ทำผิวเลยไม่สวย
แต่ไม่เป็นไร เพราะเราต้องปอกเปลือกทิ้งอยู่แล้ว ให้ข้างในยังขาวสวยก็ใช้ได้
รากบัวถือว่าเป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่ง สรรพคุณช่วยแก้ไข้ พิษร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ 
ชูกำลัง แก้เสมหะ น้ำลายเหนียว แก้ไอ เป็นยาเย็นแก้พิษอักเสบ แก้พิษฝีต่าง ๆ แก้ปวดบวมค่ะ
(ที่มาจากมูลนิธิสุขภาพไทย )



ส่วนผสมและวิธีทำ
รากบัวจีน
ลูกชิ้นสาหร่ายเจ
ซุปก้อนเห็ดหอมเจ
เห็ดหอมสด
แครอท
ฟักทอง
ผักคึ่นฉ่าย
พริกไทย
เกลือหรือซีอิ๊วขาว
(อาจจะเพิ่มเต้าหู้ และสาหร่าย ก็ได้ตามชอบ)




วิธีทำ

1.  ปอกเปลือกรากบัวหั่นเป็นชิ้นล้างให้สะอาด ลงต้มในน้ำเดือดจนสุก
2. ใส่ซุปก้อนเห็ดหอมลงไป  ตามด้วยลูกชิ้นสาหร่ายเจ 
3. ใส่แครอท ฟักทอง และเห็ดหอมสด
4. ปรุงรสด้วยเกลือหรือซีอิ๊วขาวเล็กน้อย พริกไทย ใส่ผักคึ่นฉ่าย ปิดไฟ













5.  ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟค่ะ





















มีคาวแล้วก็มีหวาน  ต่อด้วยเมนู "รากบัวต้มน้ำตาล" ค่ะ  
เราใช้รากบัวจีนซึ่งรากใหญ่ รสชาติดีกว่ารากบัวไทย และราคาจะสูงกว่าเล็กน้อย
เราใช้น้ำตาล 3 ชนิด  คือน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทองธรรมชาติ
เพื่อให้ได้รสชาติที่หวานพอดี มีกลิ่นหอม และได้สีสันค่ะ
ส่วนอัตราส่วนเราไม่ได้ตวงค่ะ ใช้ประมาณเอาความหวานตามชอบ
เราใส่ดอกเกลือลงไปนิดหน่อยด้วยเพื่อให้รสชาติกลมกล่อม  ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ค่ะ




วิธีทำ
1.  ปอกเปลือกรากบัวหั่นเป็นชิ้น เนื่องจากหัวใหญ่เราก็เลยแบ่งครึ่งชิ้นค่ะ 
ล้างให้สะอาด ลงต้มในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที
ขณะต้มยังไม่ใส่น้ำตาลก็มีกลิ่นหอมมาก ๆ ค่ะ
2. ใส่่น้ำตาลทั้งสามชนิดและเกลือลงไป  ถ้ามีฟองก็ช้อนออก ต้มจนเดือด
3. ปิดฝาภาชนะ และปรับเป็นไฟอ่อน  ใช้เวลาต้มอีกประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ตักชิมซะจริง ๆ Smiley















4. เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจะทานแบบร้อน หรือแบบเย็นก็ได้ตามชอบ














หรือจะเป็นเครื่องดื่มหอม ๆ ดับกระหายคลายร้อน  ดื่มแล้วชื่นใจดีนะคะ







ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ  แล้วพบกันใหม่เมนูต่อไปค่ะ
Create Date :06 ตุลาคม 2559 Last Update :6 ตุลาคม 2559 10:41:07 น. Counter : 6154 Pageviews. Comments :54