วัดคิงกะกุ (ญี่ปุ่น : 金閣寺 คิงกะกุ-จิ วัดศาลาทอง) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดโระกุอง (ญี่ปุ่น : 鹿苑寺 โระกุอง-จิ วัดสวนกวาง) ตั้งอยู่ในเมืองเคียวโตะ จังหวัดเคียวโตะ ประเทศญี่ปุ่น มีศาลาทองเป็นจุดเด่นของวัด แรกเริ่มศาลาทองสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1940 เพื่อเป็นที่พักของโชกุนอะชิกะงะ โยะชิมิสึ ต่อมาผู้เป็นบุตรชายได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นวัดนิกายเซนสำนักรินไซ วัดถูกเผาทำลายหลายครั้งในระหว่างสงครามโอนิง ศาลาทองแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้หลานของโยะชิมิสึสร้างวัดอีกแห่งหนึ่ง ชื่อว่า วัดกิงกะกุ

ปี พ.ศ. 2537 วัดโระคุอง รวมทั้งศาลาทอง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับสถานที่สำคัญอื่น ๆ ในเมืองเคียวโตะ

ตัวศาลาทองทั้งหลัง ยกเว้นชั้นใต้ดิน ปิดคลุมด้วยแผ่นทองคำบริสุทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและโบราณวัตถุมีค่าอื่นๆ บนยอดหลังคาของศาลามีรูปหล่อทองคำรูปนกโฮโอ

ในปี พ.ศ. 2493 ศาลาทองถูกเผาทำลายโดยพระวิกลจริต ศาลาที่เห็นในปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2498

*** ขอบคุณ คุณทุเรียนกวนป่วนรัก เรื่องข้อมูลวัดคิงกะกุด้วยค่ะ ***

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 เยน

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และชั้นประถมศึกษา : 300 เยน

วัน เวลาเปิด - ปิด : 9.00 - 17.00 น. เปิดทุกวัน



สวยตรงภาพสะท้อนในน้ำนี่ล่ะค่ะ เห็นภาพจากโปสการ์ดว่าสวยแล้ว เห็นของจริงตรงหน้าสวยงามกว่ามาก 



เดิน ๆ หยุด ๆ เดินไปถ่ายไปค่ะ 











นักท่องเที่ยวเยอะเลยค่ะ







ใครมาเที่ยวเกียวโต มักจะไม่พลาดวัดคินคะคุจินี้ ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเกียวโตเลยค่ะ





ฤดูนี้ ใบไม้ต้นไม้ก็จะเขียว ๆ หน่อย 



อีกมุมค่ะ

มีโยนเหรียญด้วย น่าจะเป็นการขอพรมัง

มุมนี้บ้าง

มีข้อความ Welcome to Japan ด้วยนะ

ทางออก ทางลง ไปลานจอดรถบัสค่ะ



ขึ้นรถบัส เดินทางต่อค่ะ 



ร้านนี้ มีแฟรนไชส์ที่บ้านเราด้วย

7-11 เจอน้อยกว่า FamilyMart

ที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้ น้ำตกมิโนะ ค่ะ



มาพร้อมฝนเลย 





ไม่ถึงกิโล จิ๊บ ๆ ค่ะ



เป็นทางลง ... แปลว่า ขากลับต้องต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงสินะ

ไปค่ะ 

น้ำตกมิโนะ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติมิโนะ  มีความสูง 33 เมตร กว้าง 5 เมตร มีพันธุ์ไม้ราว 900 ชนิด แมลงกว่า 3,000 ชนิดอาศัยอยู่

เพิ่งรู้ว่า ไฮไลท์ของที่นี่ คือต้องถ่ายจากแถวนี้ เพื่อให้เห็นสะพานแดง ฉากหลังเป็นน้ำตก เออนะ ไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนก็งี้แหละ



เดินกลับกันแล้วค่ะ

เค้าว่า ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการชมใบไม้แดงของภูมิภาคคันไซ 



จะมีโอกาสมาเก็บใบไม้แดงที่นี่หรือเปล่าน้อ 

เก็บมาจากข้างทาง ตอนเดินกลับรถค่ะ

เกือบ 1 ทุ่ม ถึงที่พักคืนนี้ Osaka Fujiya Hotel อยู่ใกล้กับย่านช้อปปิ้ง Shinsaibashi เลยค่ะ





ห้องประมาณนี้



รกหน่อยนะคะ 

มื้อเย็นหาข้าวกินเอง เดินชอปปิ้งกันเอง (ไกด์แจกแผนที่ให้)



เราได้ของที่อยากได้ครบ เกือบไม่ทันช่วงร้านปิด (2 ทุ่ม) / ฝนตกค่ะ ทุลักทุเลมาก หิวก็หิว รีบซื้อของก่อน กินทีหลัง 



ตัดมาตอนเช้าเลย ... อาหารเช้าของโรงแรมค่ะ มี 3 เซ็ตให้เลือก 



เครื่องดื่มเลือกได้ 1 อย่าง



แม่กับหมอกเลือกเซ็ต B รสชาติพอกินได้ค่ะ แต่ทำช้ามาก จะไม่กินเลยก็กลัวหิวเนาะ



8.20 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2561 ปราสาทโอซาก้า ในวันฝนตก - ฟ้าช่างไม่เป็นใจเลย





ฝนตก...ไม่เสี่ยงเอากล้องใหญ่ออกมา แต่มาถึงแล้วก็ต้องได้รูปเนาะ ใช้กล้องโทรศัพท์ก็ได้ 





เราเข้าทางประตูนี้ ทางทิศใต้ของปราสาทโอซาก้า









ตกได้เรื่องได้ราวเลยล่ะค่ะ



หินก้อนใหญ่ที่นำมาสร้างเป็นกำแพงปราสาทโอซาก้า 





ร้านค้า ร้านอาหาร -- ไม่ได้แวะค่ะ



Time Capsule ที่วางอยู่ด้านหน้าปราสาท เป็นแคปซูลที่บรรจุสื่อเก็บข้อมูลดิจิตอล เก็บบันทึกเรื่องราว
ในคราวที่โอซาก้าเป็นเจ้าภาพจัดงาน EXPO เมื่อปี พ.ศ. 2513
และมีกำหนดจะเปิดดูข้อมูลจากแคปซูลนี้อีกครั้งในอีก 100 ปีข้างหน้า
เป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ที่ทันสมัยอีกแบบหนึ่ง

ปราสาทโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2126 โดยโชกุนโทโยะโตมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hidayoshi) ที่มีอำนาจทางการเมืองในโอซาก้า ด้วยความร่วมมือจากไดเมียวทั่วประเทศที่เกณฑ์แรงงานหลายหมื่นคนมาก่อสร้างปราสาทแห่งนี้ จึงใช้เวลาก่อสร้างเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น แต่ในอีก 30 ปีต่อมา ก็ถูกกองทัพของโชกุนโตกุกาว่า อิเยยะสุ ที่ขึ้นมามีอำนาจทำลายลง ต่อมาปราสาทแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่อีกหลายครั้ง รากฐานของปราสาทยังมีความแข็งแรงด้วยกลุ่มก้อนหินขนาดมหึมา จนถึงปี พ.ศ. 2540 ปราสาทโอซาก้าก็บูรณะแล้วเสร็จ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม เป็นปราสาทที่ทันสมัยที่สุดในญี่ปุ่น เพราะภายในมีกระทั่งลิฟท์ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด

ปราสาทโอซาก้า มี 8 ชั้น ...เราไม่ได้ขึ้นไปดูชั้นบนนะคะ ไว้คราวหน้า ไม่พลาดแน่

มีคูน้ำรอบ ๆ ปราสาท



มีสวนซากุระ สวนพลัม









ฝาท่อเป็นรูปปราสาทโอซาก้า ถ้ามีสีสันยิ่งสวยเลยเนาะ



ที่นี่มีซากุระมากกว่า 600 ต้น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระคงพรึ่บเต็มไปหมด น่ามาดูซักครั้งนะ 







9 โมงเช้า ฝนยิ่งตกหนักขึ้น นักท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ป ทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ 

ราวกั้นทางเข้า



ที่ไหนน้อ จำไม่ได้ 



ที่เที่ยวสุดท้ายที่มาแวะ Expo City และฝนก็ยังตกต่อเนื่องค่ะ



Expo City เป็นส่วนหนึ่งของสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่จัดขึ้นเมื่อปี 1970
ตั้งอยู่ในเมืองซุอิตะ จังหวัดโอซาก้า มีเนื้อที่ทั้งหมดราว ๆ 172,000 ตารางเมตร มีแหล่งความบันเทิงมากมาย 





ไม่ได้เล่นอะไรเลยค่ะ ซื้ออาหารกลางวัน และของจุกจิกในร้าน 300 เยนแค่นั้น



ถึงสนามบินโอซาก้า ในเวลา 5 โมงกว่า เครื่องออก 17.55 น. ถึงสนามบินดอนเมือง 22.30 น. ปะป๊ามารับ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ




ตอนหน้า เที่ยวญี่ปุ่นกันต่อ... ทริป  Matsumoto Kamikochi Hakuba  ค่ะ