บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่นตอกย้ำการเป็นผู้นำของหนังในแบบ 3D กับผลงานเรื่องที่3ต่อจาก 407 เที่ยวบินผี และ ตีสาม3D นั่นก็คือ "จิตสัมผัส"3D(The Second Sight 3D)ผลงานของผู้กำกับ "พิงค์-กัลป์(พรชัย) หงษ์รัตนาภรณ์"(ผลงานที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มีอย่าง ทวารยังหวานอยู่,Before Valentine ก่อนรัก...หมุนรอบตัวเรา,My Valentine แล้วรัก...ก็หมุนรอบตัวเรา,ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ และฮาศาสตร์)

ใน "จิตสัมผัส"เรื่องนี้ดึงดาราชั้นนำอย่างป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์,หญิง-รฐา โพธิ์งามรวมทั้งนักแสดงใหม่อย่าง มายด์-วิรพร จิรเวชสุนทรกุล และ จิน-เกล้าแก้ว สินเทพดลนำแสดง เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 22 สิงหาคม 2556

"คุณโจ๊ก-เกียรติกมลเอี่ยมพึ่งพร" กรรมการบริหารค่ายไฟว์สตาร์ฯและในฐานะโปรดิวเซอร์ดูแลงานสร้างของภาพยนตร์เรื่อง "จิตสัมผัส"กล่าวว่า

“ตอนเริ่มมันก็มีอยู่ว่าพี่พิงค์กับเราก็ไม่ได้ร่วมงานกับเรามาก็ปีกว่าๆก็คุยกับพี่พิงค์เรามาหาโปรเจ็กต์ใหม่ทำดีกว่า แล้วเราก็มีของเล่นใหม่ 3มิติเราก็มานั่งคุยกันว่าอะไรดี ก็มาโจทย์ที่ว่าช่วงนั้นพี่พิงค์เขาอินในเรื่องดูดวงดูหมออยู่เขาก็คิดว่าน่าจะอยู่ในความสนใจของคนอยู่เยอะนะแล้วเราก็ลองมาไล่ดูว่าจะเอามาทำยังไงแล้วก็มีพี่คนหนึ่งท่เขาบอกว่าเขาสามารถเห็นกรรมได้ เราเดินเข้ามาเราคุยกับเขาเขาไม่มองเราเขาไปมองอย่างอื่น เขาไปมองโน่นมองนี่เขาบอกเขาคุยกับกรรม(เจ้ากรรมนายเวร)ที่อยู่ข้างๆเราเดินเข้ามา5 คนเขาอาจจะเห็นสัก 10 คนซึ่งไม่รู้ของใครมั่งแต่เขาคุยติดต่อสื่อสารกันได้

มันเป็นภาพที่แปลกถ้าเกิดเราเอาเรื่องนี้มาเล่าเป็นภาพมันน่าจะสนุกได้เพราะหลายๆคนคงจะไม่เคยเห็นว่าเป็นยังไงไอ้กรรมเนี่ยเป็นผีหรือเปล่า ไอ้กรรมกับผีอันไหนน่ากลัวกว่ากันผีแค่มาหลอกมาโน่นมานี่ แต่กรรมเนี่ยมันติดตัวนะ จะแกะออกหรือเปล่า จะแก้ยังไงเราก็แกะการเห็นภาพแบบนี้เนี่ยมาเป็นทางภาพในความเป็น 3มิติเช่น เรานั่งอยู่ในห้องหนึ่งแล้วคนที่เห็นเขาบอกเห็นคนอื้อเลยแต่นั่งคุยกันอยู่ 2 คนเนี่ย เขาเห็นอะไรเขาก็จะบอกเรามีอย่างโน้นอย่างนี้อยู่ข้างๆเราเลยนะ เราก็จะรู้สึกประหลาดๆนั่นแหล่ะความรู้สึกนั้น ก็คุยกับพี่พิงค์เออพี่พิงค์เราลองเอาความรู้สึกนี้กับหนัง 3 มิติเอามารวมกันเราก็เลยเอากรรมกับความรู้สึกกลัวเนี่ย เข้ามาอยู่ในหนังเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้จิตสัมผัส”

เมื่อโจทย์เป็นของเราคุยกับพิงค์ยังไงให้อยู่ในมุมมองเดียวกัน

“ขั้นแรกก่อนเลยสไตล์การทำงานของพี่พิงค์ พี่เขาเป็นคนทำงานเร็วเขามีวิธีคิดอะไรเยอะแยะอยู่ในหัวเขา แต่เรียบเรียงออกมาออกจะยากนิดนึง จะออกมาประมาณหนึ่งก็ถามเนี่ย พี่พิงค์สไตล์พี่พิงค์ที่ผ่านมา บทมันไม่ค่อยแน่น อยากทำหนังบทแน่นๆไหมถ้าอยากทำหนังบทแน่นๆเรื่องนี้เรามาปั้นบทกัน ก็ใช้เวลาปั้นบทอยู่ประมาณ 5เดือน ปั้นเรื่อง ปั้นบทจนโอเค แฮปปี้กันแล้ว บล็อคตามบทนะพี่วางแพลนถ่ายกัน ไม่ใช่แบบว่ามีอิมโพไวส์อะไรพวกเนี่ยเอาแบบลงตามล็อคบทแน่นๆออกมาให้หนังเรื่องหนึ่ง ผมว่าพี่น่าจะทำได้น่าจะออกมาดีเชื่อเขา จนถึงวันนี้เขาทำออกมาได้ดี”

มีทีมงานเขียนบทในเรื่องนี้

“ที่ผ่านมาเราก็ลิงค์กับมูลนิธิต้นน้ำนี่แหล่ะ ตั้งแตเรื่อง ตีสาม มาเรามีทีมเขียนบทที่เราปั้นมา 2ทีมใช้สลับกัน ก็เป็นส่วนหนึ่ง จาก Thailand Script Project เราก็มานั่งคิด คนในวงการที่เขียนบทเนี่ยก็เลือกตัวได้ มีไม่พอ ทำยังไงดีก็เลยมาเกิดมูลนิธินี้เหมือนกัน พี่พิงค์ ผม แล้วก็จะมีครีเอทีฟ พี่นิล อีกคนก็จะมานั่งคิดระดมเรื่อง แล้วป้อนให้กับคนเขียนว่าเราอยากได้ทางนี้ ไดเร็คชั่นแบบนี้ผูกเรื่องแบบนี้มาให้เราหน่อย ให้คนที่มีทักษะในการเขียนที่ดีกว่าพวกเราก็น่าจะแบ่งหน้าที่กันชัดเจนนะ โปรดิวเซอร์คิดทางขายของ ผู้กำกับหาทางเล่าเรื่องครีเอทีฟการตลาดก็มานั่งหาว่าคนชอบดูอะไรกัน ก็เอาตรงนี้มาเป็นโจทย์”

ทำไมถึงคิดว่า พิงค์น่าจะมาจับงานเรื่องนี้ได้

“จุดเด่นอีกอันหนึ่งของพี่พิงค์ก็คือเรื่องวิชวลของเขาการเป็นหนังผี 3 มิติอย่างที่เราคิดไว้ผมก็มีความคิดแบบหนึ่งกับหนังเรื่องนี้ แล้วหลายๆคนเห็นผีกันมาเยอะแยะผมคิดว่าของพี่พิงค์คิดแปลกไปอีกแบบหนึ่ง แล้วเขาก็บวกของเขาไปอีกกับวิธีการสไตล์ของเขาภาพที่ออกมาจากการที่เป็นพี่พิงค์เนี่ยเขาคุยกับผมได้ชัดเจนว่าสิ่งที่เขาเอามาจะเป็นแบบนี้จะทำให้ได้เขามีการวางแผนถ่ายทำในทางถนัดของเขา ก็ออกมาได้ เขาก็เอาเรื่องอยู่ แล้วเทคนิค 3มิติทั้งหลายก็เอาอยู่แล้วแถมอะไรใหม่ๆที่ผมคิดไม่ถึงบ้างเหมือนกันก็อยากให้ลองมาติดตามกันดูว่าดูแล้วตามที่คาดไหม”

เดินในหนังผี สยองขวัญ 3 มิติ แบบต่อเนื่อง

“ทางไฟว์สตาร์เราเองก็ปลุกกระแสเราเองได้ประมาณหนึ่งเรามีแฟนของเราเองที่โตขึ้นมาเรื่อยๆจาก 407 มาตีสาม เราก็โตใน Box office ของเราตรงนี้ก็ให้กลุ่มนี้โตขึ้นไปเรื่อยๆให้คนศรัทธาในงานของเรา ในช่วงเวลาที่ผ่านมาตรงนี้มันมีหนังหลายสไตล์ ไฟว์สตาร์ก็ไม่ได้ทำหนังสไตล์เดียว เรามีหนังหลายเรื่องหลายแนวเดี๋ยวก็จะมี coffee plese มา เดี๋ยวจะมีหนังรักมาเดี๋ยวจะมีหนังแอคชั่นมา หนัง ตีสาม ก็เป็นหนังน่ากลัว หนังผีที่สนุก คือหนังทุกอย่างมันมีความสนุกอยู่ในตัวเป็นรสชาติอะไรก็ได้มีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยพูดว่า ทำอะไรก็ตามทีทำแล้วถนัดกับมัน เราเก่งกับมันเราเชี่ยวชาญกับมันแล้ว มันจะดี เราคิดว่าเรากำลังไปในทางนั้น”

เชื่อมั่นว่าวงการหนังไทยในช่วงนี้กำลังไปไดดี?

“เรียกว่า พี่มากฟีเวอร์แล้วกันก็โชคดีที่ พี่มาก…พระโขนงมาปลุกกระแสหนังไทย ซึ่งหนังไทยที่ผ่านมา มันก็เป็นยุคสมัย Generation ใหม่ของคนดูหนังเกิดขึ้นมา แล้ว Generation ตรงนั้นเขาก็หาสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นช่วงนี้ต้องยอมรับว่าเป็นโจทย์ยากของคนทำหนัง ไม่มีอะไรที่คนใน Generation นี้ไม่เคยเห็น ใน Youtube ในInternet ทุกอย่าง เขาเห็นได้ทุกอย่างแล้ว จะบอกว่าของคุณใหม่ไม่เคยเห็นต้องพิสูจน์แล้ว ดังนั้นโจทย์ที่ยากๆของเราคือคิดเรื่องได้แต่วิธีการเล่าเรื่องมันคือสิ่งที่เขาเห็นหรือยัง หนังฝรั่งเล่าทุกเรื่องแล้วหนังไทยจริงๆแล้วก็ทุกแบบเหมือนกัน หนังของไฟว์สตาร์เองกว่า 260 เรื่องมีไม่รู้กี่สไตล์ งั้นวิธีการของเราตีโจทย์ให้ขึ้นไปอีกผมทำหนังผีแต่หนังผีผมไม่ซ้ำกันเลยสักเรื่องเช่นเราทำทางนี้แต่กลิ่นรสชาติเราเป็นแบบนี้แต่ทิศทางไดเร็คชั่นความท้าทายเราก็พัฒนาเพิ่มขึ้นไปๆทุกทีอันนี้ทำให้วงการพัฒนาอันนี้สนุก ทำแล้วสนุก คนทำก็สนุกไปด้วย”

ทิ้งช่วงห่างการผลิตหนังไปพอสมควรเป็นเพราะอะไร

“หลายๆครั้งที่เราเปิดหนังช้าเนี่ยเป็นเพราะการคิด มันไม่ถูกคิดให้เรียงออกมาเยอะๆพอทีนี้เราจะมีการสร้างความคิดให้เยอะพอ พอที่เราจะ shopping ได้ แล้วเขียนให้เสร็จใน timing เวลาได้ต้องยอมรับว่าความเป็น professional ก็มีอยู่ประมาณหนึ่งกำหนดเวลาคุมได้ไหม เราจะพูดว่าคนนั้นติสท์ ก็คล้ายๆกันทุกวงการ คนที่มีไอเดียดีความคิดดี เขาไม่สามารถดีดนิ้วออกอย่างนี้ได้ เขาต้องค่อยๆคิดออกมาเรื่อยๆดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราช้าก็คือ นักคิด นี่แหล่ะดังนั้น นักคิด สามารถ controlได้เขาก็สามารถทำอาชีพเขาได้ดีได้ เราก็ต้องสร้างนักคิดให้เยอะขึ้นเราก็จะสามรถทำโปรเจ็กต์ให้ใกล้เคียงขึ้นนั่นคือแผนระยะยาวของเรา แล้ว นักคิดไม่ใช่ทำให้เราอย่างเดียว เหมือนผู้กำกับ ผู้กำกับก็ฟรีแลนซ์ นักคิดก็ฟรีแลนซ์นักคิดๆไปรอบๆเขาชอบอะไรเขาเหมาะกับใครเขาเดินเข้าไปหาเราต้องทำตัวเราให้เป็นที่ๆเหมาะ เหมือนกับผู้กำกับเดินมาหาเรา นักคิดก็เหมือนกันคิดแนวทางคิดอะไรขึ้นมา เราก็ต้องให้เขาคิดให้เราไปใช้งานได้เอาภาพที่เขาคิดมาเป็นภาพยนตร์ให้ได้ บางทีเขาคิดเป็นตัวหนังสือเขาคิดเป็นคำพูดเรารวบรวมมาอีก 6 เดือนปีหนึ่งเจอกันตัวหนังสือของคุณกลายมาเป็นภาพโลดแล่น หลายๆคนที่ได้เห็นเขาก็ใจหายนะเรื่องที่เราคิดขึ้นมาทำเครื่องบินให้บินขึ้นมาได้เราทำหนังที่เครื่องบินบินขึ้นมาได้ในงบประมาณที่เราทำได้ด้วยเราโอเคนั่นคือนักคิดเป็นโจทย์ให้เกิดขึ้นที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของผู้กำกับแล้วละว่าจะพาความคิดนี้ไปถึงฝั่งได้แค่ไหน”

ในตอนนี้ทางไฟว์สตาร์มีหนังเรื่องอะไรบ้างที่พร้อมเข้าฉาย

“เดือนสิงหาเรามี จิตสัมผัส 3Dแล้ว ก็มี coffe plese แก้วนี้ใจสั่นก็เป็นหนังรักกุ๊กกิ๊กน่ารัก น่าสนใจทีเดียวได้วิวสวยๆของเมืองไทยเราจะมีความสนุกจากถ้วยกาแฟอะไรได้บ้างเรื่องนี้วางไว้ 17 ตุลาฯ แล้วหลังจากนั้นภายในต้นเดือนธันวาฯเราจะมีหนังเรื่อง ตีสามคืนสาม จเป็นหนังผีที่สนุกไม่ใช่ตลกแต่เป็นผีที่สนุก แล้วหลังจากนั้นก็จะมีหนังแอ็คชั่นใหญ่ปีหน้าเราพยายามจะมีโปรดักต์ใหม่ทุก 2-3 เดือน ตอนนี้เรามีโปรเจ็กต์เรียงไว้รออยู่”

พูดสรุปถึง จิตสัมผัส 3Dมันเป็นหนังที่น่าสนใจยังไง

“อยากฝากจิตสัมผัสไว้ด้วยคือเป็นชิ้นงานที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่3 แล้วกับงาน 3 มิติที่ถ่ายในเมืองไทย ถ่ายด้วยคนไทยแล้วถ่ายด้วยอุปกรณ์ไฮเทค100%แล้วเราต้องภูมิใจอย่างหนึ่งคือจะเป็นฝรั่งหรือใครมาทำหนัง 3มิติเนี่ยมีหลายคนที่เดิมไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นแต่เพื่อให้มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็ไปแปลงให้มันเป้น3 มิติซะแต่หนังเรื่องนี้ หนังที่ทำเป็น 3มิติของค่ายไฟว์สตาร์เนี่ยเราถ่ายทำด้วยระบบ 3 มิติแท้ 100%ที่เรียกว่าเนทีฟ 3 Dเนี่ย ซึ่งมีไม่กีบริษัทที่สร้างมาซึ่งไฟว์สตาร์เราเองภูมิใจลูกค้าเราก็ภูมิใจในสิ่งที่เขาซื้อไป เออหนังเรื่องนี้คุณภาพของ3มิติมันดีเยี่ยมนะ ปีๆหนึ่งจะมีหนังเนทีฟ 3D ได้ในตลาดโลกมีอยู่ไม่กี่เรื่องซึ่งเราเองก็เป็นผู้นำตลาดในส่วนนี้หลังจากออกมาจากดู จิตสัมผัส 3D ทุกคนจะมีภาพจำออกมาเล่าผมเดาว่าต้องมีแน่นอน ออกมาคนจะพูดถึงภาพนี้ช็อตนี้แน่นอนอันนี้ต้องลองดู”

พูดถึง มูลนิธิ “เกียรติ-เจริญเอี่ยมพึ่งพร” ที่เกิดขึ้นมา

“มูลนิธิเกิดขึ้นมาโดยทางผู้ใหญ่เขามารวมตัวกันมาไหว้กันประจำปี ถึงเวลาก็มานั้งคุยกันว่าคุณเชน คุณเกียรติจะครบรอบแล้วเราอยากให้อะไรที่เกี่ยวกับเขาทีเขาทำมาตลอดอยู่ไปอีกนานๆคือเรื่องไหว้ก็ทำกันทุกปีคุณเกียรติเสียมาร่วมจะ40ปี 35 ปีแล้วคนก็ยังจำเพื่อนๆแกก็ยังมาไหว้มาเจอกันทุกปีก็เสียดายกับการจากไปรวมทั้งคุณเชนด้วยก็คุยกันว่าทำเป็นสาระประโยชน์ดีกว่า มูลนิธิยากไหมถ้าจะปั้นขึ้นมาแล้วทำอะไรกับมูลนิธินี้ดีเขาก็เลยคิดว่าสิ่งที่จะทำให้จีรังยั่งยืนได้ก็คือผลผลิตของมูลนิธินี้มากกว่าแทนที่จะทำบุญทุกปีเราคิดว่าสร้างอาชีพสร้างงานให้วงการนี้จีรังยั่งยืนก็มีคุยกันไปจนถึงว่าอเมริกาโดนนักเขียนสไตท์กี่ปีนี่ไม่เห็นผลงานอะไรออกมาเลย นอกจากภาค 1ภาค2 ภาค3ขุดตัวละครเก่าๆมาขาย เกาหลีนักคิดเขาเยอะ สังคมสร้างสรรค์ได้จริง

ตอนนี้หลายๆวงการของไทยขาดนักคิดอะไรก็ตามที่เป็นความคิดใหม่ๆ พ่อมากแม่นาค เกิดมาอีกรอบหนึ่งเล่าในมุมของเขานั่นคือนักคิดแล้ว นักคิกฃดนี่แหล่ะ ทำเป็นอาชีพที่ดีได้ด้วย นักเขียนบทสตาร์ทค่าเขียนบท 2 แสนถึง1 ล้านค่าบทไปได้ถึงขนาดนั้นอาจจะมากกว่านั้นด้วยถ้าคุณทำโปรเจ็กต์ 500ล้านรายได้คุณก็เพิ่มซึ่งเป็นอาชีพที่นั่งอยู่กับบ้านเฉยๆคุณนั่งอยู่กับแล็ปท็อปเครื่องหนึ่ง ไอเดียเยอะๆแล้วเอามาขายไอเดียกัน รายได้ดีด้วยทำอาชีพนี้ให้เป็นหมู่มากดีกว่า คนไทยมีความคิดดีเยอะ แต่ไม่รู้วิธีเขียนไม่รู้จักการเอาไอเดียตรงนั้นมา”

วิธีทำงานของ มูลนิธิ จะเป็นแบบไหนอย่างไร

“โครงสร้างของมูลนิธิเราที่จะสร้างเป็นคอร์สขึ้นมาก็มีพี่อ้ำฤทัยวรรณ ผู้ใหญ่อีกหลายๆท่านมาดูว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไรโครงสร้างการเขียนหมดเลยหรือเปล่า อาจจะไม่ใช่ เราอยากได้คนที่คิด มีไอเดียมีเรื่องเล่าเยอะเลยแต่ไม่รู้เขียนอะไร ไม่รู้เขียนยังไง ไม่รู้เริ่มต้นยังไงเอาพวกนี้มานั่งคิดดีกว่า เราอาจจะได้คนที่มีเรื่องคิดเยอะแยะมากมายแต่ว่าไม่มีเวทีในการนำเสนอ เราไม่ได้เอานักวิชาการแต่เอาผู้เชี่ยวชาญผู้ที่ทำจริงปฏิบัติจริง ผู้กำกับดังๆนักเขียนมีชื่อนักวิจารณ์เด็ดๆเอามารวมกันว่าอะไรที่ก่อให้เกิดไอเดียที่ดี แล้วขับดันมันออกในหนทางที่ดีนักการตลาด อาจจะมี คุณวิสูตรเข้ามาช่วย ผมคิดว่าในโครงการแรกที่เกิดขึ้นตรงนี้ ปั้นน้ำเป็นเงินมันเป็นอะไรที่น่าจับตามองกลุ่มคนที่ออกจากโครงการนี้ทุกปีๆน่าจะสร้างผลงานที่เข้มแข็งให้เกิดขึ้นได้นั่นจะทำให้มูลนิธิเกียรติ-เจริญ เอี่ยมพึงพร จีรังไปได้อีกนานหรืออาจจะมีโครงการอื่นๆพัฒนาบุคคลากรด้านอื่นๆ”

พูดถึงโครงการแรก ปั้นน้ำเป็นเงินที่รวบรวมนักคิดนักเขียนบทรุ่นใหม่

“โครงการ ปั้นน้ำเป็นเงินจะรวบรวมใบสมัครของนักคิด นักเล่าเรื่องอะไรต่างๆนานา ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเพศไม่จำกัดวัย เรารวบรวมกลุ่มคนที่เป็นหัวกระทิเหล่านี้ประมาณ 30-40 คนต่อคอร์สไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน เราจะมีอาจารย์ชั้นหนึ่ง เราจะมีนักคิดแหวกแนว เราจะมีเวลา 2-3เดือนในการสอนพัฒนาคนที่มีความคิดดีๆจนสามารถนำความคิดดีๆออกมาเป็นตัวหนังสือเพื่อปั้นน้ำปั้นไอเดียออกมาเป็นเงินเป็นสินค้าได้ ปั้นคนที่มีคุณภาพที่อยู่นอกระบบการศึกษาที่อยู่นอกระบบการทำงานต่างๆ แต่ว่ามันจะเป็นผลที่ดี เรามีเว็ปไซด์ของมูลนิธิคือ www.kiat-chareon.comที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ”

สำหรับโครงการแรกของมูลนิธิเกียรติ-เจริญเอี่ยมพึ่งพร ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อระลึกถึง 2ผู้บุกเบิกวงการภาพยนตร์ไทย “คุณเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร และคุณเจริญ เอี่ยมพึ่งพร” ประเดิมโครงการแรก “ปั้นน้ำเป็นเงิน” โครงการที่อบรมการเขียนบทภาพยนตร์ เพื่อสนับสนุนคนเขียนบทภาพยนตร์ไทยให้เติบโตและแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

โครงการ ปั้นน้ำเป็นเงินเป็น การสอน การเรียน และ การฝึกฝน ในหัวข้อสำคัญสำหรับการเป็นนักเขียนบทอาชีพตั่งแต่ พื้นฐานการดูหนังแบบคนทำหนัง, เรื่องเล่าที่ดี,การสร้างตัวละครที่คนดูมีความรู้สึกร่วม, การพล็อตเรื่องแบบ 3องก์, การเขียนจากเรื่องใกล้ตัว,การเขียนด้วยวิธีตั้งสมมติฐานจะเกิดอะไรขึ้นถ้า,การเขียนบทโดยมีโลเคชั่นเป็นแรงบันดาลใจ, การเขียนบทดัดแปลงจากนวนิยายจนถึงการเขียนบทเป็นทีมแบบปฏิบัติได้จริง โดยอาจารย์ผู้ที่จะมาให้ความรู้เป็นผู้เขียนบทและผู้กำกับภาพยนตร์ที่กวาดทั้งรางวัลและรายได้จากในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เป็นเอก รัตนเรือง, จิระมะลิกุล, โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล, คงเดช จาตุรันต์รัศมี,อาทิตย์ อัสสรัตน์, นวพล ธำรงเรืองฤทธิ์, วิทยา ทองอยู่ยง, อมราพร แผ่นดินทอง,เป็นต้น

โครงการ ปั้นน้ำเป็นเงินเริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2557ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตลอดทั้งวัน รวม 8 สัปดาห์ ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย ขอแค่คุณสนใจ และอยากเป็นนักเขียนมืออาชีพ

วิธีการสมัครเพียงแค่เขียน“ขายตัวคุณเองให้เราซื้อ” ขนาดความยาว 1 หน้ากระดาษ A4ด้วยการเล่าเรื่องราวชีวิตคุณช่วงใดช่วงหนึ่ง โดยเลือกจากเรื่อง

 :- สุดมัน(แอ็คชั่น)

สุดฮา (คอมเมดี้)

สุดซึ้ง (ดรามา)

     สุดหลอน(ฮอเรอร์)

โดยส่งเป็นไฟล์พีดีเอฟ(.pdf)อีเมลล์มาที่ info@kiat-chareon.com สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายน 2556 และจะประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือก 30 คน ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ทาง www.kiat-chareon.com

               ทั้งนี้หากผู้สนใจโครงการ“ปั้นน้ำเป็นเงิน” สามารถดูรายละเอียดการสมัครเพิ่มเติมได้ที่ www.kiat-chareon.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป