bloggang.com mainmenu search











คนสูงวัยชอบคิดถึงอดีตและเล่าเรื่องความหลัง  ใครบางคนกล่าวไว้เช่นนั้น
เมื่อครั้งที่เราเป็นเด็กน้อยหอยสังข์  ขนมกรุบกรอบแบบสมัยนี้ไม่ค่อยได้กินสักเท่าไหร่
แม่จะมีกล้วยน้ำว้าสุกแขวนไว้ไม่เคยขาด   พวกเราเด็ก ๆ เล่นซุกซนกันเมื่อหิวขนม  
ก็เข้ามาปลิดกล้วยจากหวีคนละลูกสองลูก  แค่นี้ก็อิ่มสบายมีแรงไปเล่นต่อได้
ส่วนขนมที่แม่จะทำให้กินรู้สึกเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราตอนนั้น  ต้องใช้โม่หินสำหรับโม่แป้ง
เริ่มจากล้างข้าวสาร แช่ข้าวไว้ข้ามคืนแล้วนำไปโม่ให้ละเอียด  แล้วจึงห่อผ้าขาวทับน้ำทิ้ง
ก็จะได้แป้งที่เรียกว่า "แป้งสด"


ตอนนั้นใกล้บ้านเรามีต้นตาลอยู่หลายต้น  ที่ทางสมัยนั้นไม่เห็นว่าต้องมีรั้วรอบขอบชิด
ต้นตาลที่ว่าอยู่ในที่ดินของคนอื่นนะแต่เจ้าของไม่หวง  ทั้งมะพร้าว มะม่วง กระท้อน ฯลฯ
สมัยนั้นลูกตาลสุกที่หล่นอยู่โคนต้น ดูไร้ค่าไม่มีราคาค่างวดใด ๆ  ไม่เห็นมีใครเก็บไปทำขนมเลย
ได้แต่ปล่อยทิ้งไว้ให้เน่าเสียอยู่โคนต้นนั่นแหละ


เมื่อไหร่ที่อยากจะกินขนมตาล  พวกเด็ก ๆ ก็ไปเก็บลูกตาลที่สุกงอมหล่นลงมาจากต้น  
เอามาให้แม่ปอกเปลือก แล้วแม่ก็เอาไปแช่ในน้ำยีให้เนื้อลูกตาลหลุดหมดก็เอาเมล็ดออก  
เทน้ำที่มีเนื้อลูกตาลใส่ในถุงผ้าดิบแล้วมัดให้แน่น เอาของหนัก ๆ ทับไว้ให้น้ำออกหมด  
ถึงจะได้เนื้อตาลมาทำขนมในวันถัดไป
ขนมตาลในความทรงจำของเราผ่านมาหลายสิบปี   แต่ก็จำได้ดีว่ารสชาติขนมของแม่จะนุ่มหอมอร่อย 
ห่อด้วยกระทงใบตอง  เนื้อตาลจัดเต็ม  ไม่ใช่แข็งกระด้างมีแต่แป้งใส่สีแบบสมัยนี้


วันนี้เราก็เลยจะมาทำ "ขนมตาล"  เมนูของแม่เป็นการบ้าน 3F (แต่สูตรนี้ไม่ใช่สูตรของแม่นะคะ) 
มาถึงรุ่นเราเอาความสะดวกเข้าว่า  ใช้แป้งแห้งที่มีขายทั่วไปแทนแป้งสด
เนื้อตาลก็ไม่ต้องยีเอง  มีขายสำเร็จรูปเราซื้อมาจากเพชรบุรี 
กระทงใบตอง ไม้กลัดก็ไม่มีจำเป็นต้องใช้ที่เย็บกระดาษ ซึ่งเราไม่ชอบเลยค่ะบอกตรง ๆ   
แต่ขนมไทย  เราคิดว่ามันเข้ากับกระทงใบตองสุด ๆ แล้ว เลยต้องจำยอม




ส่วนผสมและวิธีทำ
เนื้อลูกตาล  220 กรัม
แป้งข้าวเจ้า  250 กรัม
กะทิ  360 กรัม
น้ำตาลทราย  300 กรัม
ยีสต์  2 กรัม
มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น  1/2 ลูก
เกลือป่นละเอียด เล็กน้อย
ใบตองสำหรับทำกระทง
(ใช้ถ้วยตะไลก็ได้ค่ะ)
** เราทำแค่ครึ่งส่วนนะคะ  ได้ขนมประมาณ 20 กระทง **
(จะไม่ใส่ยีสต์ก็ได้นะคะ แต่ต้องเพิ่มเวลาในการตากแดดค่ะ)



1.  ผสมแป้งข้าวเจ้ากับยีสต์ให้เข้ากัน
2.  ใส่กะทิในปริมาณให้พอนวดได้ นวดประมาณ 30 นาที







3.  ใส่เนื้อลูกตาล  ผสมให้เข้ากัน
4.  ใส่น้ำตาลทราย  นวดจนน้ำตาลละลาย







5.  เติมกระทิที่เหลือ ผสมให้เข้ากัน
6.  ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ ปิดไว้  นำไปตากแดดประมาณ 2 ชั่วโมงหรือจนขนมขึ้น
สังเกตจากฟองอากาศเล็ก ๆ ปุดขึ้นมา  อย่าปล่อยไว้นานเกินไปจะทำให้ขนมมีรสเปรี้ยว
(ถ้าไม่ใส่ยีสต์  จะใช้เวลาในการตากแดดเพิ่มขึ้นนะคะ)







7.  ในระหว่างรอขนมขึ้น  เราก็เช็ดใบตองให้สะอาดและเย็บกระทงรอไปพลาง ๆ ค่ะ  







8.  มะพร้าวทึนทึก  ขูดเป็นเส้นเตรียมไว้ค่ะ
(มะพร้าวทึนทึก ให้สังเกตที่ก้นกะลา  ถ้าเป็นสีน้ำตาลเข้มเป็นมะพร้าวแก่นะคะ)







9.  เมื่อขนมขึ้นแล้วก็นำมาใส่กระทงใบตอง หรือถ้วยตะไล







10.  โรยมะพร้าวทึนทึกขูดผสมเกลือป่นเล็กน้อย   
(เราโรยมะพร้าวหลังจากนึ่งขนมไปแล้วประมาณ 10 นาทีแล้วนึ่งต่อ  เพื่อไม่ให้มะพร้าวบูดเสียง่าย)







11.  หากนึ่งโดยใช้ถ้วยตะไล  ต้องนึ่งถ้วยให้ร้อนก่อน แล้วจึงใส่ขนมลงในถ้วย
และเมื่อขนมสุกแล้ว  ต้องพักให้เย็นก่อนแคะออกจากถ้วย







12.  นึ่งบนน้ำเดือดไฟแรงใช้เวลาประมาณ 15 นาที   ขนมแตกฟูสวยงาม   ยกลงพักไว้ให้เย็น  



















12.  พร้อมรับประทานแล้วจ้าาาาา  หอม นุ่ม อร่อย สีเหลืองสวยงามตามธรรมชาติ




















ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ   แล้วพบกับ Food For Fun ในโจทย์ใหม่เดือนหน้านะคะ
Create Date :14 สิงหาคม 2559 Last Update :18 สิงหาคม 2559 9:57:13 น. Counter : 11990 Pageviews. Comments :99