bloggang.com mainmenu search



เรื่องขำ ๆ ในชีวิตประจำวันเหรอ....
จะเม้าท์เรื่องของใครดีล่ะเนี่ย
ปรกติเรื่องของตัวเองก็ไม่ค่อยจะมีเรื่องขำ ๆ ซะด้วย
มีแต่เรื่องหน้าแตกค่ะ
งั้นเล่าเรื่องของตัวเองก็แล้วกัน  ไม่ถูกเพื่อนดักตบ 555





อย่างที่เกริ่นไปล่ะค่ะ  เรื่องหน้าแตกที่จะเล่าวันนี้คือเรื่อง "ลืม"
แต่เรื่องนี้ฉันไม่อาจลืมได้  แม้จะผ่านไปกว่าสามสิบปีแล้วมั๊ง
โอ๊ย.. เดาอายุกันได้เลยสิเนี่ย



แนะนำตัวก่อนเข้าเรื่องนิดนึง  เราเป็นคนเมืองชลลูกน้ำเค็มโดยกำเนิด   เมื่อครั้งที่ยังเป็นละอ่อนน้อย   
ชีวิตประจำวันเด็กมัธยมก็คือ  ต้องตืนแต่เช้ามืดแล้วก็ดั้นด้นมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ
บอกไปคงไม่เชื่อว่าค่าโดยสารรถประจำทางในชุดเครื่องแบบนักเรียนของฉัน
จากเมืองชลมาบางนาแค่ 4-5 บาทเท่านั้นเอง   แต่ไม่ใช่รถปรับอากาศแบบในรูปนะจ๊ะ






แต่...ก่อนที่จะได้ขึ้นรถประจำทาง    ฉันจะต้องนั่งรถสองแถวจากบ้านตอนตีห้าครึ่ง  
เพื่อมาขึ้นรถไปกรุงเทพเที่ยวตีห้าสี่สิบห้า หรืออย่างช้าไม่เกินหกโมง
วันนั้น ฉันคงตื่นสายกว่าปรกติ ทำให้ฉันต้องรีบเร่งเพื่อไปให้ทันรถโดยสารเที่ยวนั้น 






 ฉันรีบวิ่งขึ้นรถสองแถวที่ผ่านมาหน้าบ้านคันแรก   สองแถวต่างจังหวัดขึ้นได้ลงได้ตลอดทาง
ไม่มีป้ายรถเมล์แบบกรุงเทพค่ะ   แต่เมื่อรถวิ่งไปได้สักระยะหนึ่งฉันจึงควานหากระเป๋าสตางค์
เพื่อเตรียมจ่ายค่าโดยสาร   และทันใดนั้นฉันก็รู้ว่า "ฉันลืมหยิบกระเป๋าสตางค์มาจากบ้าน"







ฉันนั่งใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไปตลอดทาง  จะลงกลางทางก็ไม่ได้ ฟ้ายังไม่สว่างเลย
สตางค์ก็ไม่มีติดตัวสักบาท ทำยังไงดี ทำยังไงดี







ฉันก็นั่งกระสับกระส่ายไปเรื่อย ๆ แหละจนสุดทาง แล้วก็ลงรถเป็นคนสุดท้าย
ตัดสินใจเดินไปบอกคนขับรถตรง ๆ ว่า
"พี่คะ หนูลืมกระเป๋าสตางค์"
"อ้าว...แล้วมีเงินไปโรงเรียนเหรอ"
"ไม่มีค่ะ" 


 คนขับรถสองแถว ผู้ใจดีก็เลยหยิบเงินส่งให้ฉันมา 20 บาท 
"ขอบคุณค่ะ"   ฉันไม่ได้ขอนะ  แต่ฉันก็รับไว้แบบมึน ๆ  พร้อมกับสวัสดีสวย ๆ แบบนางงาม
"พี่คะ ขอเหรียญบาทสักสองเหรียญด้วยนะคะ จะโทรศัพท์กลับบ้านให้เอากระเป๋าสตางค์มาให้"   
โห...ฉันช่างกล้า   ได้คืบจะเอาศอก


พี่ก็เขาใจดี ให้มาอีกตามที่ขอ  แล้วพี่เขาก็ขับรถไป  ชื่อแซ่อะไรฉันก็ไม่ได้ถาม
แต่เดาว่าพี่เขาคงคิดว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีแระ  ไม่ได้ค่าโดยสารแถมยังต้องมาเสียตังให้ยัยเด็กนี่อีก
แต่ฉันก็หวังว่าฉันคงจะได้คืนเงินพี่เขาในคราวต่อไปที่ได้ขึ้นรถพี่เขาอีกครั้ง








เมื่อพี่เขาขับรถไปแล้ว ฉันก็นึกได้ว่า แล้วฉันไปรับเงิน 20 บาทของพี่เขามาทำไม (วะคะ)
ในเมื่อฉันโทรกลับบ้านให้ที่บ้านเอากระเป๋าสตางค์มาให้ฉันที่ท่ารถแล้ว
พร้อมกับฟังเสียงบ่น ๆ ของพี่ชายที่ฉันชอบลืมของ และทำให้เขาต้องตื่นเช้าขับรถเอามาให้



วันเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ และหลายสัปดาห์ ฉันก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้นรถสองแถวคันนั้นอีก
และฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้คืนเงินพี่เขา จนฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่อยู่ ๆ วันหนึ่งขณะที่พวกเราไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแถวบ้าน  ซึ่งมีอยู่ร้านเดียว
จึงเป็นเสมือนสภากาแฟแห่งชุมชนประมาณนั้น






กำลังโซ๊ยก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย  แม่ค้าเดินมาบอกว่า ผู้ชายคนโน้นให้มาเก็บเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่ฉัน
เฮ้ย... ใครแซว   ก็นะตอนนั้นเราก็จัดว่ารูปร่างหน้าตาดีไม่ใช่เล่น    ก๊าก...อวยตัวเอง
"คนนั้นไง" แม่ค้าชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง
กรี๊ดดด (ในใจ) ... เขาก็คือพี่ที่ขับรถสองแถวคนนั้นนั่นเองค่ะ
พี่เขาจำเราได้  มารู้ทีหลังว่าพี่เขารู้จักเรา รู้ว่าบ้านอยู่ไหน  ลูกเต้าเหล่าใคร 55555



สรุปว่า  มื้อนั้นเราก็จ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวให้พี่เขาโดยดีค่ะ  
ตอนนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละเท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว  แต่ไม่ถึงยี่สิบสองบาทที่ฉันเป็นหนี้แน่นอน  
ส่วนที่เหลือฉันจะคืนให้พี่เขา  แต่เขาไม่รับคืนค่ะ บอกให้จ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวก็พอแล้ว
งานนี้ฉันมีแต่กำไร และกำไร เลยนะเนี่ย



เพื่อน ๆ คงจะเดาว่าต่อไปคงเป็นเรื่องราวรักต่างชนชั้นของนักศึกษาคนสวยกับคนขับรถสองแถว
แนวเดียวกับโกดำกับสาวกิ๋วแห่งสะพานรักสารสินใช่ม๊า...   555 เดาผิดค่ะ
เพราะเป็นแค่เรื่องของคนขับรถสองแถวใจดีกับนักเรียนขี้ลืมคนหนึ่งเท่านั้นเอง







ลองคิดดู ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีร้านเดียว แล้วตอนเที่ยง ๆ น่ะคนน้อยซะเมื่อไหร่
สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าเรื่องที่ฉันลืมกระเป๋าตังแล้วไปขอยืมตังคนขับรถสองแถว
รู้ไปถึงหูคนที่บ้านฉันด้วย  ถูกดุซะกระบุงโกย
ก็นะทำไงได้   ในเมื่อตอนนั้นฉันไม่มีทางเลือกนี่นา
สวย เริ่ด เชิดแต่ไม่หยิ่ง แถมยังกล้าขอยืมสตางค์คนขับรถสองแถวด้วย อิอิ...
เรื่องหน้าแตกของฉัน กับเรื่องราวที่เกี่ยวกับรถสองแถวยังมีอีกนะคะ
ไว้มีโอกาสจะเอามาเล่าให้ฟังอีกค่ะ






แถมเรื่องขำ ๆ ของเพื่อนสักเรื่องหนึ่งละกัน
เพื่อนสาวเอวบางร่างน้อยคนนี้เธอแต่งงานกับฝรั่งออสซี่ร่างยักษ์แต่ใจดี๊ดี
เธอต้องติดตามสามีซึ่งไปทำงานประเทศต่าง ๆ  เรื่องขำ ๆ ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ฟิลิปปินส์
เธอกับสามีไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง 
เป็นที่รู้ ๆ กันว่าฟิลิปปินส์พูดภาษาอังกฤษแบบไม่ใช่สำเนียงอังกฤษ
ช่วงนั้นทางร้านคงมีจัดรายการอะไรซักอย่าง  ซึ่งพนักงานก็แนะนำ
บลา ๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ  ไทเกอร์แบร์  บลา ๆ ๆ ๆ ๆ 
ฝรั่งออสซี่ผู้เป็นสามี ก็สั่งรายการนี้มาด้วยเข้าใจว่าเป็น เบียร์ยี่ห้อไทเกอร์
พอเมนูที่สั่งไปมาเสิร์ฟ   สองคนได้แต่ฮา  แทนที่จะได้ดื่มเบียร์อย่างที่หวัง  
กลายเป็นว่าสองสามีภรรยาต้องอุ้มตุ๊กตาเสือและตุ๊กตาหมีกลับบ้านคนละตัว






ตะแล๊น ตะแล๊น ตะแล๊น



ตะพาบมือใหม่จบแล้วคร้าบบบบบบบ   
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่หลวมตัวมาอ่านนะค๊า
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยค่ะ





Create Date :04 มีนาคม 2558 Last Update :6 มีนาคม 2558 7:48:17 น. Counter : 2871 Pageviews. Comments :28