bloggang.com mainmenu search


เล่าเรื่อง... รามเกียรติ์ ที่ ระเบียงคด วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เป็นการบรรยายสาธารณะ ไม่มีค่าใช้จ่าย

โดย คุณวิทวัส ลาภชุ่มศรี (แย๊ปปี้) มัคคุเทศก์อาชีพ ระดับ Bronze มัคคุเทศก์บัตรวัง

วิทยากรโดย คุณวรณัย พงศาชลากร นักวิชาการอิสระทางมานุษยวิทยา นักวิชาการนอกกรอบ

เพื่อนอุ่น จองผ่าน เพจ EJeab Academies เผื่อเราด้วย

จุดนัดหมายคือ ประตูด้านหน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ เวลา ๙.๐๐ น. วันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑



หนุมานเข้าปากยักษ์ผีเสื้อสมุทร ห้อง ๓๒



หนุมานแปลงร่างเป็นยักษ์ปะปนเข้าไปในเมืองลงกา พอได้โอกาสก็สะกดให้ยักษ์หลับใหลทั้งเมือง แล้วกลายร่างเป็นหนุมานเที่ยวค้นหานางสีดา

เข้าปราสาทแรก (ซ้ายมือสุด) ปราสาทพิเภก "เห็นอสูรตนหนึ่งนอนหลับ มือจับดินสอไว้มั่น สมุดกระดานชนวนนั้น วางข้างกุมภัณฑ์นิทรา"

ปราสาทที่สอง (ขวามือสุด) ปราสาทกุมภกรรณ "เห็นอสูรตนหนึ่งบนที่ กายาพ่วงพีเติบใหญ๋ มีคฑาเพชรแพร้วแววไววางไว้ข้างแท่นพรายพรรณ"

ปราสาทที่สามของอินทรชิต "เห็นอสูรหนุ่มน้อยทรงลักษณ์ ดวงพักตร์เขียวขำดั่งเลขา นางหนึ่งนอนแนบอุรา พักตราดั่งดวงจันทร" 

ปราสาทที่สี่ของท้าวทศกัณฐ์ "เห็นอสูรตนหนึ่งนิทรา ยี่สิบกรสิบหน้าขึงขัง ก็รู้ว่าท้าวทศกัณฐ์ มีนางหนึ่งนั้นแนบนอน"



ทศกัณฐ์เกี้ยวพาราสีนางสีดาซึ่งถือไม้อยู่ (กลาง) ห้อง ๓๔ 

หนุมานแก้เชือก (บน) ถวายแหวนและผ้าสไบให้นางสีดา (ล่าง) ห้อง ๓๔



หนุมานทำลายสวนขวัญ ฆ่าสหัสกุมาร ห้อง ๓๕



พิเภกทำนายฝันให้ทศกัณฐ์ กราบทูลไปตามจริงว่า กะลานั้นคือลงกา เชื้อไส้ได้แก่องค์ทศกัณฐ์ น้ำมันคือพระราชวงศ์น้อยใหญ่
เพลิงลามคือนางสีดา หญิงที่เข้ามาจุดไฟคือนางสำมนักขา แร้งเผือกคือพระราม แร้งดำคือทศกัณฐ์ จะต้องรบราฆ่าฟันกันเป็นศึกใหญ่
พิเภกทูลว่ามีทางเดียวคือ คืนองค์สีดาให้กับสามีนาง อย่างได้อาวรณ์กับหญิงที่มีผัวเลย ทศกัณฐ์โกรธพิเภก ประกาศ "ขาดพี่ขาดน้องกันแต่วันนี้"

พิเภกทำนายฝันให้ทศกัณฐ์ (กลาง) ห้อง ๔๐

พิเภกร่ำลานางตรีชฎากับนางเบญกาย (ซ้าย) ห้อง ๔๐



พิเภกเดินเดียวดายในป่า (บน) พิเภกถูกนิลเอกและทหารวานรจับตัวได้ (ล่าง) ห้อง ๔๑



นิลเอกนำพิเภกถวายตัวพระราม (ซ้ายกลาง) น้ำสรงศรพรหมาสตร์ (ขวา) ห้อง ๔๑
พระรามสั่งสุครีพ เอาน้ำหอมใสสะอาดสรงศรพรหมาสตร์เป็นประธาน พิเภกสาบานตนต่อหน้าพระราม และเหล่านายทหารเสนาอำมาตย์



พิเภกต้องการทราบฤทธิ์ทหารพระราม ห้อง ๔๑ 
...นิมิตกายเท่าภูเขาช้อนเอาตะวันมาได้
นิมิตกายเท่าภูผาแบกเอาวิมานเทวามาได้
แสดงพลังกายจับเสือ ปล้ำราชสีห์ จับกวางได้ว่องไว



เพื่อนอุ่น ตอนนี้เธอมีตำแหน่งเป็น นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ค่ะ 



บางห้องถ่ายรูปมาแล้ว หาข้อความบรรยายไม่เจอ...



ทหารยักษ์ไปตามนางสุพรรณมัจฉาในถ้ำ นางว่ายน้ำมาเฝ้าท้าวทศกัณฐ์ที่ศาลา ห้อง ๔๗



เดินทัพเข้ากรุงลงกา

ไชยามพวานถือธงนำหน้ากองโยธาไปยังเขามรกต พระรามประทับบนรถแก้ว พระลักษมณ์นั่งหน้า พระมาตุลีเป็นสารถี ห้อง ๔๙



สุครีพหักฉัตรทะยานเอาเท้าขวาคีบมงกุฎทศกัณฐ์ ห้อง ๕๑



ไมยราพโกรธพระมารดาจึงฟาดรถทรงลงพื้น ห้อง ๕๒



ทศกัณฐ์เลี้ยงอาหารไมยราพเป็นการใหญ่ (ขวาบน) ห้อง ๕๒



ไมยราพลากลับไปเมืองบาดาล เพื่อทำพิธีบดยาล่องหนสะกดนิทรา ยังเขาสุรกานต์
ไมยราพหุงยาบนเขาสุรกานต์ ห้อง ๕๒



ไมยราพกวัดแกว่งกล้องปัทมราช (บน) ไมยราพเป่ายาสลบสะกดเหล่าทหารนิทรา
เป่ายาใส่หนุมานและสุครีพเข้าไปในปากเป่ายาใส่พิเภกและพระลักษมณ์ (ล่าง) ห้อง ๕๓



หนุมานมุดลงไปตามช่องก้านบัว โผล่หน้าประตูเมืองบาดาล ห้อง ๕๔
หนุมานสู้กับช้างตกมัน ห้อง ๕๔



หนุมานด่าว่า "เหวยไอ้ลิงเล็กจะเจียมตัวว่าเด็กก็หาไม่ มึงอย่าขวางหน้ากูไว้ถอยไปให้พ้นไอ้สาธารณ์" 
มัจฉานุด่าตอบ "ถึงตัวกูน้อยเท่านี้ จะกลัวฤทธีเอ็งหาก็ไม่ อย่าพักอาจองทะนงใจ ใครดีจะได้เห็นกัน" ต่างเข้าสู้รบเป็นพัลวัน ใครจะแพ้หรือชนะก็หาไม่
หนุมานฉงนใจว่าทำไมฆ่าไอ้ลิงน้อยที่มีหางปลานี้ไม่ตายสักที จึงร้องถามไปว่าเป็นใคร
ฝ่ายลิงน้อยก็ฉงนใจ ไยลิงขาวตัวใหญ่รูปกายคล้ายกับกู จึงตอบไปว่าชื่อมัจฉานุ เป็นลูกนางเงือก มีพ่อชื่อกำแหงหนุมาน 
แม่สำรอกไว้ริมหาด พญาไมยราพเก็บมาเลี้ยงไว้



หนุมานนิมิตกายเอาเท้าซ้ายเหยียบไมยราพไว้ นางพิรากวนบอกว่าไมยราพถอดดวงใจเป็นแมลงภู่ไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ ห้อง ๕๕



หนุมานตีไมยราพจนกระบองแหลกกายขาด ฉีกแขนขาขว้างโยนไป แขนขากลับมาติดกายดังเดิม ไมยราพไม่ตาย
หนุมานร้องถามนางพิรากวน ไยไมยราพจึงไม่ตาย นางบอกว่าไมยราพถอดจิตเป็นแมลงภู่ (ภุมรี) ใส่กล่องแก้วซ่อนไว้ในยอดเขาตรีกูฏ

หนุมานให้มัจฉานุ (ซ้าย) ไวยวิก (ขวา) ครองเมืองบาดาล ภาพล่างขวา ห้อง ๕๕



หนุมานอุ้มพระรามมือซ้าย หิ้วเศียรไมยราพมือขวา ห้อง ๕๕



หนุมานช่วยพระรามจากกรงที่ขัง



๑๑.๐๗ น. นักท่องเที่ยวเยอะมาก ต้องถ่ายขึ้นด้านบนเลยค่ะ



ระดับสายตา...



แน่นไปหมด แทบไม่มีที่ว่าง ทั้งนั่ง ทั้งยืน

วัดพระแก้ว หนึ่งในแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานคร ของเมืองไทย แต่เชื่อเลยว่า คนไทยบางคนยังไม่เคยมา







สุครีพ ภาพที่ผนังทางเดินตรงข้ามห้อง ๕๖



สุครีพนำทัพ (ซ้าย) สู้รบทัพกุมภกรรณ (ขวา) ห้อง ๕๗



กุมภกรรณทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ในโรงพิธีริมท่าน้ำ หมาเน่าลอยน้ำมา มีอีกาจิก ห้อง ๕๙



พระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์

พระรามได้ยินเสียงโห่กึกก้อง ถามพิเภกว่าทัพผู้ใด พิเภกทูลว่าเป็นทัพกุมภกรรณมาพร้อมหอกโมกขศักดิ์เป็นเทพศาสตรา
อันท้าวพญาวานรนั้นต้านไม่ได้ ขอให้องค์พระลักษมณ์อนุชาออกรบในครั้งนี้
พระลักษมณ์พบกุมภกรรณอยู่บนรถทรงที่ชายป่า ต่างก็ร้องท้าเย้ยหยันกันไปมา จากนั้นกองทัพท้ัองสองเข้าตะลุมบอน
ฝ่ายแม่ทัพลิงต่อสู้กับพัทกาวี นิลขันสู้กับฤทธิกาสูร ฝ่ายลิงฆ่าฝ่ายยักษ์ตาย โยนศพไปตรงหน้ารถทรงกุมภกรรณ



กุมภกรรณบุกทะลวงลงมาด้วยความกริ้วโกรธ พระลักษมณ์แผลงศรถูกรถหัก นายสารถีตาย กุมภกรรณตกลงจากรถ 
โผนโจนถึงรถทรงพระลักษมณ์หวดด้วยศร กุมภกรรณเซทรุดเจ็บปวดรวดร้าว จึงร่ายเวทลูบกาย ความเจ็บปวดก็หายไป
แล้วพุ่งหอกต้องอกพระลักษมณ์ ทรุดกายล้มลงแน่นิ่ง กุมภกรรณเลิกทัพเข้าเมือง

พระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์ (ขวาล่าง) ห้อง ๖๑

พระรามแผลงศรจันทวาทิตย์เป็นพระจันทร์สามดวงส่องสว่าง (ขวา) ห้อง ๖๑

พิเภกเอาสรรพยาบดกับน้ำปัญจมหานที (ล่างซ้าย) ห้อง ๖๑



นิลนนท์ทูลเชิญพระรามไปสนามรบ ห้อง ๖๑



พิเภกกราบทูลว่า พระลักษมณ์ยังไม่ตายให้หนุมานไปเอายาตรีชวากับสังกรณีที่เขาสรรพยา
เอาน้ำในปัญจมหานที แล้วหยุดรถพระอาทิตย์เพราะถ้าแสงอาทิตย์ต้ององค์พระอนุชาก็จะอาสัญ
พิเภกเอาสรรพยาบดกับน้ำ ไหว้คุณพระพรหม เสกยาที่บด นำยามาลูบบนแผลพระลักษมณ์ หอกก็หลุดออกมา แผลหายไม่เหลือร่องรอย พระลักษมณ์ฟื้น

หนุมานโอบเขาสรรพยาเก็บตรีชวากับสังกรณี ห้อง ๖๑



ทหารยักษ์ที่แอบเฝ้าดูเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็รีบเข้าเฝ้าทูลถวายรายงานว่าพระลักษมณ์ฟื้นแล้ว
ทศกัณฐ์ให้ไปตามกุมภกรรณเข้าเฝ้า กุมภกรรณอัศจรรย์ใจมาก ใครต้องหอกนี้ต้องตายหมด "ชะรอยไอ้พิเภกทรชน บอกกลให้แก้โมกขศักดิ์"



หนุมานชักตรีเพชรออกมาสู้กับกุมภกรรณ ห้อง ๖๓



กุมภกรรณจะขอยกทัพในวันพรุ่งนี้ พิเภกทูลพระรามว่า เป็นทัพกุมภกรรณครั้งนี้ขอเชิญเสด็จพระอวตารด้วยวันนี้อสุรีชะตาขาด



เมื่อกองทัพทั้งสองประจัญบาน หนุมานสู้กับนนทกาลแม่ทัพยักษ์แล้วฆ่าตาย โยนศพไปหน้ารถพญากุมภกรรณ
กุมภกรรณแผลงศรเป็นไฟร้อนแรงไหม้ทหารลิง พระรามแผลงศรพาลจันทร์เป็นห่าฝนดับไฟไล่ฆ่าทหารยักษ์ตายยับ
กุมภกรรณแผลงศรเป็นอาวุธถูกทหารลิงล้มตาย พระรามแผลงศรอัคนิวาต เป็นเพลิงล้างอาวุธปัจจามิตรแล้วศรก็ไปต้องรถกุมภกรรณ ราชสีห์สารถีตายหมด
พระรามแผลงศรพรหมาสตร์ถูกอกพญากุมภกรรณ กุมภกรรณจึงแลเห็นพระรามผิวพรรณสีเขียว มีสี่กร ทรงเทพอาวุธ มีจักร สังข์ ตรี คฑา
จึงรู้แน่ชัดว่าเป็นพระนารายณ์อวตาร ตกใจทูลกราบขอโทษ ที่ผิดพลั้งในครั้งนี้ เหตุด้วยพี่ผู้อาธรรม และขอให้ช่วยส่งวิญญาณของตน
ไปสวรรค์ชั้นฟ้า พระรามรับปากทุกประการ พญากุมภกรรณสอนน้องก่อนตาย
พญาพิเภกกอดบาทศพพระเชษฐาร่ำไห้รำพัน



อินทรชิตอาสาทศกัณฐ์พระบิดาออกรบ ห้อง ๖๕



วิรุฬหก (กายสีขาบ หรือน้ำเงินเข้ม) ครองเมือง มหาอันธการนคร อยู่ทางด้านหน้าพระอุโบสถ



มังกรกัณฐ์ (กายสีเขียวอ่อน)  เป็นบุตรพญาขร ครองเมืองโรมคัล อยู่ทางด้านหน้าพระอุโบสถ



ทศกัณฐ์ให้วิรุญมุขกุมารตั้งทัพคอยอินทรชิตที่ชายป่า ห้อง ๗๐





พระรามแผลงศรพลายวาดเรียกพญาสุบรรณราช (ซ้าย) กองทัพพระรามเคลื่อนพลกลับพลับพลา มีพระมาตุลีเป็นสารถี (ขวา) ห้อง ๗๓



หนุมานต่อสู้กับกำปั่น ห้อง ๗๕



อินทรชิตแปลงร่างเป็นพระอินทร์ขี่ช้างเอราวัณ ห้อง ๗๕



กองทัพพระอินทร์แปลง (บน) พระอินทร์แปลงแผลงศรต้องพระลักษมณ์และเหล่าโยธา (ซ้าย)
เหลือแต่หนุมานกระโจนขึ้นหักคอช้างเอราวัณและสลบบนพื้น (ขวาบน) ห้อง ๗๖



อินทรชิตเข้าเฝ้าท้าวทศกัณฐ์ ทูลแผนเพื่อไปทำพิธีกุมภนิยา ห้อง ๗๗



อินทรชิตชูเศียรนางสีดาแปลง (ซ้าย) ให้พระลักษมณ์ดู (ขวา) ห้อง ๗๘



อินทรชิตเพศฤาษีอยู่ในโรงพิธี ห้อง ๗๙



พระลักษมณ์แผลงศรทำลายพิธีกุมภนิยา ห้อง ๗๙



อินทรชิตสั่งเมืองด้วยความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ห้อง ๘๐



พระลักษมณ์แผลงศรไปตัดเศียรอินทรชิต องคตเอาพานแว่นฟ้าคอยรองรับ ห้อง ๘๐



ขบวนรถอัญเชิญโกศพระศพอินทรชิตเคลื่อนไปตั้งที่เมรุยอดเขานิลกาลา ห้อง ๘๑



เมรุพระศพอินทรชิต ห้อง ๘๑



พระรามรบกับทศกัณฐ์

พระวิษณุกรรม นำรถเวไชยันต์มาถวายพระราม ห้อง ๘๒



พระรามขึ้นรถเวไชยันต์ (ซ้าย) ทศกัณฐ์บนรถทรง (ขวา) ห้อง ๘๒



พระลักษมณ์ต้องหอกแก้ววราวุธของมูลพลัม (ซ้ายบน) ห้อง ๘๔



พระลักษมณ์นั่งบนบ่าหนุมาน (ขวา) แผลงศรต้องมูลพลัมตาย (ซ้าย) ห้อง ๘๔


๑๑.๓๖ น. นักท่องเที่ยวเยอะมาก



ท้าวมาลีวราชประทับนั่งตรงกลาง ทศกัณฐ์อยู่บนรถทรงเบื้องซ้าย พระรามนั่งอยู่เบื้องขวา นางสีดานั่งอยู่ตรงหน้า ห้อง ๙๖



นางมณโฑปลอบใจทศกัณฐ์หลังจากโรงพิธีถูกทำลาย ห้อง ๙๗



ที่พลับพลา พิเภกทูลพระรามว่าทศกัณฐ์ยกทัพมาเอาชีวิตตน ห้อง ๙๘



กองทัพทศกัณฐ์เคลื่อนโยธา (ซ้ายบน) กองทัพทศกัณฐ์สู้รบ (ซ้ายล่าง) 
กองทัพพระราม (ขวาล่าง) รถทรงพระลักษมณ์กับพิเภก (ขวาบน) ห้อง ๙๘



หนุมานผูกผมนางมณโฑกับทศกัณฐ์ ห้อง ๙๙





โยธาทัพวานร มีพระราม พระลักษมณ์ พระมาตุลี (ซ้าย) รบกับทัพของทัพนาสูร (ขวา) ห้อง ๑๐๐





ทศกัณฐ์แปลงนั่งบัลลังก์ (กลาง) ทศกัณฐ์แปลงเข้าหานางมณโฑ (ซ้าย) 
ทศกัณฐ์แปลงพานางมณโฑเข้าหอ (บน) ทศกัณฐ์แปลงหลอกนางมณโฑจะยกทัพไปจับพิเภก (ขวา) ห้อง ๑๐๒



ทศคีรีธร (กายสีน้ำตาล) ทศคีรีวัน (กายสีเขียวแก่) เป็นยักษ์ฝาแฝด ลูกของทศกัณฐ์กับนางช้าง ยักษ์ ๒ ตนนี้จึงมีปลายจมูกเป็นงวงช้างเล็ก ๆ


หนุมานในชุดเครื่องทรงอุปราชกรุงลงกา อยู่หน้ารถแก้วพระลักษมณ์ โต้ตอบวาจากันอย่างดุดัน ห้อง ๑๐๕



หนุมานเข้าเฝ้าทศกัณฐ์ ให้บรรดานายทหารยักษ์ทูลรายงานเรื่องการรบ ห้อง ๑๐๖



หนุมานถอดเครื่องทรงโยนคืนทศกัณฐ์ ห้อง ๑๐๗



หนุมานกับองคตเฝ้าพระราม ถวายกล่องดวงใจทศกัณฐ์ ห้อง ๑๐๗



ทศกัณฐ์กอดนางมณโฑข้างขวา กอดนางกาลอัคคีข้างซ้าย ท่ามกลางนางกำนัลทั้งหลาย ห้อง ๑๐๘



พระศพทศกัณฐ์ตั้งอยู่ในปราสาทกรุงลงกา ห้อง ๑๑๐



ขบวนรถพิชัยใส่โกศแก้วมรกต เชิญพระศพทศกัณฐ์ออกจากเมืองไปยังพระเมรุ ห้อง ๑๑๐



นางสีดาลุยไฟท่ามกลางเทพเทวดา พระอินทร์ และท้าวมาลีวราช ห้อง ๑๑๑



ขบวนแห่งพระศพทศกัณฐ์ไปยังพระเมร ห้อง ๑๑๒



พระเมรุพระศพทศกัณฐ์ มีโรงแสดงการละเล่นอยู่รายรอบ ห้อง ๑๑๓







พระราม นางสีดา พระลักษมณ์ พักที่ตำหนักสวนขวัญ ห้อง ๑๑๔



พิธีอภิเษกขึ้นครองกรุงลงกา ห้อง ๑๑๔



พระรามแผลงศรต้องอัศกรรณมาราทุกตน ศรเป็นลมกรดหอบเอาศพไปทิ้งลงน้ำ ห้อง ๑๑๕



บรรลัยกัลป์แอบเข้าเฝ้าพระมารดา (นางกาลอัคคี) ห้อง ๑๑๖



ขบวนโยธาทัพพระรามเสด็จข้ามแม่น้ำสะโตง ห้อง ๑๑๙



ขบวนโยธาแปดกษัตริย์เสด็จเข้าเมืองอยุธยา ห้อง ๑๒๐



กองทัพท้าวมหาบาลทรงช้างประชิดกรุงลงกา (ซ้าย) ท้าวทศคีรีวงศ์ (ขวา) นั่งบนบัลลังก์ ห้อง ๑๒๓



พิเภก ภาพที่ซุ้มประตูพระฤาษี



จบการบรรยายแล้วแยกย้ายกันกลับค่ะ



พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท



จิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระนารายณ์อวตารปางต่าง ๆ และเรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบ วาดขึ้นครั้งแรกเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอารามในพระราชวังตามราชประเพณีแต่โบราณ นามว่า "วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต และโปรดเกล้าฯ ให้เขียนรูปภาพรอบพระระเบียงเรื่องรามเกียรติ์ตามแนวพระราชนิพนธิ์ "บทละครเรื่องรามเกียรติ์" ของพระองค์เอง ในปี ๒๓๒๕

ปัญหาความชื้นของผนังปูน ทำให้ภาพจิตรกรรมที่วาดเลือนและหลุดร่อนไป จึงมีการซ่อมแซมหลายครั้งดังนี้

ในรัชกาลที่ ๓ ทรงให้เขียนภาพรามเกียรติ์ขึ้นใหม่ เพื่อฉลองกรุงครบรอบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๓๗๕

ในรัชกาลที่ ๕ ซ่อมภาพเขียน เพื่อฉลองกรุงครบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕

ในรัชกาลที่ ๗ ซ่อมภาพเขียน เพื่อฉลองกรุงครบ ๑๕๐ ปี พ.ศ. ๒๔๗๕

ในรัชกาลที่ ๙ ซ่อมภาพเขียน เพื่อฉลองกรุงครบ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕

มีการซ่อมภาพเขียน และเขียนภาพขึ้นใหม่มาโดยตลอด จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๗ การเขียนภาพขึ้นใหม่หลังสุด ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๗๑ - ๒๔๗๔ มากที่สุด และการเขียนภาพซ่อมครั้งใหญ่ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๑๕ - ๒๕๑๘ ดังปรากฎรายละเอียดของผู้เขียนภาพ ปี พ.ศ. ที่เขียน ผู้เขียนซ่อมภาพ ปี พ.ศ. ที่เขียนซ่อม

จิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียง มีสองส่วน ส่วนที่เป็นห้องที่ ๑ ไปจนถึงห้องที่ ๑๗๘ เป็นเรื่องราวรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบ มีคำโคลงบรรยายแต่งขึ้นในรัชกาลที่ ๕ สลักบนแผ่นหินอ่อนติดอยู่ที่เสารอบพระระเบียง 

เริ่มห้องที่ ๑ ที่ประตูด้านทิศเหนือตรงข้ามกับพระวิหารยอด เรื่องดำเนินเวียนขวาไปเรื่อย ๆ ภาพก่อนเข้าสู่ห้องต่าง ๆ อยู่ตามซุ้มประตู มุขพระระเบียง เป็นเรื่องราวพระนารายณ์ปางต่าง ๆ ก่อนอวตารลงมาเป็นพระราม อีกจำนวน ๘๐ ภาพ

จากหนังสือ รามเกียรติ์กับจิตรกรรมฝาผนัง รอบพระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดย นิดดา หงษ์วิวัฒน์
Create Date :04 มีนาคม 2562 Last Update :4 มีนาคม 2562 15:18:13 น. Counter : 19643 Pageviews. Comments :34