bloggang.com mainmenu search





ฮัลโหลววว...กลับมาพบกับหมวดงานผมกันอีกแล้วSmiley
ยังคงอินอยู่กับแฮร์แคร์จากญี่ปุ่นที่ตอนนี้เข้ามาตีตลาดบ้านเราเยอะมากกก
โดยแบรนด์ที่จะมารีวิวให้ชมกันคือ Moist Diane : มอยส์ ไดแอน

ขอเม้านิดนึงว่าเค้าเคยใช้แบรนด์นี้ตอนไปพักบ้านเพื่อนที่ญี่ปุ่น
แอบจิ๊กของเพื่อนใช้ในห้องน้ำ...บ้าเหรอเค้าขออนุญาตแล้วนะ
เพื่อนบอกว่าทรีทเมนต์ยี่ห้อนี้คือที่สุด ใช้แล้วผมนุ่มลื่นมากไม่ลีบแบนด้วย
พอได้ลอง(ของเพื่อน)แล้วถึงกับเฮ้ยยยมันนุ่มลื่นจริงๆ
แต่
ชั่งใจไม่ซื้อกลับมาเพราะมีแต่ขวดใหญ่ 500ml นี่หล่ะ หนักเกินจะขน

จนกลับมาไทยทางแบรนด์ก็ติดต่อมานี่ถึงกับกรี้ด
เค้าบอกว่าบ้านเราก็มีขาย
ที่ Watsons, Tsuruha และ Matsukiyo
ซึ่งอยากจะส่งมาให้ทดลอง
เปิดกล่องพัสดุมาน้ำตาจิไหลส่งมาให้ลองทุกสูตรเลย



ที่มีจำหน่ายบ้านเราตอนนี้จะแบ่งเป็น 3 สูตร
มีทั้งแชมพู ทรีทเมนต์ และแฮร์มาส์ก

Volume & Scalp (สีแดง) สูตรสำหรับผมเส้นเล็ก ลีบแบน
และมีปัญหาหนังศีรษะ ช่วยให้ผมดูมีวอลลุ่ม สปริงตัวสวย

Moist & Shine (สีเหลือง) สูตรสำหรับผมแห้ง ชี้ฟู ให้ผมเงางาม จัดทรงง่าย

Extra Damage Repair (สีน้ำตาล) สูตรสำหรับผมแห้งเสียรุนแรง
ผมทำสี และผมที่ผ่านการทำเคมี ให้ผมนุ่มสวย

แชมพู ขนาด 500 ml ราคา 379 บาท
ทรีทเมนต์
ขนาด 500 ml ราคา 379 บาท
แฮร์มาส์ก ขนาด 200 g ราคา 399 บาท



โดยจุดขายเค้าคือมีส่วนผสมของออยล์หลายชนิดเป็นส่วนผสมหลัก
ตัวเด่นๆเลยที่เราคุ้นกันดีคือ Moroccan Argan Oil
น้ำมันที่ได้จากผลอาร์แกนที่ปลูกในโมรอคโค

และอีกตัวนึงคือ Baobab Oil สกัดได้จากต้นเบาบับที่มีถิ่นกำเนิดจากแอฟริกา
เป็นต้นไม้มหัศจรรย์ที่มีขนาดใหญ่และอายุยืนที่สุดในโลก

ออยล์ทั้งสองชนิดมีได้ชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผมรวมทั้งบำรุงผิวด้วย
ดั้งนั้นจึงสามารถพบได้ทั้งในแฮร์แคร์และสกินแคร์

โดยแชมพูของมอยส์ไดแอนจะเป็น Premium Oil Shampoo
ที่เป็น Silicone Free = ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน
ความต่างจากแชมพูทั่วไปก็คือส่วนผสมของออยล์จะเข้าไปดึงสิ่งสกปรก
และคราบมันได้อย่างล้ำลึก โดยยังคงความชุ่มชื่นให้
เส้นผมและหนังศีรษะ
เทียบง่ายๆหลักการก็เหมือนกับการใช้คลีนซิ่งออยล์ล้างเมคอัพนั่นแล

ส่วนการที่ไม่มีซิลิโคนก็จะลดการเกิดการอุดตัน
เพราะซิลิโคนใส่มาเพื่อเคลือบเส้นผมให้นุ่มลื่นทันทีหลังใช้
แต่เป็นการเคลือบแค่ภายนอกซึ่งจะล้างออกได้ยาก
จึงทำให้เกิดการอุดตันเส้นผมและหนังศีรษะได้
เป็นสาเหตุของของอาการผมร่วง หนังศีรษะมันและคัน
รวมถึงการเกิดสิวอุดตันที่กรอบหน้าด้วย



สูตรที่เค้าใช้คือสูตรสีน้ำตาล

Moist Diane Extra Damage Repair
ฟื้นฟูและบำรุงผมแห้งเสีย


คุณสมบัติตามคำเคลมคือช่วยเข้าไปปิดเกล็ดผมเส้นต่อเส้น
ลดปัญหาผมแห้ง ขาดง่าย แตกปลาย ให้กลับมาแข็งแรง
และมีส่วนผสมที่ช่วยเติมและกักเก็บความชุ่มชื่นให้เส้นผม
ด้วย Grape Seed Oil , Hyaluronic Acid 3 ชนิด และ Cactus Oil

ซึ่งไลน์นี้จะพิเศษตรงมี Hair Mask ด้วย
เป็นตัวบำรุงแบบเข้มข้นที่ทางแบรนด์แนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
โดยสามารถควบคู่กับแชมพูทรีทเมนต์สูตรอื่นได้



รายละเอียดส่วนผสม



สำหรับแชมพูและทรีทเมนต์มีให้เลือกขนาดเดียว
ขวดหัวปั๊มไซส์พี่บิ๊ก 500ml ราคา 379 บาท

[ มีขายที่ Watsons, Tsuruha และ Matsukiyo ฮะ ]



Moist Diane Extra Damage Repair Shampoo

ลักษณะเนื้อและกลิ่น : แชมพูสีเหลืองอำพันมีความข้นคล้ายน้ำผึ้ง
กลิ่นหอมสไตล์ฟลอรัล กลิ่นค่อนข้างชัด สระทีห้องน้ำหอมฟุ้งเลย
ขยี้ขึ้นฟองได้ง่าย ให้ฟองฟู แน่น และละเอียด
ทำความสะอาดคราบมันบนหนังศีรษะได้ดีวัดจากเค้าที่โคนผมมันง่ายนะ
แต่ต้องใช้เวลาในการล้างฟองออกสักนิดนึง โดยเฉพาะผมยาวแบบเค้า

หลังสระรู้สึกสะอาดดีแต่ผมจะฝืดๆนิดนึง
ไม่ได้นุ่มลื่นทันตาเหมือนแชมพูแบบมีซิลิโคนอ่านะ
ดังนั้นทางแบรนด์จึงแนะนำให้ใช้คู่กับทรีทเมนต์จ้า



Moist Diane Extra Damage Repair Hair Mask

ขนาด 200 g ราคา 399 บาท

บล็อคนี้จะบำรุงแบบขั้นสุดกันดังนั้นหลังสระผมเค้าจะตามด้วยแฮร์มาส์ก
ที่เน้นการเข้าไปช่วยปิดเกล็ดผม ซึ่งเค้าบอกว่าเข้มข้นกว่าทรีทเมนต์ถึง 4 เท่า
ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดของแอปเปิ้ล
กุหลาบบนเทือกเขาแอลป์ และโปรตีนจากน้ำผึ้ง



ลักษณะเนื้อและกลิ่น : แฮร์มาส์กสีเหลืองเนื้อข้นมากกก
เอาว่าบีบแล้วเกาะติดมือเป็นก้อน ไม่ไหล ไม่ร่วง ไม่หล่น
ด้วยความที่เนื้อข้นเลยจะใช้เวลาในการนวดๆลงบนผมนิดนึง
แฮร์มาส์กจะค่อยๆกระจายตัวและซึมเข้าไปในผม
กลิ่นหอมนวลๆ ให้กลิ่นชัดยิ่งกว่าตัวแชมพู
แอบคิดไปเองเปล่าไม่รู้กลิ่นคล้ายน้ำผึ้งมีความน่าหม่ำ555

เทคนิคการใช้
: หลังสระผมแนะนำให้ใช้ผ้าเช็ดผมจนหมาดก่อน
ค่อยลงแฮร์มาส์กจะช่วยให้ผมได้รับการบำรุงได้เต็มที่กว่าลงตอนผมเปียกๆ

หลังสระผมจะฝืดนิดหน่อยอย่างเพิ่งใจร้อนสางผม ผมเปียกจะขาดง่าย
ให้ใส่แฮร์มาส์กลงไปก่อน ค่อยๆนวดลงบนผมให้ทั่วบริเวณกลางถึงปลายผม
ผมจะลื่นและสางออกได้จนสุดปลายผมเลย

แชมพูไม่มีซิลิโคนก็จริงแต่ในทรีทเมนต์และแฮร์มาส์กก็ยังมี
ดังนั้นในขั้นตอนการบำรุงจึงแนะนำว่าไม่ควรลงที่โคนผมนะฮะ
ซิลิโคนจะได้ไม่ไปรบกวนหนังศีรษะให้เกิดการอุดตันค่ะ



ใครผมแห้งเสียมากหรือว่าพอมีเวลาอยากได้รับการบำรุงจัดเต็ม
สามารถใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาโพกทับหลังทำการมาส์กได้
ความอุ่นจะช่วยให้มาส์กซึมเข้าไปบำรุงผมได้ดีขึ้น
คล้ายๆกับเวลาเราไปอบไอน้ำตามร้านทำผมอ่านะ
แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง มาส์กทิ้งไว้นานประมาณ 5-7 นาที



แต่ใครขี้เกียจซักผ้าขนหนูแบบเค้ามีอีกเทคนิคมาฝาก
เป็นเคล็ดลับที่ได้มาจากร้านผมเช่นกัน
คือการใช้ Wrap ห่ออาหารมาพันไว้ ก็จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิได้เช่นกัน
อาจจะไม่อุ่นเท่าผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นแต่ไม่ต้องซักผ้าไง555

ซึ่งคนผมมันง่ายมากอย่างเค้าแนะนำให้ระวัง
อย่าให้ปลายผมที่ใส่ทรีมเมนต์หรือแฮร์มาส์กไปโดนโคนผม
โดยเฉพาะตรงด้านบนกลางหัวและรอบๆกรอบหน้าเพราะเป็นจุดที่มันง่ายเวอร์
ดังนั้นเวลาใส่มาส์กแล้วเค้าจะมวยผมไว้แค่ที่ท้ายทอยไม่ขมวดขึ้นไปโปะด้านบน
ส่วนใหญ่ถ้ามาส์กแบบนี้เค้าจะทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที



หลังจากลองใช้มาหลายรอบ
ส่วนตัวเค้าใช้แล้วรู้สึกว่าแฮร์มาส์กช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้น
คือไม่ค่อยขาดง่าย แต่ว่าไม่ค่อยนุ่มลื่นเท่าไหร่ ผมจะดูทื่อๆตรงๆ
หลังมาส์กเสร็จเค้าเลยชอบลงทับด้วย

Moist Diane Extra Damage Repair Treatment
นวดทับลงไปอีกรอบแล้วค่อยล้างน้ำออก
แค่นวดลงไปจะสัมผัสได้เลยว่ามันลื่นปรื้ดขึ้นจริงๆ

ลักษณะเนื้อและกลิ่น : ทรีทเมนส์สีเหลืองอำพันเหมือนกัน
แต่ปาดเนื้อเทียบกะแฮร์มาส์กเห็นชัดเลยในความข้นของเนื้อที่แตกต่าง
ทรีทเมนต์จะเนื้อลื่นกว่านวดซึมผมง่ายกว่า ใส่ปุ๊บลื่นปั๊บ ฟิลดีมากอ้ะชอบ
ตัวนี้แหละที่ไปจิ๊กของเพื่อนใช้ตอนไปญี่ปุ่น
กลิ่นก็โทนเดียวกันแต่เค้าว่าแฮร์มาส์กกลิ่นแอบบหอมกว่า



เทคนิคการดูแลเส้นผมเพิ่มเติม

---> หลังการสระผมควรใช้ผ้าขนหนูซับน้ำเบาๆ
ไม่ขยี้ผ้าถูไปมาบนผมเปียกเพราะผมจะขาดได้ง่าย

---> เมื่อผมเริ่มหมาดจึงค่อยสางผมด้วยหวี
แต่ควรเป็นหวีซี่ใหญ่ๆที่ใช้สำหรับสางผมเปียกโดยเฉพาะ
หวีจะได้ไม่กินผมและไม่ทำให้ผมขาด ค่อยๆสางไปทีละช่อ
โดยเริ่มสางที่ปลายผมก่อนแล้วค่อยๆไล่ขึ้นไปที่กลางและที่โคน
ผมที่ใส่มาส์กหรือทรีทเมนต์จะสางออกได้ไม่ยาก

---> การเป่าแห้งถ้าใช้ไดร์ใหญ่กำลังวัตต์สูง
จากประสบการณ์ผมจะแห้งไวและเรียงเส้นสวยกว่า
โดยควรถือไดร์คว่ำลงให้แรงลมเป่าลงในทิศทางตามเกล็ดผม
ผมจะเรียบและทิ้งตัวไม่ชี้ฟูเหมือนการเป่าไปมั่วๆแค่ให้ทั่ว



BEFORE & AFTER

บอกก่อนว่าผมบีฟอร์เค้าคือผมที่ผ่านการทำสีแบบเต็มสตรีม
ทั้งฟองสีย้อมสีมาหลายสิบครั้งนับไม่ถ้วน
ในภาพคือมีการม้วนปลายผมเบาๆ
และผ่านการมัดผมต่อเนื่องมาสองวันผมจึงเป็นรอย

ส่วนอาฟเตอร์คือสระผมด้วยแชมพูตามด้วยแฮร์มาส์กและทรีทเมนต์
แล้วทำการเป่าแห้งด้วยไดร์ โดยไม่ได้ใช้หวีแปรงในการไดร์ผมให้ตรงแต่อย่างใด
ซึ่งผมเค้าเป็นผมตรงธรรมชาติอยู่แล้วไม่ได้ผ่านการยืดผมฮะ

ถ้ามองด้วยตาเปล่าความต่างที่เห็นได้ชัดเลย
คือเรื่องความทิ้งตัวและการเรียงเส้น
ผมดูตร๊ง ตรง และช่วงโคนถึงกลางๆผมขึ้นเงาแบบวิ้งวับเลย
แต่ส่วนปลายที่แห้งเสียมากจากการทำสีอันนี้ก็เข้าใจ
ไม่มีทางกลับมาเท่าผมเดิมอยู่แล้ว ต้องค่อยๆเล็มทิ้งกันไปอ่านะ

แต่ที่เค้าชอบและสัมผัสได้เองจริงๆก็คือเรื่องความนุ่มและลื่น
ลูบไปแล้วคือแบบเฮ้ยผมมันลื่นขึ้นจริงไม่ค่อยพันกันด้วย
ซึ่งข้อนี้ต้องไปลองกันเองเนอะ ถึงจะบอกได้ว่ารู้สึกเหมือนกันเปล่าSmiley



ซูมชัดๆอีกทีความขึ้นเงาและเรียงเส้นชัดเจนมากจริงๆ
แต่ก็เหมือนเดิมช่วงปลายผมที่ผ่านสมรภูมิมาโชกโชนก็ต้องเล็มทิ้งหล่ะ
ส่วนตัวเค้าให้ช่างเล็มออกเรื่อยๆทีละประมาณ 1-2 นิ้ว
แต่ช่วงนี้วุ่นๆเลยยังไม่ได้แวะไปเล็มปลายผมเลย
สภาพจึงเป็นอย่างที่เห็นอ่านะ แหะๆ



สรุปโดยรวมสำหรับ Moist Diane Extra Damage Repair
เซ็ตนี้เหมาะสุดสำหรับคนผมแห้งเสียที่ผ่านการทำเคมีมาเยอะๆแบบเค้า
ช่วยกู้สภาพผมที่มีความแห้งสากให้นุ่มลื่นขึ้นได้จริง รู้สึกทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
แต่ส่วนปลายผมที่แห้งมากๆก็นุ่มขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่ได้หายแห้งทั้งหมด
ดังนั้นถ้าอยากกู้ผมจริงๆก็ควรเล็มปลายผมทิ้งและพักการทำเคมีบ้างอะไรบ้าง

เทียบขนาดและราคาถือว่าโอเคเลยไม่ได้แพง ขวดนึงใช้ได้นานจนลืม
แต่ไม่สะดวกเลยสำหรับการพกพา ต้องกรอกแบ่งใส่ขวดเล็กอ่านะ



เทียบทั้งหมด 3 ชิ้นในไลน์นี้
เค้าขอยกให้
Moist Diane Extra Damage Repair Treatment
เป็นไอเท็มที่โดนใจเจ้ที่สุด!
ใช้ดีจริงไรจริง เป็นชิ้นที่ลองครั้งแรกแล้วหลงรักเลย Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by Moist Diane
***All opinions are my own

Create Date :18 มีนาคม 2560 Last Update :24 มีนาคม 2560 2:00:27 น. Counter : 29370 Pageviews. Comments :0