bloggang.com mainmenu search


กลุ่มต่อต้าน (Tamarrud) และสื่อตะวันตกได้พยายามฉายภาพให้เห็นว่า
 IM ต้องการรวบอำนาจ และมีแผนทำให้อิยิปต์ทั้งประเทศกลายเป็นIM 
ด้วยการคุมตำแหน่งสำคัญทางราชการ พวกเขาได้เชื่อมโยงว่า
 IM ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเกือบ 52% กุมเสียงข้างมากในสภาชูรอ 
ชี้นำสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่งตั้งคนของตนเองเป็นปธน.
 ใจแคบและไม่เป็นกลาง

นับเป็นข้อกล่าวหาที่แปลกประหลาดมากในการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย 
พวกเขาลืมไปว่ามุรซีย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่ใสสะอาดตามครรลองประชาธิปไตยทุกประการ

พรรคที่ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ 
ไม่สมควรทำตามสัญญาประชาคมกระนั้นหรือ

หรือคำว่าประชาธิปไตยที่พวกเขาเรียกร้องและเชิดชู 
ได้ถูกฝังกลบเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่อิยิปต์ ชาวอิยิปต์ไม่สมควรได้รับไออุ่นของประชาธิปไตยบ้างเลยหรือ
 ประชาธิปไตยเป็นเพียงวาทกรรมแห่งการหลอกลวงปลิ้นปล้อนเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนบนคราบน้ำตา
 ความเดือดร้อนและการทำลายศักดิ์ศรีคุณค่าของมนุษย์ใช่ไหม

นับเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยมากๆ เพราะหากดูจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด
ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ทั่วประเทศยุคมุรซีย์แล้ว 
ปรากฏว่ามีสมาชิก IM เพียง 35 % เท่านั้น ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้

ส่วนด้านการบริหารราชการแผ่นดิน สมาชิก IM เพียง 100 คนเท่านั้น
ที่ได้รับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง และที่สำคัญ ในจำนวนรายชื่อคณะรมต.
ของมุรซีย์ มีสมาชิก IM เพียง 4 คนเท่านั้นที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี 
แม้แต่ตำแหน่งนายกรมต.ก็มอบหมายให้แก่ Hesham Qindil ซึ่งเขาไม่ใช่เป็นสมาชิก IM

สำหรับข้อกล่าวหาว่า มุรซีย์ใจแคบ เลือกพวกเดียวกันและปิดกั้นโอกาสคนอื่น พวกเขาคงลืมไปแล้วว่า ช่วงของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ 
มุรซีย์ได้พยายามต่อสายกับ นายฮัมดี สาบาฮีน และนายบาราดีอีย์เพื่อทาบทามทั้งสองให้รับตำแนแหน่งรองปธน. 
แต่ทั้งสองได้ปฏิเสสธอย่างไม่มีเยื่อใย ที่น่าขำก็คือหลังจากปฏิเสธจับมือที่มุรซีย์ยื่นมา นายฮัมดี ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
 มุรซีย์และ IM ต้องการฮุบอำนาจไว้แก่พรรคตนเองเพียงฝ่ายเดียว

แม้แต่สภาที่ปรึกษาปธน. มุรซีย์ยังแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายพรรค
ทั้งสะละฟีย์ เสรีนิยม คริสเตียนและแซคิวล่าร์

แต่น่าเสียดายที่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ตอบรับ และอีกหลายคนกลับปฏิเสธ
อย่างไม่มีเหตุผลพร้อมตั้งครหาว่ามุรซีย์บ้าอำนาจ

ส่วนพรรคเอียงซ้าย ก็ประเคนข้อครหาใส่มุรซีย์ว่านิยมอเมริกา
 หัวเสรีนิยม และใฝ่แนวคิดทุนนิยม
แม้กระทั่งการสนิทสนมกับกลุ่มทุนและนักธุรกิจบางกลุ่ม 
ก็ยังไม่วายโดนกล่าวหาเป็นอิสลามเสรีนิยม (Islamis Neo - Liberal)

มุรซีย์เคยนำคณะเยี่ยมประเทศรัสเซีย จีนและบราซิล 
เพื่อเชิญชวนนักลงทุนมากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศก็ยังถูกมองว่าใฝ่สังคมนิยมไปเสียฉิบ
ครั้นเข้าร่วมประชุมสุดยอดประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่กรุงเตหะราน 
ก็โดนกระแนะกระแหนว่ามีหัวใจใฝีอะฮฺไปเสียแล้ว

ตกลงมาตรฐานของผู้นำประเทศอิสลามคือประกาศสงครามกับอเมริกา 
ตัดความสัมพันธ์กับรัสเซีย จีน และปิดประเทศไม่สมคบกับบรรดามิตรประเทศอื่นๆบนโลกนี้กระนั้นหรือ

การเจริญสัมพันธ์กับมิตรประเทศถึงแม้ไม่ใช่เป็นประเทศอิสลาม 
ถือเป็นธรรมเนียมทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่
นบีมุฮัมมัดและบรรดาเคาะลีฟะฮรอชิดีนได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างอยู่แล้ว 
มันเป็นเรื่องการจัดการบริหารประเทศที่มอบให้เป็นดุลยพินิจของผู้นำ
ที่ต้องตัดสินใจ และคงไม่มีบทบัญญัติทั้งกุรอานหรือซุนนะฮฺบทไหนที่ระบุว่าประเทศไหนควรเจริญสัมพันธ์และประเทศไหนควรตัดสัมพันธ์ไมตรี ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่อยู่ที่ว่าเป็นความสัมพันธ์ประเภทไหน ระดับไหน
 และสร้างผลดีผลเสียต่อประเทศชาติมากน้อยเพียงใดต่างหาก

พวกเขาคงลืมไปว่านายบาราดิอีย์คนนี้ ซึ่งรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ประจำปี 2548 ในฐานะ ผอ.สนง.พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศที่อยู่ภายใต้อุปถัมภ์ของสหประชาชาติคือใคร และมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ
อเมริกามากน้อยแค่ไหน เงินทุนเพื่อใช้ในการล้มล้างรัฐบาลมุรซีรย์ส่วงหนึ่งเขาได้รับมาจากไหนบ้าง

แล้วด้วยความชอบธรรมอันใดที่กลุ่มเอียงซ้ายจับมือกับบรรดาพันธมิตรเพื่อโค่นล้มรัฐบาลมุรซีย์

กลุ่มต่อต้าน ได้ยกข้ออ้างประการหนึ่ง ว่ารัฐบาลมุรซีย์กีดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะสื่อ

การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อนักจัดรายการโทรทัศน์ชื่อ Bassam Yusuf และ Taufiq Ukasya ที่ดูหมิ่นท่านมุรซีย์ ดูถูกชะรีอะฮฺ ใส่ร้ายอุละมาอฺและทำเรื่องศาสนากลายเป็นเรื่องตลกขบขันกลายเป็นประเด็นข้ออ้างของกลุ่มต่อต้านที่มองว่ารัฐบาลมุรซีย์พยายามกีดกันสื่อ

เป็นที่น่าแปลกที่ตลอดระยะเวลา 1 ปีของการเป็นผู้นำสูงสุดในอิยิปต์ มุรซีย์ไม่เคยสั่งปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ฉบับไหนเลย ทั้งๆที่ท่านถูกใส่ร้ายป้ายสี วิพากษ์วิจารณ์ เยาะเย้ยถากถางจากสื่อไร้จรรยาบรรรณเหล่านี้ไม่เว้นในแต่ละวัน

ความใจกว้างของมุรซีย์ต่อสื่อที่เป็นปฏิปักษ์ท่านและการให้เสรีภาพสื่อในระดับนี้ กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อตะวันตกแม้แต่น้อย หรือแม้กระทั่งองค์กรที่ต่อสู้ด้านเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนก็ตาม

ภายใต้การนำของมุรซีย์ ไม่มีนักข่าวคนไหน บรรณาธิการข่าวสำนักใดที่ถูกจับกุมหรือถูกทำร้ายแม้แต่คนเดียว

สำหรับนาย Bussam Yusuf และ Taufiq Ukasya ทั้ง 2 คนนี้ ถูกฟ้องร้องตามกระบวนการยุติธรรม และทั้ง 2 มีโอกาสต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป

เป็นคดีที่ชวนให้เรานึกถึงสมัยท่านอะลี หนึ่งในเคาะลิฟะฮฺอัรรอชิดีนที่ท่านถูกกล่าวหาจากยิวคนหนึ่ง แทนที่จะใช้อำนาจความเป็นเคาะลิฟะฮฺจัดการกับชายคนนี้ ท่านไปฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมให้ตัดสินข้อพิพาทนี้ และท่านแพ้คดีความเนื่องจากหลักฐานไม่แน่นพอ

ทั้งๆที่หลังก่อรัฐประหารเมื่อ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ที่นิยม IM 
ทุกแห่งถูกปิด แม้กระทั่งทีวีอัลญะซีราห์ และทีวีสะละฟีย์ก็ยังโดนปิดตาย 
นักข่าวหลายคนถูกจับ บางคนถูกอุ้มฆ่าปิดปาก อิยิปต์กลับเข้าสู่วงจรอุบาทว์
และถอยหลังเข้าคลองสู่ยุคเผด็จการนัสเซอร์ในอดีตอีกครั้ง

มุรซีย์และ IM ถูกยัดเยียดข้อครหาว่าคลั่งศาสนา 
ปกครองประเทศตามหลักชะรีอะฮฺที่เคร่งครัด สร้างความแตกแยกระหว่างศาสนาโดยเฉพาะคริสต์

ในขณะที่นักวิชาการอิสลามกลุ่มหนึ่งตั้งข้อหาอันร้ายกาจต่อมุรซีย์และ IM ว่าเป็นกลุ่มที่มีอะกีดะฮฺที่ผิดเพี้ยน 
ไม่อยู่ในสารบบของหลักอะกีดะฮฺอัฮลิสซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ 
เป็นกลุ่มที่หลงผิดและเชิญชวนคนอื่นให้หลงผิดตามไปด้วย 
การได้มาซึ่งอำนาจของมุรซีย์ถือเป็นโมฆะ เพราะไปล้มล้างรัฐบาลเก่า 
ซึ่งในอิสลามไม่อนุญาตให้ปฏิปักษ์ต่อผู้ปกครองไม่ว่าในกรณีใดๆ ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเห็นว่าชีวิตที่เสียไปเป็นพันๆ คนจากการสลายผู้ชุมนุมที่ผ่านมา เป็นการตายฟรีที่ไม่มีคุณค่าใดๆ ณ อัลลอฮฺ เพราะการเสียชีวิตจากหลักการที่ผิดเพี้ยนก็ถือเป็นการผิดเพี้ยนตามไปด้วย พร้อมทั้งชี้หน้ามายังมุรซีย์และ IM 
ว่าเป็นผู้ฆ่าประชาชน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของการเผาบ้านเผาเมืองในครั้งนี้

ตกลงมุรซีย์และ IM คือ ผู้ก่อการร้ายในทุกมุมมอง ไม่พ้นแม้กระทั่งในมุมมองของกลุ่มผู้ที่ยึดมั่นในกิตาบและซุนนะฮฺด้วยกันเอง

ประเทศอิสลามที่อ้างเจริญรอยตามกุรอานและซุนนะฮฺทุกกระเบียดนิ้ว 
และเป็นต้นแบบของการทำความดีและเผยแผ่อิสลามไปทั่วทุกมุมโลก 
ก็ยังต้องจับมือร่วมกับประเทศมหาอำนาจ ยิว ชีอะฮฺ คริสเตียน แซคิวล่าร์เพื่อโค่นล้มรัฐบาลอิสลามที่กำลังหัดเดินอย่างเตาะแตะนี้

มุรซีย์จึงกลายเป็นอวัยวะที่ยังเป็นปกติสมบูรณ์ของร่างกาย แต่กลับถูกเฉือนทิ้งต่อหน้าต่อตาอย่างไม่มีเยื่อใย
ในขณะที่ซีซีย์คือมะเร็งร้ายที่กำลังลุกลามอย่างบ้าคลั่ง และสร้างอันตรายแก่อวัยวะส่วนอื่นมากมายขณะนี้ แต่กลับถูกรักษา อุ้มชู สนับสนุน ปกป้องอย่างทะนุถนอม

นี่หรือประชาชาติเรือนร่างเดียวกัน

กล่าวกันว่า มุรซีย์ไม่สามารถสร้างอิยิปต์ให้เหมือนตุรกี ทั้งๆที่มีเวลาบริหารประเทศตั้ง 1 ปี
แต่ซีซีย์สามารถเสกอิยิปต์ให้กลายเป็นซีเรียภายในพริบตา

โปรดติดตามตอนต่อไปครับ (จากอิสลาโมโฟเบียสู่อิควาโนโฟเบีย)


อ้างอิง
บทความภาษามลายูเขียนโดย
Dr. maszlee Malik
จาก fb : Mesir Kini
แปลสรุป โดย อ.มัสลัน มาหะมะ


Create Date :28 สิงหาคม 2556 Last Update :29 สิงหาคม 2556 13:36:06 น. Counter : 3450 Pageviews. Comments :2