bloggang.com mainmenu search




ก่อนกลับไทยวันที่ 19 - 25 ตุลาคม ได้คุยกับน้องคนหนึ่งชื่อ น้องเกด
รู้จักเธอมานานไม่กี่ปี และรู้ว่าน้องเขาอยู่โอซาก้า เราก็เลยมีโปรแกรมว่าง
วันที่ 27 ตุลาคม ที่อยากจะไปเที่ยวเกียวโต และ โอซาก้า ขึ้นมารำไร
เลยโทรไปรบกวนน้องสาวคนสวยน่ารัก เพื่อถามเรื่องพอจะมีโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟไหม
น้องเขาก็ใจดีมากๆเลยค่ะ ดีใจที่เราจะไปเที่ยว อุตส่าห์แว๊บไปดูเว็ปและสถานที่ๆอยู่ใกล้ว่าพอมีไหม
ปรากฎว่าน้องโทรมาบอกว่้าเต็มหมดแล้วค่ะพี่จ๋า ถ้ายังไงมาพักกับหนูก็ได้ค่ะ
แหะๆเข้าล๊อคในใจดิฉันพอดีเลยค่ะ (ขอบอก)
ดิฉันก็เลยบอกว่า งั้นพี่ออกค่าตั๋วผ่านประตู Universal Studios ให้แล้วกันค่ะ
คุณน้องเธอก็รีบตอบทันควันเหมือนกันค่ะ "ดีค่ะของฟรีหนูชอบๆ "
เรารู้เพราะน้องเขามาเรียน เงินทองต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด

คำถามต่อมาก็ แล้วพี่มาอย่างไงคะ เราก็ตอบว่า
กะว่านั่ง Night Bus จากสถานีโตเกียวไปเกียวโตค่ะ มันถูกดี ฮี่ๆ
แต่นั่งน่ะกินเวลา 8 ชั่วโมง ไปถึงก็เข้าวันรุ่งขึ้นที่เกียวโต

@ และแล้วเหตุการณ์ก็ผ่านไป ถือเป็นขั้นตอนการเตรียมตัว@

วันที่ 25 ตุลาคม เดินทางขึ้นเครื่องตอนห้าทุ่มจากสนามบินสุวรรณภูมิ
ถึงนาริตะวันที่ 26 ตุลาเช้าเวลา 7:30 น.
นั่งรถไฟ Keisei Line จากนาริตะ T.1 ค่าตั๋ว 1,000 yen
มาลงที่สถานี Nippori ความจริงสถานีนี้ใกล้บ้านเราแค่ 10 นาที
แต่ด้วยมีโปรแกรมจะไปเกียวโตในอนาคต เลยไปจองตั๋วรถบัสที่สถานีโตเกียว ก่อนดีกว่า
แล้วค่อยกลับบ้าน อาบน้านอนให้ยาวสบายไปเลย
เป็นครั้งแรกที่จะไปเกียวโต เราก็มองหาที่ขายตั๋วรถบัส
ดีที่ว่าเราพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ก็สอบถามนายสถานีที่เคาเตอร์ Information
เขาก็บอกให้เดินไป ทางนี้นะ แล้วก็จะถึง



เห็นสถานที่ซื้อตั๋วรถบัสมีคิวรออยู่สัก 10 คนได้
พอถึงคิวเรา สังเกตุด้านหลังเราก็มีคนต่อจากเรายาวเหมือนกัน
ไม่เสียแรงที่รีบมาจองไว้ก่อน
ได้เวลาซื้อ เราก็บอกอยากซื้อตั๋วไปเกียวโตทั้งไปและกลับโตเกียวค่ะ
อยากขึ้นไนซ์บัสออกจากโตเกียวตอนประมาณ 23:00 น.วันที่ 27 Oct
พนักงานขายก็บอกเอา night bus ชื่อ Ladies Dream แล้วกัน
มีแต่ผู้หญิงทั้งคัน แต่ออกเวลา 23:10 นะเอาไหม?
เอาซิค่ะ แค่เกินไป 10 นาทีเอง
พนักงานก็จองที่นั่งขากลับจากเกียวโตวันที่ 29 Oct ตอน 22:00 ให้
(ที่จองเวลานี้เพราะเราอยากถึงโตเกียววันรุ่งขึ้นอีกเหมือนกัน)

ตั๋วไป - กลับ โตเกียวhtmlentities(' >')> เกียวโตhtmlentities(' >')> โตเกียว
ราคา 14,480 yen





ซื้อเสร็จกลับบ้าน มานอนพักผ่อนเอาแรงซักหนึ่งวัน
และแล้ววันที่ 27 ตุลาคม เวลารถบัส 23:10 น.ก็มาถึง
ดูจากรถที่ออกแต่ละคัน เวลาออกต่างกันแค่ 10 นาที
และก็ต่างสถานที่กันไปของแต่ละจุดหมายปลายทาง
พอไฟที่ป้ายบอกเวลาและรถตรงตั๋วเราก็ไปจ่อคิว
เรามีกระเป๋าไปแค่ใบเดียวก็ฝากไว้ใต้ท้องรถ
พนักงานก็ประทับตรายางให้ผ่านขึ้นรถไปได้
ดีที่เราถ่ายรูปตั๋วเก็บไว้ก่อนแล้ว
เพราะพอไปถึงจุดหมายปลายทางที่เกียวโต
เขาก็ขอบัตรเก็บไป เลยมีมาให้เห็นตามรูปบน



ภายในรถ Ladies Dream


ที่นั่งมีผ้าห่มเตรียมไว้ให้
ส่วนเราก็มีหมอนรองคอส่วนตัวมีมาเหมือนกัน
จะได้นอนหลับสบาย คอไม่เคล็ด



ทุกคนนอนหลับกันหมด พอเข้าตัวเมืองเกียวโต
ในรถจะเปิดไฟและมีโฟนบอกว่า ถึงเกียวโตแล้ว
อย่าลืมสัมภาระที่อยู่ในรถ
รถบัสเรามาถึงสถานีเกียวโตในเวลา 6:30 น.
เราก็ลากกระเป๋าไปหาห้องน้าในสถานี มีอยู่บนสถานี
และ ใต้ถุนสถานี เราเลือกไปใต้ถุนดีกว่า คนไม่จอแจดีค่ะ
เจอะคนเต็มหน้ากระจก แปรงฟัน, ล้างหน้า, แต่งหน้า
เราก็รอให้คนเขาเสร็จและมีช่องว่าง
เพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติการณ์เหมือนสาวยุ่นบ้าง
เสร็จแล้วก็เข้าห้องน้า เพื่อที่ได้เตรียมตัวผจญภัยในเกียวโต
เพราะเราต้องเที่ยวในเกียวโตอยู่คนเดียว
เพราะน้องเกดบอกมาล่วงหน้าแล้วว่า
ให้เราเที่ยวคนเดียวในเกียวโตไปก่อน
ตกเย็นค่อยมาเจอะกันที่โอซาก้า

หลังจากทำธุระห้องน้าเสร็จ
นอกห้องน้ามีตู้ล๊อคเกอร์เก็บกระเป๋า
เราก็ฝากกระเป๋า หยอดเหรียญไป 400 yen
ลูกกุญแจกระเด้งออกมา
เราก็เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายที่ติดตัวเรา
เก็บกุญแจไว้ให้ดีๆอย่าให้หายเชียว
เที่ยวเสร็จแล้วค่อยกลับมาเอากระเป๋าจะได้ไม่มีปัญหา

ขึ้นมาบนสถานี หาบัสทัวร์ 500 yen
ที่เที่ยวได้ทุกที่ในเกียวโต
ถามนายสถานีว่าที่ขายบัตรอยู่ตรงไหนคะ
นายสถานีชี้มือบอกอยู่ด้านนอก ตรงนั้นไง
/
/





ซื้อตั๋วจะเป็นการ์ดไว้เพื่อลงจากรถบัส
แล้วหย่อนการ์ดจะกลับคืน
เพื่อที่จะใช้ต่อรถบัสไปที่อื่นได้เรื่อยๆ
เที่ยวเสร็จก็เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้
ซื้อด้วยราคา 500 yen
ได้การ์ดและแผนที่เที่ยวเมืองเกียวโต







ดูแผนที่แล้ว ก็เห็น Kinkakuji Temple
เป็นวัดแรกที่อยากไปมาก เหมือนคนอื่นๆเขา
เราก็เลยต้องไปขึ้นรถบัสที่ B3 ด้วยการที่เรานึกว่า
B3 คืออยู่ใต้ดินลงไป ก็เดินลงไป ฮิๆ เซ่อฉิบเป็ง
พอเดินๆไป มีป้ายบอก B3 ให้ขึ้นไปข้างบน
อ้าวพอเห็นมันเป็นป้ายรถบัส บอกแต่ละล๊อคว่า
A1,A2,A3,B1,B2,B3 ไปถึง D หรือเปล่าไม่แน่ใจ
เพราะล๊อครถแต่ละที่มันตีเป็นวงกว้าง
ส่วนเราจะไป Kinkakuji Temple ขึ้นรถที่ B3
โดยนั่งสาย 205เริ่มเวลา 8:00 น.



มีป้ายบอกให้เดินไปตามทาง
พอถึงวัดก็จ่ายค่าผ่านประตูตามรูป









Omamori แปลว่า เครื่องรางของขลังญี่ปุ่น
เชื่อว่ามีไว้ติดตัวป้องกันอันตรายและมีโชคลาภ
/



เหรียญเงิน เหรียญทอง ที่เราติดตัวอยู่
ก็ลองเสี่ยงโชคดูและตั้งจิตอธิษฐานได้สมใจ
เหรียญต้องตกอยู่ใจกลางหลุม
ดิฉันก็เสี่ยงไปหลายค่ะ ตกกลางแต่กระดอนออกมา
เลยเลิกโยนแล้ว เพราะมันส์มากจนหมดกระเป๋า อิๆ
/


ของกิน ของฝาก
/






ออกจากวัดทองเสร็จ เราเดินข้ามถนนฝั่งตรงข้าม
ขึ้นรถบัสที่ป้าย Nishinokyo En - machi สาย 203
เพื่อไปเดินที่ GION ย่านที่มี Maiko Girl
สาวแต่งชุดกิโมโน Geisha ตามท้องที่นั้น
แต่ไม่ได้เห็นตัวจริง เห็นแต่รูปโปสเตอร์ว่าจะมี
ให้เห็นกันวันที่ 1 - 10 พฤศจิกายน
และโปสเตอร์อื่นๆ ทัวร์ทุกที่ก็มีแต่ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนหมด
เพราะเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี สีสวยสุดๆต้องเดือนพฤศจิกายน
เรามามีแต่สีเขียว ผลิแดงก็เริ่มแต่น้อยนิด
เรารู้ว่่าเดือนพฤศจิกายน แต่ไม่มีเวลาค่ะ
เพราะต้องไปบินกลับไทยไปลอยกระทงและไปอินเดียต่ออีก
มีโอกาสก็ตุลาคมนี่แหละ มีโอกาสรีบคว้าไว้ก่อน

ที่ป้ายรถบัส เวลารออยู่มีโฟนด้วย
เพิ่งเคยได้ยิน มีตัวหนังสือบอกด้วยว่า
รถกำลังจะมาอีก 2 นาทีข้างหน้า ดีจังเลย


ถึงป้ายรถบัส GION ก็ลงมาข้ามฟากถนนไป
Yasaka Temple









สัญญลักษณ์และเป็นของที่ระลึกของเมือง GION
เป็นรองเท้าของ Maiko Girl





แล้วก็เดินเข้าตรอก Hanamikoji
เป็นย่้านบ้านเก่าๆ แต่ถนนดูสะอาดเรียบร้อย
มีร้านอาหารอยู่มากมายสนามแข่งม้า และ วัด
ได้เวลาเกือบเที่ยง
เลยมองหาที่กินซักหน่อย แต่ละร้านราคาแพงอยู่
เราเลือกได้ร้านหนึ่ง เห็นแล้วน่ากิน
เสียไป 3,000 ัำyen ตามรูป อิ่มอร่อยให้รางวัลชีวิต
ปกติกินแต่อาหารถูกกว่านี้ประมาณ 300 - 800 yen เท่านั้น









บรรยากาศภายในร้านอาหาร JUNIDANYA
มีที่นั่งแบบเสื่อตาตามิและนั่งเก้าอี้
เราเลือกนั่งบนพื้นเสื่อตาตามิค่ะ







กินเสร็จก็มาเดินเล่นซื้อของที่ระลึก
เราไม่ได้ซื้ออะไรมาก แค่การ์ด 5 ใบเท่านั้น








เดินเล่นย่อยอาหารได้สักพัก
ก็เตรียมตัวขึ้นรถเพื่อที่จะไป
Kiyomizu - Temple เป็นรายการต่อไป
รถมีหลายสายที่ผ่าน ตามรูปค่ะ
ส่วนเราขึ้นสาย 206



ทางเดินก่อนถึงวัดมีร้านค้ามากมาย
เพิ่มสีสรรค์ให้นักท่องเที่ยวมากๆ




หน้าวัด



ก่อนเข้าวัดเสียค่าบำรุงกันหน่อยค่ะ
/








คุณยายพนอจันเคยบอกว่า หากมาวัดนี้
ให้มาดื่มน้า 3 สายให้ได้ เอ้า เราก็ไปเข้าคิวดื่มกับเขา
ที่กระบอกน้าไม่ต้องกลัวโรคติดต่อ
เพราะหลังจากการดื่มเสร็จแล้ว
จะเอากระบอกเหล็กไปฆ่าเชื้อโรค โดยผ่านการ
Ultraviolet Sterilizer



พอเดินกลับเจอะ Maiko Girl เดินมา
ดีใจมากที่ได้เห็นตัวจริง สมดั่งใจหวัง
รีบถ่ายทั้งด้านหน้า ด้านหลัง
กิโมโนสีสวยสด




เจอะพระยืน


เดินออกมาย่านถนนก่อนเข้าวัด
ที่หมายตาไว้ว่าจะซื้อของที่ระลึก
และต้องกินไอศครีมร้านนี้ แปลกดีค่ะ
มีรสงาดำ และ เต้าหู้ ส่วนรสชาเขียวและวานิลาเคยลิ้มรสแล้ว
คราวนี้ขอลองรสงาดำผสมน้าเต้าหู้หน่อย
ผลปรากฏว่า พอแหลกล่าย ค่ะ
เราให้รสชาเขียวนั่นแหละ อร่อยสุดสำหรับเราแล้ว



ภาพโปสเตอร์ประกาศว่า ใครที่อยากมาดูแสงสี
พร้อมใบไม้ผลิสีสวย เริ่มกันตั้งแต่
วันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน ถึง วันที่ 3 ธันวาคม





เสร็จจากการเที่ยววัด Kiyomizu
ก็เดินขึ้นรถบัสตรงป้ายที่เราลงจาก Gion มาลง Kiyomizu
ป้ายเดียวกัน แล้วโบกรถสาย 206 ไปลงที่สถานีเกียวโต

พอถึงสถานีเกียวโต ไปเอากระเป๋าที่ล๊อคเกอร์
เพื่อเอากระเป๋าที่ซุกไว้ เตรียมตัวไปโอซาก้าต่อ
เพราะน้องเกดสัญญาว่าเที่ยวเกียวโตเสร็จให้โทรบอก
จากเกียวโตไปสถานีโอซาก้าด้วยรถไฟเกือบชั่วโมง
ค่ารถไฟ 540 yen





พอถึงสถานีโอซาก้าน้องเกดมารับไปเที่ยวปราสาทโอซาก้า
เพราะยังมีเวลาเที่ยวอยู่ แต่นั่นก็ประมาณ 5 โมงเกือบ 6 โมงเย็น
ท้องฟ้ายังมีแสงสว่างอยู่ พอที่จะมองเห็นต้น Clover ได้
ส่วนเราไม่รู้จักเจ้าต้นนี้หรอก น้องเกดหาๆได้จนเจอะ
ต้น Clover มีใบ 4 แฉก แปลว่าโชคดีค่ะ
เพราะตามปกติส่วนใหญ่ต้น Clover นี้จะมีแค่ 3 แฉกเท่านั้น
แถมน้องเกดเอาสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋า
มีรูปใบไม้ Clover อีก เลยดูเป็นที่น่าสนใจเข้าไปกันใหญ่
เราเลยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
จากสถานที่ตามรูป พอดีถ่ายไม่ชัดค่ะ
แต่ได้รูปมาแล้ว เหมือนรูประบายสีน้า ก็ดูแปลกอีก
เจ้าต้น Clover ก็อยู่บริเวณนี้ค่ะ







ส่วนรูปนี้เป็นดอกเบญจมาศ มีทั้งดอกเล็ก ดอกใหญ่
มาประดับกันเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ



เสร็จจากเที่ยวดูปราสาทโอซาก้าก็มืดแล้ว
ขากลับนั่งรถไฟเพื่อไปนอนบ้านน้องเกด
ก่อนกลับเลยกินอาหารมื้อเย็นกันก่อน






== ติดตามเที่ยวต่อไปคือ Universal Studios ==

Create Date :01 พฤศจิกายน 2549 Last Update :14 ธันวาคม 2551 8:10:04 น. Counter : Pageviews. Comments :0