bloggang.com mainmenu search







กาญจนบุรี  18 - 20  มีนาคม  2559 


ความเดิมตอนที่แล้ว  เช้าวันที่ 19 ตื่นมารอตะวันขึ้น ไม่ผิดหวังค่ะ สวยงามมาก... ต่อเลยนะคะ





7.17 น. วันที่  19  มีนาคม  2559




บริเวณกินอาหารเช้าค่ะ  คนไม่ค่อยมี 




ไลน์อาหารเช้า ... ไม่กล้าเปิดฝาถ่ายรูปค่ะ  Smiley




เราเดินลงมานั่งด้านล่าง โปร่งหน่อย




กินข้าวไป มองวิวนี้ไป  Smiley







นอนผึ่งแดด รับอากาศดี ๆ ตอนเช้า




ดอกหญ้า




หน้าร้านกาแฟ ที่รายาบุรี




ทางลงที่พักแพ




9.45 น.  เห็นแต่ป้ายไกล ๆ  บอกปะป๊าจอดให้หน่อย




มีป้ายบรรยายนะคะ แต่เราดูไม่ค่อยออก







น่าพาเด็ก ๆ มาทัศนศึกษาเนาะ 







ไม่มีคนบรรยายให้ฟัง   ดูไม่เป็น   Smiley




ซากดึกดำบรรพ์บ้านท่ากระดาน




นอติลอยด์

เป็นสัตว์ทะเลจัดอยู่ในไฟลัมมอลลัสกา (Mollusca) หรือสัตว์จำพวก หอย ชั้นเซฟาโลโพดา (Cephalopoda) กลุ่มเดียวกับปลาหมึกในปัจจุบัน ที่รู้จักกันดีคือหอยงวงช้างในปัจจุบัน (Nautilus spp.) พบแพร่หลาย ในมหายุคพาลีโอโซอิก ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงชนิดเดียว คือ หอยนอติลุส เป็นสัตว์กินเนื้อ ลำตัวแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยมีผนังกั้นห้อง ส่วนใหญ่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ทำให้พบได้ ทั้งบริเวณทะเลตื้นและทะเลลึก

นอติลอยด์เป็นกลุ่มของหอยที่มีลักษณะร่วมที่เก่าแก่โบราณ (เพลซิโอมอร์ฟี) ที่ไม่พบในกลุ่มอื่น ๆ ของเซฟาโลพอด หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งในเชิงระดับวิวัฒนาการได้ว่า นอติลอยด์เป็นกลุ่มที่มีลักษณะเก่าแก่ที่วิวัฒนาการให้แอมโมนอยด์ และโคลอยด์ ทั้งแอมโมนอยด์และโคลอยด์ถูกคิดว่าสืบทอดลูกหลานมาจากแบคทริติดาที่สืบทอดมาจากนอติลอยด์ที่มีเปลือก กระดองตรง (orthocone)


ร่องรอยสัตว์ดึกดำบรรพ์

คือ ร่องรอยที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสัตว์ เช่น รู หรือรอยชอนไชของสัตว์ในดิน เพื่ออยู่อาศัย หรือเพื่อหาอาหาร  สัตว์ต่างชนิดกันจะขุดรู และมีแนวทางการชอนไช เพื่อหาอาหารที่ต่างกัน ที่เกาะตะรุเตา พบร่องรอยสัตว์ดึกดำบรรพ์หลายชนิดในหินทรายสีแดง เช่น รอยทางเดิน ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และรอยชอนไชของหนอน สกุล Gordia sp. ซึ่งเป็นรอยวนกลม ๆ









เค้าบอกว่า ร่องรอยเหล่านี้ ประมาณ 470 ล้านปีมาแล้ว




ก็มีป้ายบอกแต่ละจุดล่ะค่ะ แต่เราไม่ได้พินิจพิเคราะห์นัก














ขอบคุณ คลิปเดินชมซากดึกดำบรรพ์  จาก   //www.oknation.net/blog/wansuk/2013/07/27/entry-2






10.00 น. เดินทางกันต่อค่ะ







มีนาคม เข้าหน้าร้อน
















10.07 น.




เวลาจากหอนาฬิกา กับเวลาที่เราอ่านได้จากกล้องถ่ายรูป คลาดกันนิดหน่อย




ตั้งใจมาที่นี่ค่ะ




ปีที่แล้ว เดินสองน้ำตกในวันเดียวกัน  เวลาไม่พอ ... วันนี้ จะมาซ่อม เดินให้ถึงชั้น 7 ของน้ำตกเอราวัณค่ะ




10.17 น. ถึงแล้วค่ะ




นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มนี้ เพิ่งออกมา คงมากันแต่เช้า เราเพิ่งจะเข้าไป




ถ้าใครไม่อยากเดิน มีบริการนั่งรถ คนละ 30 บาท เด็ก 10 บาท




บ้านเราเดิน   Smiley




เดินเข้าไปอีก 500 เมตร ถึงน้ำตก










เป้าหมายวันนี้ จะเดินให้ถึงชั้น 7 ให้ได้ค่ะ  Smiley




10.22 น.  วันที่  19  มีนาคม  2559







อุทยานแห่งชาติ มีแบบนี้ทุกที่  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เค้าจะฝากลายมือไว้ที่ต้นไผ่ ต้นไม้แบบนี้ทำไม








น้ำตกเอราวัณ
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ อยู่ในแนวลำน้ำแควใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนศรีนครินทร์

น้ำตกเอราวัณ เดิมชื่อ "น้ำตกสะด่องม่องลาย" ที่ได้มาจากต้นน้ำ ชื่อลำธารม่องไล่ และห้วยอมตะลา น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลลงมาจากยอดเขาสูง ผ่านโขดหินผา และป่าที่ปกคลุมด้วยแมกไม้นานาชนิด มารวมกันเป็นแอ่งน้ำเป็นช่วง ๆ ทำให้เกิดเป็นชั้นของน้ำตก ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป น้ำตกมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น มีชื่อเรียกแต่ละชั้นคล้องจองกัน จากชั้นแรกถึงชั้นที่เจ็ดคือ "ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา ภูผาเอราวัณ" 

น้ำตกแต่ละชั้นมีระยะทางแตกต่างกันตั้งแต่ ชั้นต้น ๆ เดินไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร จนถึงชั้นบนสุด 1,520 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินผ่านป่าขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เป็นหน้าผาทะลุเปิดโล่ง บางช่วงค่อนข้างลำบาก ชัน และลื่นบ้าง ชั้นบนสุดหลายคนบอกว่ารูปร่างผามองดูแล้วคล้ายกับหัวช้างสามเศียรเอราวัณ จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณนั่นเอง

น้ำตกเอราวัณมีลักษณะสวยงามเป็นพิเศษ ตรงที่สีของน้ำเป็นสีฟ้าใส เหมือนสระว่ายน้ำ เนื่องจากเป็นน้ำที่ผ่านมาจากเขาหินปูน ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตสูง มีคุณสมบัติทำให้สารแขวนลอยตกตะกอน ถ้าสังเกตบริเวณที่ไม่มีคนเล่นน้ำจะเห็นน้ำใสมาก น้ำตกในชั้นต้น ๆ เป็นแหล่งน้ำของปลาน้ำตกชนิดหนึ่งเรียกว่า "ปลาพลวง"  ที่มีให้เห็นเป็นจำนวนมาก น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่คนชอบเดินลุยป่าไม่ควรพลาด เพราะ สามารถเดินเลือกเล่นน้ำในแต่ละชั้นที่ต้องการได้ สายน้ำเย็นฉ่ำที่ผ่านโขดหินทำให้น้ำตกมีลักษณะโดดเด่น สวยงามแตกต่างกันในแต่ละชั้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เล่นในแอ่งน้ำใส ยังสามารถเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดได้ด้วย น้ำตกเอราวัณมีน้ำตลอดปี ช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนธันวาคม - เมษายน อาจมีน้ำน้อยบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับแห้ง

บริเวณที่ทำการอุทยานฯ​ มีการจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม น้ำตกในชั้นต้น ๆ อยู่ไม่ไกลกันมากนัก เมื่อต้องการไปยังตัวน้ำตกชั้นแรก ต้องเดินไปอีก 500 เมตร








จากปากทางเข้ามา ประมาณ 500 เมตร  มีแคร่ให้นั่งพัก




ถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระลึก




ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง น้ำตกยังไม่ค่อยสวยมาก เหมาะสำหรับนั่งปิกนิก มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหาร ริมน้ำตก

ชั้นที่ 2 วังมัจฉา มีปลาพลวงเวียนว่ายในน้ำใสอยู่เป็นจำนวนมาก แอ่งน้ำสีฟ้า มีม่านน้ำตก ไหลผ่านหินย้อย เหมือนกับนำ้ไหลผ่านปากถ้ำ ลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เหมาะกับการลงเล่นน้ำ บางช่วงอาจลึก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชูชีพลงเล่นได้

ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ก่อนขึ้นไปยังน้ำตกนี้ จะมีจุดตรวจอาหาร ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่ม และขวดน้ำ ขึ้นไปจากชั้นนี้เด็ดขาด ต้องฝากเจ้าหน้าที่เอาไว้

ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ทางอุทยานฯ ทำทางเดินบันไดไว้อย่างเรียบร้อย แต่เส้นทางค่อนข้างสูงชันอยู่เหมือนกัน ระหว่างทางไปน้ำตกชั้นที่ 4 มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าดิบแล้งม่องไล่ ระยะทาง 1,010 เมตร สามารถเดินแยกไปตามเส้นทางนั้นได้ ชั้นนี้ดูดี ๆ จะเห็นหิน 2 ก้อนที่มีลักษณะเหมือนหน้าอกผู้หญิง แต่มีลักษณะใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป เลยได้ชื่อเป็นอกนางผีเสื้อ (สมุทร) ซะเลย ชั้นนี้มีน้ำไหลตามหินลงมายังแอ่งด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้ จากนี้เส้นทางจะค่อนข้างลำบากขึ้น และเป็นทางชันขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงชั้นบนสุด น้ำตก

ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นลงมาแบบเตี้ย ๆ เป็นแอ่งตื้น ๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่น

ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา อยู่ห่างจากชั้น 5 แค่ 300 เมตร มีน้ำตกอยู่หลายมุม ตามแมกไม้ต่าง ๆ

ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ การเดินทางไปถึง ต้องเดินผ่านหิน ปีนบันไดไปอีก เป็นทางที่เหนื่อยอยู่เหมือนกัน แต่ก็คุ้มกับการมาดู เพราะเป็นชั้นที่สูงที่สุดและสวยที่สุด มีสายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง ผ่านแมกไม้ และแนวหิน มาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง

//www.kanchanaburi.co/th/





ชั้นที่ 1




10.35 น. ชั้นที่ 2
















เดือนมีนาคม น้ำน้อยหน่อย




ชั้นที่ 2 ปลาพลวง เยอะค่ะ (แต่ไม่เยอะเท่าที่น้ำตกพลิ้วที่จันทบุรี)













ระหว่างทาง ...







มารอบนี้ ก็ยังไม่ได้เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติค่ะ







ทางชันอยู่นะ




มองลงไป ปะป๊ากำลังต้วมเตี้ยมขึ้นมา




ดอกอะไรไม่รู้ค่ะ สวยดี ถ่ายรูปมา ไม่ค่อยสวยเหมือนตาเห็นนะ




จุดนั่งพัก ชมวิวระหว่างทาง ...












Create Date :04 กรกฎาคม 2559 Last Update :5 กรกฎาคม 2559 15:37:59 น. Counter : 4271 Pageviews. Comments :56