bloggang.com mainmenu search
"ตั้งวง (TangWong)"
หนังเรื่องล่าสุดของ 
"คงเดชจาตุรันต์รัศมี"

สำหรับ คงเดชจาตุรันต์รัศมี ในวงการบันเทิงก็ผ่านงานมาหลากหลาย ทั้งดนตรีและภาพยนตร์หลังจากวงสี่เต่าเธอ ก็เริ่มมีผลงานกำกับภาพยนตร์ครั้งเเรก จาก เรื่อง สยิว เเละเรื่องที่สอง เฉิ่ม กับ บริษัทสหมงคลฟิลม์ รวมถึง กอด กับบริษัท จีทีเอสโดยภาพยนตร์ทั้งสามเรื่องได้รับการตอบรับอย่างดี เเละได้รับรางวัลมากมายทั้งจากในเเละต่างประเทศ นอกจากนี้ คงเดชยังถือเป็นมือเขียนบทภาพยนตร์ชั้นนาของไทย ผลงานบทภาพยนตร์ของเขาอาทิเช่นเดอะเลตเตอร์ จดหมายรัก, ต้มยากุ้ง, หนูหิ่น เดอะมู่ฟวี่ เเละ Me My Self ขอให้รักจงเจริญหรือ ล่าสุดกับ แต่เพียงผู้เดียว หรือการเขียนบทใน The Last Summer ฤดูร้อนนั้นฉันตาย

“ตั้งวง”ก็เป็นหนังอีกหนึ่งโปรเจ็กต์น่าสนใจ ของ “คงเดช” เป็นโปรเจ็กต์ความร่วมมือของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และ บริษัท นอร์ธ สตาร์ โปรดักชั่นจำกัด โดยพิธีกร นักแสดงสาวสวย "ติ๊ก-กัญญารัตน์ จิรรัชกิจ กำกับและเขียนบทโดย คงเดช จาตุรีนต์รัศมี มีนักแสดงหน้าใหม่เข้าร่วมแสดงใน "ตั้งวง" ก็มี  สมภพ สิทธิอาจารย์,สิริภัทร คูหาวิชานันท์,ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์,อนุวัช พัฒนวณิชกุล,ณัฐรัฐ เลขา "ตั้งวง" เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 29 สิงหาคม 2556


“คงเดช” ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของ“ตั้งวง” ว่า

“ช่วงที่กำลังทำเรื่อง“แต่เพียงผู้เดียว” ตอนนั้นก็ได้โทรศัพท์จากคุณปุ๊ก(พันธุ์ธมม์ทองสังข์)เขามีโปรเจ็กต์จากกระทรวงวัฒนธรรม คือสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเขาบอกว่าเขาอยากให้คนทำหนังทั้งหลายเนี่ยให้ลองเขียนบทที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยกันดูซึ่งก็ติดต่อกันหลายคน มีผม มีพี่สืบ บุญส่ง มีจุ๊ อาทิตย์ มีพี่พิมพ์ผกามีหลายคนเลย ต่างคนก็ต่างเขียนเข้าไปวัฒนธรรมในแบบของตัวเอง บางคนทำเรื่องปลูกข้าวบางคนทำเรื่องผ้าทอ แต่สำหรับผมกลับมีคำถามอีกแบบหนึ่งว่า วัฒนธรรมไทยมันคืออะไรเสร็จปุ๊บ ผมก็เขียนเรื่อง ตั้งวง ส่งไปซึ่งเขาก็ชอบกันซึ่งผมก็คิดว่าจะจบแค่นั้นไม่คิดว่าจะถูกเอามาสร้าง ในช่วงถ่าย“แต่เพียงผู้เดียว” เสร็จ ก็มีโทรศัพท์จากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยว่าถ้าเอาบทอันนี้มาสร้างเป็นหนังได้ไหม เขามีงบประมาณจำนวนหนึ่งมาให้ซึ่งเราดูแล้วงบประมาณมันไม่พอเท่าไหร่ แต่โอเคลองทำดูก็ได้เราก็เลยมาเริ่มต้นโปรเจ็กต์กันเหมือนกับว่าเรามีเงินก้อนแรกจาก สสร.(สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย)แล้วเราก็ไปวิ่งหาตังค์เพิ่มสไตล์แบบหนังอินดี้ ก็มาได้บริษัท นอร์ธ สตาร์ของคุณติ๊ก(กัญญารัตน์ จิรรัชกิจ)มาจอยอีก คือทางนอร์ธสตาร์ ดำลังมองหาโปรเจ็กต์อยากมีส่วนกับการทำหนังใหญ่ดูบ้าง แล้วติ๊กเขาก็สนใจก็มานั่งคุยกันว่าเรามีโปรเจ็กต์นี้ กำลังเริ่มถ่ายทำแล้ว เขาอ่านบทเขาก็ชอบกันแล้วเขาก็ชอบ แต่เพียงผู้เดียวด้วย ก็ทำให้เรามีทุนทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมาได้”

ทำให้หนัง”ตั้งวง”ไม่ได้เป็นหนังอินดี้

“ก็ยังเป็นหนังอินดี้อยู่คือเราสามารถทำหนังได้ ในราคาไม่แพง ให้ออกมาโอเค ดูดีได้ ก็เป็นความถนัดด้วยแหล่ะเพราะถ้าไปทำในระบบสตูดิโอแบบจริงจัง มันก็จะมีค่าโสหุ้ยอื่นๆเยอะพอเราทำมาพักหนึ่งเราก็รู้วิธีที่จะประหยัดเพื่อให้ได้งานที่ดีออกมาเพราะหนังผมก็เน้นเนื้อหามากกว่าโปรดักชั่น ซีจีอยู่แล้ว”


พูดถึง “ตั้งวง”ประเด็นของหนัง ที่มาที่ไปของเรื่องนี้

“พอให้เขียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมเอาเข้าจริง ผมอายุขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่าอะไรคือวัฒนธรรมไทยมันจะบอกว่าการรำหรือว่าวัดวาอารามอะไรอย่างเนี่ย เราก็มีคำถามขึ้นมาว่าถ้าเราจะส่งเสริมเรื่องวัฒนธรรมไทยในแบบเดิมๆเนี่ยเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่มันแคร์กันขนาดไหน ผมไม่คิดว่าวัยรุ่นมันจะแคร์ ก็เลบตั้งคำถามว่าจริงๆแล้ววัฒนธรรมไทยมันคืออะไรทุกวันนี้เส้นแบ่งคำว่าวัฒนธรรมไทยมันพร่าเลือนไปแล้วคือเด็กเต้น coverผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว ของเกาหลีแท้ๆผมก็รู้สึกว่าน่าสนใจ พอผมขับรถไปหยุดไฟแดงผมก็รู้สึกว่ามีเด็กมาขายพวงมาลัยผมรู้สึกว่าพวงมาลัย มันเป็นวัฒนธรรมไทยแน่ๆเลยแต่เด็กขายพวงมาลัยนี่ก็วัฒนธรรมไทย

ผมก็รู้สึกว่าเออ คำถามนี่มันน่าสนใจคือทุกอย่างมันมาเป็นแพ็คเกจ มันมีด้านที่สวยงามแต่ก็มีด้านที่ผู้ใหญ่อาจจะไม่ชอบนักแล้วเราจะดีลกับอนาคตของประเทศยังไง ผมก็เลยเริ่มเขียนจากตรงนั้นแล้วตัดสินใจตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าต้องเป็นหนังวัยรุ่น เป็นเด็กมัธยมที่มันยังไม่เซ็ตตัวเองแต่ละคนก็มีสิ่งที่ตัวเองสนใจตามแบบที่โลกปัจจุบันนี้มันเป็น มีทั้งเด็กเรียนมีเด็กที่อยากเต้น Cover เพลงเกาหลีชีวิตสนใจแต่เรื่องความรัก มีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกันออกไปแต่ว่ามั้งหมดทั้งปวงนี่ไม่มีใครเลยที่จะมานั่วตั้งคำถามว่าวัฒนธรรมไทยคืออะไร แต่ว่ามีบางอย่างที่น่าสนใจคือ ไอ้เรื่องความเชื่อของคนไทยเนี่ยคือผมคิดว่าอันนี้เป็นเรื่องที่น่าเล่นมากแล้วมันย้อนแย้งในตัวเองมากไม่ว่าจะเป็นคนโมเดิร์นแล้วมีความคิดสมัยใหม่แค่ไหน แต่พออยู่ในประเทศนี้ปุ๊บเราเจอปัญหาที่เราไม่รู้จะหาทางออกยังไงเราจะวิ่งไปหาสิ่งที่เป็นไสยศาสตร์ ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ แต่คว้าไว้ก่อนเพื่อช่วยให้เราสบายใจขึ้น

ผมมีเพื่อนที่โมเดิร์นมากแต่ดูหมอดูประจำเลยขณะที่ผมไม่เคยดูเลย แต่เวลาไหว้อากงอาม่า ไหว้สารท ตรุษ ทั้งหลายเนี่ยผมขอนานมากเลย เพราะว่าขอให้ชีวิตมันโอเคเราก็รู้ว่ามันไม่เกี่ยว แต่ว่าเราทำผมก็รู้สึกว่าถ้าเด็กพวกนี้เด็กที่เติบโตมาในโลกสมัยใหม่ เวลามันเจอปัญหาไม่รู้จะแก้ยังไง ผู้ใหญ่ก็พึ่งอะไรไม่ได้มันก็ต้องวิ่งเข้าสิ่งที่ช่วยให้มันสบายใจได้ มันก็ไปบน บนเสร็จปุ๊บไม่มีใครเชื่อเลยสักคน แล้งบังเอิญมันได้สิ่งที่มันอยากได้ พอได้สิ่งที่มันอยากได้มันก็ต้องแก้บนไง แล้วมันก็ต้องทำทั้งๆที่มันไม่มีสิ่งที่เป็นความเชื่อหรือความศรัทธาในหัวมันเลยแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”


หนังเรื่องนี้เป็นแนวไหนแล้วเรื่องนี้ดูยาก เข้าใจยากไหม

“หนังดูไม่ยากไม่เหมือน แต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้เป็น Comedy Drama มันเป็นหนังวัยรุ่น แล้วมันก็เป็นหนังตลกด้วย เป็นเหมือนกลุ่ม Underdogsที่มี Mission ที่เป็นภารกิจโหล่ยโท่ยแต่ถึงจุดหนึ่งจะมีความขัดแย้งบางอย่างทั้งขัดแย้งกันเองและขัดแย้งในใจในความรู้สึกของมันก็จะพาไปสู่ดราม่าทีจะทิ้งคำถามบางอย่างให้กับคนดูหนังเรื่องนี้comedy จะมาตามสถานการณ์ตัวละคร ไม่ใช่แบบยิงมุกอะไรแบบคาเฟ่ ไม่ใช่อย่างนั้นอย่างตัวละคร 2 ตัวมันไปบนเพื่อให้มันชนะแข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์เป็นตัวแทนโรงเรียน โดนกดดันจากครู สิ่งที่มันตอบคือปัญหาวิทยาศาสตร์แต่มันจะแพ้แน่ๆถ้าไม่บน ก็ไปบน มันก็ย้อนแย้งกันเอง พอมันได้มันก็ไม่คิดจะแก้บนด้วยซ้ำไป แต่ว่าคนเรามันมีความย้อนแย้งตลอดเวลา สมมุติเราเห็นเด็กสอบเอ็นทรานส์ ไปเข้าคอร์สเปปทีน แบรนด์ จูเนียร์ แต่ในที่สุดก็ไปบนเราเห็นหนังที่ประสบความสำเร็จเป็นพันล้านก็ยังมีการแก้บนผมก็เลยรู้สึกว่าในที่สุดสิ่งนี้มันจะอยู่กับเมืองไทยตลอดไป ไม่ว่าเราจะมีรถไฟฟ้ากี่สายก็ตามจะความเร็วสูงขนาดไหน แต่ความย้อนแย้งมันจะยังอยู่กับเมืองไทยตลอดไป”


ทำไมตั้งชื่อหนังว่า“ตั้งวง”

“ผมคิดว่า ตั้งวงเป็นคำที่น่าสนใจนะ เป็นชื่อที่ส่งไปตั้งแต่ สสร.เลยล่ะ แล้ว อ.กิตติศักดิ์ที่เป็นหนึ่งในกรรมการเขาก็บอกเขาชอบชื่อนี้มาก คำว่า ตั้งวง มันเป็นชื่อของท่าพอพูดคำว่า ตั้งวง คนคิดไปร้อยแปดเลย วงเหล้า วงไพ่ แต่ ตั้งวง จริงๆเป็นท่าเตรียม ท่าเบสิคพื้นฐานผมมองว่าตัวละครกลุ่มนี้เป็นวัยรุ่น คำว่าตั้งวงเหมือนการพรีแพร์ เตรียมพร้อมแล้วเราก็เหมือนตั้งคำถามผ่านเด็กพวกนี้อยู่แล้วเด็กพวกนี้พร้อมกับโลกความเป็นจริงข้างหน้าหรือยัง ตั้งวงแปลเป็นภาษาฝรั่งก็คือ prepareการเตรียมพร้อม”

ความยากง่ายการทำเรื่องนี้เพราะนักแสดงหน้าใหม่หมด

“เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมาก1.ผมดีลกับนักแสดงที่ไม่เคยผ่านงานแสดงจริงๆมาก่อนเลย ใน แต่เพียงผู้เดียว พี่เล็กก็ยังเป็นศิลปิน ก็รู้ว่าการ perform จะเป็นยังไงแต่เรื่องนี้เป็นเด็กที่ไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนเลย แล้วมันก็สดมากเจอตามถนนก็คว้ามาลองแคสดู ซึ่งเราแคสเยอะมากแล้วในที่สุดพอได้ 4คนนี้มาผมก็เปลี่ยนชื่อตัวละครให้เป็นชื่อเด็กพวกนี้จริงๆเลย แล้วมีการปรับคาแร็กเตอร์นิดๆให้ตรงๆกับตัวจริงของเด็กเพราะเราอยากได้ธรรมชาติของเด็กแต่ทุกคนก็เล่นกันดีมากเลย สนุกเป็นธรรมชาติมาก อยากเด็กเนิร์ด 2คนที่เป็นคู่ซี้กัน ตอนที่หาเราก็หาหลายคนมาได้แต่ว่าเจอคู่นี้มันเป็นเพื่อนกันจริงๆแล้วเราก็ชอบคาแร็กเตอร์เวลาที่มันอยู่ด้วยกันทะเลาะกัน ด่ากันตลอดเวลา ซึ่งดี เพราะเราไม่สามารถเขียนให้เป็นธรรมชาติขนาดนี้ได้เราเลือกมาแบบแพ็คเกจคู่”

คาดหวังไว้ขนาดไหนกับเรื่องนี้

“ณตอนนี้ผมคิดว่าอุตสาหกรรมหนังมันเริ่มเปิดกว้างขึ้นตั้งแต่ปี ที่แล้วหนังที่เป็นอินดี้หรือหนังทางเลือกมันเริ่มหาที่ทางของตัวเองได้ส่วนหนังสตูดิโอมันก็ถูกทำแบบที่เป็นสตูดิโอไปแต่คนดูรู้แล้วว่ามันมีที่ทางของหนังประเภทอื่นๆเกิดขึ้นแล้วผมคิดว่าเรื่องนี้มันเวิร์คกว่าเรื่องอื่นๆคือมันดูง่าย แล้วก็มีความสดมีความร่วมสมัยอยู่สูง มันมีเนื้อหาที่แน่นพอที่ทำให้คนดูเดินออกจากโรงไปแบบมันไม่เบาโหวงแบบหนังฮาอย่างเดียวแต่ก็เป็นหนัง Indipendent ที่เป็นทางเลือกใหม่แล้วก็ดูไม่ยากสำหรับคนที่ดูหนังอินดี้แล้วบอกว่าดูยากผมว่าเรื่องนี้ดูง่ายกว่าหนังสตูดิโอบางเรื่องอีก แต่เนื้อก็แน่นมากเหมือนกันขณะเดียวกันคนที่ดูแต่หนังสตูดิโอเรื่องนี้เขาก็จะได้ทางเลือกใหม่ๆเพิ่มขึ้นทำให้เราตัดสินใจฉายเรื่องนี้ในจำนวนก็อปปี้ที่มากกว่าหนัง Indipendent ปกติ ไม่น่าต่ำกว่า 20 ก็อปสำหรับคนดูแล้วเราเองก็ต้องหาสิ่งใหม่ๆให้เขาเหมือนกันไม่ใช่พอเป็นหนังไทยปุ๊บก็มีแต่เดิมๆเท่านี้ พอเขาได้ดูแล้วไม่ได้ดูยาก สนุกแล้วให้อะไรเยอะมีคำถามบ้างออกมา ทำให้คนไทยมีภูมิต้านทานดีขึ้นดูหนังมีทางเลือกมากขึ้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ใครก็ดูได้มันเหมือนเป็นหนังตลกเรื่องหนึ่ง เป็นหนังตลกอีกแบบหนึ่งมีเนื้อหาที่ทำให้เราฉุกคิดอะไรได้บางอย่างความสนุกมาพร้อมสาระในแบบที่บาลานซ์พอดี อยากให้ทุกคนไปลองกัน”


การเกิดขึ้นของ“ตั้งวง” เป็นการร่วมมือของหลายๆฝ่าย นอกจาก สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยกระทรวงวัฒนธรรม แล้วก็ยังมี บริษัท นอร์ธสตาร์ โปรดักชั่น จำกัด ของ ติ๊ก-กัญญารัตนฺ์ จิรรัชกิจ ดาราสาว พิธีกรที่หลายคนคุ้นเคยจากรายการเซน์ไฮ!ทางช่อง 3 แต่วันนี้เธอกับ ตั้งวง เธอเป็น ผู้อำนวยการสร้าง(Executive Producer)เธอบอกว่า

“คือได้ทำรายการแล้ว(เซย์ไฮ!(Say Hi! ทางช่อง 3) ก็อยากทำละครแต่ระหว่างที่ละครยังไม่ผ่านเนี่ย ในช่วงที่เรายังต้องหาประสบการณ์ในการเป็นผู้จดละครมือใหม่ๆอย่างเราเราก็รู้สึกว่า หรือเขายังดูเราไม่ออก ก็คุยกับพวกพี่ๆ เราลองทำหนังกันไหม แต่หนังที่ติ๊กอยากทำเนี่ยอาจจะไม่ใช่หนังแบบแมส เพราะติ๊กคงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นติ๊กอยากได้หนังที่ดูง่ายแต่ขายได้ แล้วก็อยากได้รางวัล นี่คือโจทย์หลัก แล้วเราจะทำอะไรกันดี นี่คือโจทย์ของติ๊กแล้วตอนนั้นกระทรวงวัฒนธรรมมีโปรเจ็กต์หนังที่ส่อถึงความเป็นไทยเพื่อให้ทั่วโลกได้รู้จัก เราก็คิดถึงความเป็นไทยเพื่อถ่ายทอดให้ทั่วโลกได้รู้จักได้รู้ยังไงแล้วเมื่อฉายในประเทศไทยเราเด็กก็คงไม่ดูรำหรอกแล้วเราจะทำยังไงให้วัยรุ่นมาดูหนังแล้วเก็ต เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องรำไทยที่เกี่ยวกับความเชื่อคือมนุษย์เราลืม มันอยู่กับตัวเรา แต่ก็ลืมสิ่งเหล่านี้ไปแต่ก็เป็นความเชื่อที่ยังหาคำตอบไม่ได้การบ่นบาลศาลกล่าวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวเรามานานแล้ว ก็เอามาถ่ายทอด”

ทำไมถึงเลือกที่จะลงทุนกับ“ตั้งวง” ผู้อำนวยการสร้างหน้าใหม่สาวสวยอย่าง "ติ๊ก กัญญารัตน์" บอกกับเราว่า

                “ก็คุยกับพี่คงเดช คุยเสร็จเราก็รู้สึกว่าพี่เขามีมุมมองที่แบบหนึ่งแล้วเขามีโปรเจ็กต์นี้คือตั้งวงมาทำด้วยกัน ก็โอเค เป็นมุมมองที่ผสานร่วมกันตั้งวง เป็นหนังผสมความเป็นไทย เป็นอะไรที่คิดนอกกรอบ พี่เขาคิดนอกกรอบไสยศาสตร์กับความเชื่อต่างๆในการถ่ายทอดให้นานาชาติได้รู้”

              ทำหนังปกติใช้เงินไม่น้อยเรื่องนี้ลงทุนสูงไหม

                  “มันก็พอสมควรสำหรับติ๊กก็ถือว่าสูง แต่อาจไม่ได้สูงในสายตาคนทำหนังแต่สิ่งแรกที่ติ๊กมองก่อนคือ ติ๊กอยากได้รางวัล ณ นาทีนั้นติ๊กไม่ได้คิดว่าติ๊กทำหนังแล้วติ๊กต้องขายตลาดได้ติ๊กอยากได้รางวัลเพื่อการันตีให้กับตัวติ๊ก อยากได้ผลงาน อยากได้ทำ เมื่อเราทำอะไรเราก็อยากให้คนกล่าวถึง เหมือนทำรายการแล้วมีความรู้สึกว่าคนไม่ได้นึกถึงติ๊ก กัญญารัตน์ที่เป็นดารา เป็นนางเอก ผู้กองยอดรักเป็นโน่นเป็นนี่ แต่เรียกติ๊ก เป็น ติ๊ก เซย์ไฮ คืออยากให้คนอิงคาแณ้กเตอร์ติ๊กแบบไปตามบทบาทถ้าพูดถึงหนังก็เป็นอย่างนี้อย่างๆนะ แล้วนี่คือก้าวแรกของติ๊กในการทำหนังอยากได้อะไรกลับมาบ้างไหม ก็อยาก แต่ก็ขึ้นกับคนดูว่าเขาจะให้กำลังใจติ๊กได้มากน้อยแค่ไหนเขาชอบหนังเราหรือเปล่า แต่ว่าความเป็นหนังประกวดก็จะเป็นแบบเรื่องอีกแบบหนึ่งแต่ก็เป็นอะไรที่ดูง่าย ติ๊กเชื่อว่าคนดูสมัยนี้เป็นคนดูที่เก็ตอะไรได้ง่ายมากรู้จังหวะและรู้มุกดูแล้วก็รู้ ชีวิตประจำวันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ติ๊กก็อยากให้มีคนเข้ามาชมหนังตั้งวง เยอะๆเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้ ก็ขึ้นอยู่กับคนดูเราบังคับให้เขาเสพไม่ได้แต่เขาเลือกจะดูได้ เลือกเสพได้ก็อยากให้เลือกดู ตั้งวง”

               เรื่องนี้ไปประกวดที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เบอร์ลิน ครั้งที่ 63 “ (BerlinInternational Film Festival) ที่ประเทศเยอรมัน พิจารณาคัดเลือกให้เข้าฉายและร่วมประกวดชิงรางวัลหมีแก้ว สาย Generation14 plus และ ฮ่องกง ฟิล์มเฟสติวัล ติ๊ก บอกว่า

                     “ก็มีโอกาสได้ไปเทศกาลที่เบอร์ลินและ ฮ่องกงฟิล์มเฟสมาได้ไปประกวดที่เบอร์ลินอันนั้นก็คือจุดแรกที่พอใจแล้วได้จดหมายจากเบอร์ลินว่าหนังเราได้เข้าประกวดนะซึ่งได้คัดเลือกจากหนังเป็นพันๆเรื่องให้เข้าไปประกวดนะ แค่นั้นก็รู้สึกภาคภูมิใจแล้วจากทั่วโลกนะไม่ใช่แค่ประเทศ 2 ประเทศ”

                 พูดถึง“ตั้งวง” กับความน่าสนใจในการชมเรื่องนี้

                       “ก็ถ้าภาพรวมสำหรับหนังเรื่องตั้งวงเนี่ย เป็นหนังที่พูดถึงความเชื่อของคน เดี๋ยวนี้คนดูหนังติ๊กว่าถ้าได้มีส่วนร่วมด้วยจะรู้สึกว่าใช่ เออใช่หนังเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ทุกคนอาจจะเป็นน้องๆหน้าใหม่ที่เป็นแบบเป็นเด็กเกรียนๆแต่เป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละครนั้นจริงๆติ๊กถือว่ามันเป็นการแชร์ประสบการณ์ด้วยกัน มันยังหาคำตอบไม่ได้ในความเป็นจริงซึ่งความเชื่อกับสิ่งที่ท้าทาย การแก้บน มีจริงหรือเปล่าหรือแค่เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ มันยังต้องหาคำตอบ ซึ่งเราเองก็หาคำตอบด้วยเหมือนกัน”

Create Date :29 กันยายน 2556 Last Update :28 มิถุนายน 2557 5:07:12 น. Counter : 925 Pageviews. Comments :0