bloggang.com mainmenu search

เมื่อผู้กำกับหนังผี
“โต้ง - บรรจง ปิสัญธนะกูล”
กับหนังรักครั้งแรก “กวน มึน โฮ”





สำหรับหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” คือหนังรักเรื่องใหม่ของค่ายหนังอารมณ์ดี G T H หนังรักจากฝีมือผู้กำกับหนังผี “โต้ง - บรรจง ปิสัญธนะกูล”(Shutter,แฝด,4 แพร่ง, 5 แพร่ง) ใน “ กวน มึน โฮ” เรื่องของชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่ง ที่จะไปเที่ยวเกาหลีด้วยเหตุผลที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งคู่ไม่ได้ไปด้วยกัน

ชายหนุ่ม (เต๋อ - ฉันทวิชช์ ธนะเสวี - ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น) ผู้ชายที่จะไปย่ำแดนกิมจิด้วยรองเท้าแตะคีบ
และเสื้อยืดย้วยๆบวกกางเกงขาสั้น เขาเป็นคนเดียวในกรุ๊ปทัวร์ที่ไม่มีครอบครัวหรือคนรักมาด้วย

หญิงสาว (หนูนา – หนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวที่ตั้งใจมาทัวร์เดี่ยว ตะลุยโลเกชั่น ซีรีส์ สุดฮิตของเกาหลี



ทำไมผู้กำกับหนังผีที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของเมืองไทย “โต้ง - บรรจง ปิสัญธนะกูล” นอกจากทำหนังผีเรื่องแรก Shutter ให้ได้เงินระดับ 100 ล้าน หนังยังถูกซื้อไปทำ Re-Make ทำรายได้เข้าบริษัทเป็นกอบเป็นกำ หนังเรื่องต่อๆมายังถูกพูดถึงในความใหม่ในรสชาติของหนังผี ทว่าวันนี้เขากลับทำหนังรัก

“แรกสุด ก็คือเริ่มเบื่อหนังผี ทำมา 4 เรื่องแล้ว แต่ว่า 2 เรื่องหลัง ก็จะออกฮาหน่อย ก็ทำให้ค้นพบว่า เราชอบทำหนังแนวทางแบบตลกร้าย ทีนี้ก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือ “สองเงาในเกาหลี” มาสักพักหนึ่ง แล้วประทับใจประเด็นหนึ่งว่าบางทีทำไมคนที่ไม่รู้จักกัน เรากลับกล้าพูด กล้าเล่ากับเขาทุกอย่าง อะไรคือคำว่ารู้จักกันแน่ เรื่อง “สองเงาในเกาหลี” นี้เป็นงานเขียนของ พี่ก้อง-ทรงกลด บางยี่ขัน ซึ่งเป็นแนวโรแมนติคเพียวๆไปเลย แต่เราปิ๊งแค่ประเด็นตรงนั้นที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ



ช่วงที่ทำ คนกลาง (ใน 4แพร่ง) กับเรื่อง คนกอง (ใน 5แพร่ง) ผมได้ร่วมงานกับเต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี คือเต๋อมาช่วยเขียนบท ช่วยเติมมุก ช่วยอะไรใหญ่เลย ทำให้ผมพบว่า เต๋อมันกวนตีนมาก เป็นความตลก กวนตีน ที่ไม่เหมือนใครด้วย มันปล่อยไปเรื่อยโดยที่เรารู้สึกได้ว่ามันไม่ได้คิดอะไร มีความเป็นเด็กในตัว มีความทะเล้นที่แบบไม่ซ้ำทางกับพระเอกคนไหนเลย คือมันกล้าที่จะปัญญาอ่อนแบบบริสุทธิ์ได้ แล้วก็คนดูสามารถเอ็นดูมันได้ มีเสน่ห์แบบที่ไม่เหมือนใคร ก็เลยคิดที่จะดึงคาแล็กเตอร์ เสน่ห์ในตัวมันที่ไม่เคยปรากฏบนจอ ออกมาทำเป็นหนัง แล้วมาปิ๊งกับเรื่องนี้เข้า ผมชอบงานเขียนของเขามาก ก็เลยซื้อลิขสิทธิ์มา แล้วพัฒนาจากแรงบันดาลใจจากหนังสือ”

เรื่องนี้จึงแตกต่างจากในหนังสือโดยสิ้นเชิง

“เรื่องก็จะเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เพราะตัวละครเราก็ขึ้นใหม่หมดเลย แต่ฉากหลังบางฉากที่ใกล้เคียงกับหนังสือกับประเด็นที่ได้จากหนังสือ โดยเล่าเรื่องของคน 2 คนที่เดินทางไปด้วยกันโดยที่ตกลงกันว่าจะไม่รู้จักกัน ซึ่งคำว่า ไม่รู้จักนี่ มันเกิดจากการที่ผมเป็นคนชอบเที่ยว เดินทางบ่อยมาก ทุกครั้งที่ไปเมืองนอก คนไทยมักมีความรู้สึกร่วมบางอย่าง เราจะกล้าพูด กล้าทำบางอย่าง อย่างเช่นคนไปเรียนเมืองนอก ก็ไปเปลี่ยนสีผมแป๊ดเลย ทั้งๆที่ชีวิตนี้ไม่เคยทำมาก่อนเลย

มันคือเสน่ห์ของการที่อยู่ในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักเรา เราพูดอะไรก็ไม่มีใครฟังออก มันเป็นเรื่องตรงนี้ที่เราอยู่เมืองนอกจะพูดจะทำอะไรก็ได้ ไม่อายใคร กล้าทำโน่นทำนี่ 2 คนนี้ก็เลยตกลงว่าจะไม่รู้จักกันดีกว่า เพราะเป็นคนแปลกหน้าที่ไปเที่ยวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องรู้จักชื่อกันเพื่อที่จะกล้าพูดกล้าทำทุกอย่าง ด้วยเหตุบังเอิญที่เดินทางไปด้วยกัน แต่ยังไม่บอกชื่อกันสักที ก็เลยตกลงว่าไม่ต้องรู้จักกันดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งแคร์เมื่อกลับไป ผมรู้สึกว่าเรื่องมันพิเศษ มันไม่เหมือนใครที่ทำมาก่อนเลย ก็เลยผูกเป็นเรื่องแบบมีความบ้าบอและโรแมนติคอยู่ในสัดส่วนพอๆกัน แล้วเป็นหนังหลายรสชาติจนเป็นที่มาของชื่อเรื่อง กวน มึน โฮ”

โต้ง ยังบอกถึงเหตุผลอีกอย่างทีเป็นแรงผลักดันให้เกิดหนังเรื่องนี้ขึ้นมา

“นอกจากการเดินทางโดยที่ไม่รู้จักกันแล้ว ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผมอยากทำหนังเรื่องนี้ก็คือว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในเกาหลี ทุกวันนี้เ เทรนด์เกาหลีเป็นอะไรที่คนคลั่งก็บ้าคลั่งกันไปเลยในขณะที่ยังมีกระแสอีกด้านหนึ่ง ที่บอกว่าจะ เกาหลีอะไรกันนักหนา ผมรู้สึกว่าตรงนี้แหล่ะที่น่าสนใจ เราเลยให้ตัวละครเป็น 2 ขั้วคือเต๋อจะเป็นตัวแทนอารมณ์ขันและเสียดสีที่จะบอกว่า ทำไมต้องเที่ยวตามรอยซีรี่ส์เกาหลี มีอะไรน่าเที่ยว แล้วดียังไง โรแมนติกอะไรนักหนา บ้าเกาหลีอะไรนักหนา

ขณะที่นางเอกบอกว่ามันคือความโรแมนติก ประเทศนี้ทำหนังรักดีที่สุดในโลก เป็นดินแดนที่โรแมนติกที่สุด คู่รักแต่งตัวเหมือนกันตั้งแต่ หัวจรดเท้าโรแมนติกจะตาย เป็น 2 ด้านที่มาเจอกัน ที่ผมรู้สึกว่านี่คือหนังโรแมนติก ที่แอนตี้โรแมนติก ผมว่าไม่มีเหมือนกัน เป็นอีกคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ จนกลายเป็น กวน มึน โฮ 3 รสชาติขึ้นมา มึน คือความเมาเต็มที่ของคน 2 คนด้วยในเหตุการณ์คืนหนึ่ง ที่ทำให้เดินทางไปด้วยกัน ส่วน โฮ นี่ผมได้ทำการทดลองในเรื่องนี้ คือผมอยากให้หนังตลกสุดขีดมีความกวนตีน ปัญญาอ่อนเต็มขั้น ในขณะเดียวกันมันต้องโรแมนติกมากๆ แล้วมันต้องซาบซึ้ง โฮ ก็คือร้องไห้โฮ คือเรื่องมันจะเข้มข้น หวังว่ามันจะได้ 3 รสชาติเลย คือ กวน มึน และคนดู โฮ”

แนวทางของ “กวน มึน โฮ” ก็คือแนวทางหนังรักในแบบ GTH

“ก็หวังว่า กวน มึน โฮ หรือ knowing me knowing you จะแตกต่างจากหนังรักของพี่ๆผู้กำกับ แฟนฉัน เพราะผมก็โตมาคนละสาย ผมคงทำไม่เหมือนเขาอยู่แล้ว ผมเลือกที่จะทำในทางของผมดีกว่า ผมหวังว่าจะทำถึง ได้รสชาตินั้น เพราะถ้าลงตัวเรื่องนี้จะน่าสนใจมาก เหมือนจะไร้สาระแต่มีสาระอยู่ข้างในและซาบซึ้งได้ด้วย”



พูดถึงดารานำ โดยเฉพาะนางเอก ทำไมถึงเป็น “หนูนา”ที่บางคนรู้จักจาก ละครอย่าง สาธุ หรือ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ หรือ ในละครเวทีของ Exact

“จริงๆบทนี้ ถ้าเป็นดาราก็ง่ายเลยซึ่งน่าจะมี choice ที่เรานึกถึงได้เลย 2-3 คน เพียงแต่ว่าถ้าเป็นดาราก็ไม่มีความแปลกใหม่ เราเห็นเขาในบทอื่นๆมาแล้ว ความเชื่อตัวละครก็ไม่เต็มร้อย อย่างเต๋อ ผมว่าเป็นลุคส์ใหม่ แตกต่างจากเรื่อง โปรแกรมหน้าฯและปิดเทอมใหญ่ฯ เรื่องนี้เขาจะกวนตีนกว่าเยอะ และกล้าทำในสิ่งที่บ้าๆบอๆเยอะมาก ทีนี้นางเอก ผมรู้สึกว่า ถ้าได้หน้าใหม่ก็จะดี ทีนี้ทางลักส์ก็เข้ามาพอดี ก็ร่วมกับทางลักส์โครงการ ลักส์ปั้นดาว ในการประกาศให้คนมาสมัคร ซึ่งผมก็บอกไปตั้งแต่ต้นว่าเราต้องการคนที่ ไม่เคยเป็นนางเอกมาก่อน ไม่ได้หมายถึงคนที่ไม่เคยเล่นอะไรมาเลย เพราะถ้างั้น คงยังหาไม่ได้เลย เพราะคนที่มีแววส่วนใหญ่ก็ได้เล่นโฆษณา ได้เล่นเอ็มวีบ้างอยู่แล้ว

น้องหนูนา(หนูนา – หนึ่งธิดา โสภณ) เองก็เข้ามาในวินาทีที่คิดว่าหาไม่ได้แล้ว ได้มาแบบเลือดตาแทบกระเด็น คือผมเองก็ไม่รู้จักเขามาก่อนเลย เพิ่งรู้ว่าเขาเองก็ได้เล่นบทสมทบในละครมาบ้าง แต่ไม่ได้เล่นบทนางเอกมาก่อนเลย เพียงแต่ว่าพอดูเทปแคสแล้ว เขามีพลังบางอย่างที่มีเสน่ห์แล้วก็ตัวตนจริงๆก็ทำอะไรที่ไม่เสแสร้ง กล้าทำอะไรบ้าๆ มีความทะเล้น มีความเป็นเด็กในตัวสูง พอมาเวิร์คช็อปก็เออคนนี้แหละเข้าท่า

ผมก็คุยกับพี่ๆที่ GTH แล้วว่าไม่ต้องแคร์หรอกว่า เขาเคยเป็นตัวรองมาก่อนแค่ไหน ดูแค่ว่าเขาใช่หรือเปล่าในบทของเรา เราก็เลยกล้าที่จะเป็นหนูนานี่แหละ ที่เรามั่นใจในตัวเขา ซึ่งหนูนา ก็ทุ่มเทมากมีความตั้งใจเกินร้อย ผมประทับใจมาก คือบทนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่กล้าบ้าบิ่นและกล้ารั่ว เมื่อคน 2 คนที่ตกลงว่าจะไม่รู้จักกันเนี่ยเมื่อเที่ยวด้วยกัน ก็จะเป็นความสัมพันธ์ของคน 2 คนที่กล้าทำและกล้าพูดทุกอย่างเป็นสุดโต่ง ถ้าเป็นคนที่ห่วงสวยก็ไม่สามารถระเบิดอารมณ์ออกมาได้”

คงมีเสียงสะท้อนแบบงงๆมาบ้างว่าจัดประกวดทั้งที แล้วทำไมไม่ได้คนใหม่

“ก็รู้สึกว่าต้องมีคนด่าแน่เลย แต่ผมพูดขัดเจนตั้งแต่วันประกาศเลยว่า มีผลงานมาบ้างแล้วไม่เป็นไรแต่ขอว่ายังไม่เป็นนางเอก ซึ่งเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วไม่มีการเตี๊ยมอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเกิดจากการแคสติ้งจริงๆ ดูจากฝีมือจริงๆ ไม่งั้นผมเอาดารามาไม่ดีกว่าเหรอ นึกออกไหม แล้วการมีผลงานมาก่อนแบบหนูนาไม่ได้เป็นแต้มต่ออะไรเลย เพราะเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นแค่ตัวสีสันรองๆมากกว่า ไม่ใช่ไม่มีความสามารถเพียงแต่ไม่ใช่คนในกระแสหลักเท่านั้นเอง”



เป็นหนังรักครั้งแรก แถมเขียนบทโดยพระเอกของเรื่อง เต๋อ - ฉันทวิชช์

“โปรเจ็กต์นี้เป็นสิ่งท้าทายทั้งผมและเต๋อ เพราะเต๋อเขียนบทเรื่องนี้ด้วย แล้วก็ยากที่เราระบุแคสต์ก่อนที่จะเขียนบท เต๋อต้องเป็นเต๋อให้มากที่สุด ส่วนหนึ่งผมยังไม่เห็นใช้เต๋อในทางที่เป็นตัวเขาจริงๆ ซึ่งผมอยากลอง แล้วจะได้สร้างพระเอกใหม่ที่เป็นทางชัดเจนขึ้นมา”

“กวน มึน โฮ” สถานที่ถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่ในเกาหลีใต้ ติดต่อเข้าไปยังไง

“เรื่องนี้ได้การสนับสนุนจาก บริษัท Happy Korea เขามีconnection กับทางการท่องเที่ยว ทางกระทรวงวัฒนธรรมของที่นั่น เขาก็จะพาไปพบกับ Film Committion องค์กรสนับสนุนภาพยนตร์ ของที่นั่น ก็ไปเจอคนเยอะแยะมาก เขาหาทีมโลเกชั่นให้ ซึ่งทีมของเกาหลีนี่โปรมากครับ มีเวลาเตรียมงานไม่ได้เยอะเลย แต่โลเกชั่นเป๊ะหมดทุกอย่างเหมือนในบท สวยกว่าในบทด้วยซ้ำ ภูมิใจนำเสนอมากเพราะมันงามจริงๆ การประสานงานต่างๆถ้าเป็นเมืองไทยคงใช้เวลาอีกชาติหนึ่ง แต่นี่ทุกอย่างเป๊ะๆมาก มีฉากที่ต้องไปถ่ายในคาสิโน ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายแป๊บๆนะ เราถ่ายกันเต็มๆวัน ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ เขาทำให้ได้ ทุกวันนี้ที่เขามีเทรนด์ มีกระแสแบบนี้ เพราะเขาสนใจในการโปรโมทประเทศตัวเองจริงๆ ในใจของทุกคนพร้อมจะทำเพื่อการท่องเที่ยว

อย่างวันหนึ่งจะมีเทศกาลแห่โคมเป็นวันวิสาขบูชาของที่โน่น หนังเรื่องนี้ผม adapt ให้เข้ากับโลเกชั่น ผมเจออะไรถ่ายหมดเปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนราว พอเห็นจะมีเทศกาลโคม ผมก็บอกต้องถ่ายให้ได้ เพราะมันพิเศษมาก ไปถึงปุ๊บอยากให้พระเอกนางเอกเข้าไปกับขบวนแห่ เขาก็ไม่ให้ แต่พอบอกว่านี่เราจะโปรโมทประเทศให้นะดึงคนให้เข้าประเทศเกาหลีได้ แล้วผมก็บอกว่าต้องการแค่ตรงนี้ถึงตรงนี้เท่านั้น พูดแค่นี้เขาให้เดินเข้าไปในนั้นเลยครับ คือทุกคนพร้อมจะช่วยประเทศจริงๆครับ ไม่ต้องมีเรื่องพิธีรีตรองมาเกี่ยว ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นคนไทยจะง่ายดายแบบนั้นหรือเปล่า เพราะระบบขั้นตอนมันมากกว่า แต่ที่นี่ระบบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชัดเจนมากจริงๆซึ่งผมอยากให้เมืองไทยได้ขนาดนั้น”

เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ไปถ่ายทำในต่างประเทศ

“ผมรู้สึกว่าเสน่ห์ของการทำหนังเมืองนอกก็คือเรากลับไปถ่ายไม่ได้อีกแล้ว เราก็ต้องตักตวงให้มากที่สุด เป็นหนังที่ผมถ่ายเยอะที่สุดฟุตเทจเยอะมากมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับโลเกชั่นเยอะมาก คือเสน่ห์มันอยู่ตรงนั้น คือเราทำตามบท 100%ไม่ได้หรอกครับ ต้องมีการ adapt มุกให้เข้า adapt วิธีถ่ายให้เข้า เราไปสัมผัสความเป็นเกาหลีจริงๆ เราไม่อยากไปเกาหลีแค่ฉาบฉวย เราอยากเจาะไปในมุมมองคนเกาหลี มีการพูดว่าความโรแมนติกมันคืออะไร พยายามเอา thinking ของคนเกาหลีเข้ามาในหนังทุกอณูเลย”



พระเอก-นางเอก ของเรื่องนี้เป็นยังไงบ้างเมื่อจับคู่แสดงด้วยกัน

“ก็มีอะไรที่ Magic หลายอย่างเกิดขึ้น เราต้อง adapt ให้เข้ากับโลเกชั่นและตัวแสดงด้วย ตัวแสดงมายังไงเราก็ต้องอย่างนั้น ให้อะไรใหม่ๆที่เราไม่คิดว่าจะได้เหมือนกัน ตอนแรกที่แคสหนูนาเรามองว่าก็น่ารัก คอมมาดี้ได้ ไม่ได้สวยมากแต่มีลูกบ้า แต่สิ่งที่โดดเด่นจริงๆของน้องคนนี้คือดราม่า มันทำให้คำว่าโฮตอนท้ายเนี่ย ผมกล้าตั้งชื่อว่า กวนมึนโฮ เพราะหนูนา พื้นฐานทางดราม่าเขาสุดยอด เขาก็โตมาสายละครเวที เล่นละครเวทีกับคุณบอย(ถกลเกียรติ วีรวรรณ)ซึ่งผมไม่ได้ดู พอเลือกเขาแล้วค่อยไปดูละคร(เนื้อคู่ 11 ฉากฯ)ค้นพบว่าเขามีความสามารถ ในหนังก็เลยใช้ความสามารถเต็มที่เลย แล้วทั้งเรื่องไม่มีตัวละครอื่นเลย 2 คนนี้ก็จะแบกหนังทั้งเรื่องเต็มๆเลย มันท้าทายมาก 2 คนนี้ก็ไม่ได้อายุเยอะ ไม่ใช่เราทำหนังแบบมีมาช่า มาแบก มันก็ง่ายไง หรือมีตัวสมทบอื่นๆมาช่วยคอยสร้างสีสัน มาคอยหารความรับผิดชอบกันไป แต่ 2 คนนี้ต้องแบกหนังทั้งเรื่อง แล้วมันก็ท้าทายมาก เพราะว่าหนังยาว 2 ชั่วโมงแล้วมีคนแค่ 2 คนแค่เนี่ย แต่ว่าทุกคนก็ทุ่มเต็มที่ก็หวังว่าจะออกมาดี”

สิ่งทีสัมผัสได้ จากการไปถ่ายทำในเกาหลีครั้งนี้

“ทุกคนให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมหนังมากๆรัฐบาลให้ความสำคัญสุดๆการที่หนังไปถ่ายประเทศเขายังไงประเทศเขาก็ได้โปรโมทอยู่แล้ว เขาใจกว้างมากคือผมยื่นบทให้ดูเต็มๆเลยว่าหนังผมมีการจิกกัดเกาหลีเยอะมาก ไม่ใช่โปรโมทท่องเที่ยวอวยสรรเสริญไม่ใช่อย่างนั้น คือตัวละครมีจิกกัดแต่ก็มีสิ่งที่มาค้าน ตัวละครก็ได้เรียนรู้ว่าเสน่ห์เกาหลีคืออะไร การที่ทำให้รู้สึกบวกไม่จำเป็นต้องอวยกันอย่างเดียว เขาให้ความสำคัญกับภาพยนตร์กับการท่องเที่ยวชัดเจนมากระบบระเบียบเขาดีมาก นักแสดงตัวประกอบทุกคนเขาก็Professional มากไม่เรื่องมากทุกคนทำหน้าที่ของตนเองเป๊ะๆ ที่โน่นให้ความสำคัญกับศิลปะเยอะแยะไปหมด”

ไปถึง เกาหลี ทั้งที มีดาราเกาหลีมาเซอร์ไพรซ์บ้างไหม

“ก็มีสมทบอยู่เต็มไปหมดนะ แต่ก็ไม่ได้มีตัวหลักมานะ มีคนหนึ่งเป็นรับเชิญมา ถ้าคนดูละครเกาหลีน่าจะรู้จัก คุ้นหน้ากัน เพราะรับเป็นเพื่อนพระเอก บทสีสันอะไรเยอะแยะ เขามารับเชิญให้ด้วย คือทางท่องเที่ยวเกาหลีก็นำเสนอว่าเอาคนนี้มาไหมเพื่อให้คนเกาหลีได้เซอร์ไพรซ์ว่าคนนี้ไปปรากฏในหนังด้วยนะ เป็นใครก็คอยดูกัน จริงๆผมก็บอกเขาว่าผมไม่มีตังค์นะ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเพื่อการท่องเที่ยวเขาดิวให้ได้ หลายๆอย่างเกิดขึ้นได้ในเวลาขนาดนี้และเงินแค่นี้ แต่เขาก็ทำให้เกิดขึ้นได้”

ในทัศนะ ของผู้กำกับ “กวน มึน โฮ” เป็นหนังแบบไหน

“ผมว่าจะเป็นหนังรัก GTH ที่รสชาติแตกต่างไป อย่างที่บอกว่ามันจะกล้าปัญญาอ่อน มันจะกล้าทำตัวเองเหมือนไร้สาระสุดขีด ขณะเดียวกันมันจะมีบางอย่างอยู่ในนั้น อยากให้ลองดูกัน ในวินาทีที่หนังจะโรแมนติกสุดขีดผมก็จะใส่ความกวนลงไป ขณะวินาทีทีกวนมากๆก็มีความเศร้าอยู่ หวังว่ามันจะสำเร็จ จริงๆแล้วเนื้อหาของมันฟังดูถ้ายังไม่มีความตลกมันจะฟังดูอาร์ตเหมือนกันนะครับ คน 2 คนที่จะไม่รู้จักกันเพียงแต่รสชาติและการจิกกัด กวนตีน เป็นสิ่งที่ทุกคนอินง่ายและประเด็นเกาหลีทุกคนกำลังคิดถึงมันอยู่ บางคนชอบก็ชอบไปเลย คนไม่ชอบก็จะบอกว่าอะไรนักหนา ซึงผมว่าตรงนี้กำลังดีเลทคนดูและกำลังดีเลทผมที่จะอยากเล่าออกไป ผมคิดว่าทุกคนจะสนุกได้เป็นรสชาติใหม่ที่เปิดประตูไปสู่หนังรักอีกแบบหนึ่งได้สำหรับผม หนังแอนตี้โรแมนติกที่เกิดในดินแดนที่โรแมนติกที่สุด เพราะหนังรักเกาหลีมันดัง ละครเกาหลีมันดังมาก ผมอยากให้ดูเนื้อหาข้างในมันมากกว่า”


Create Date :20 สิงหาคม 2553 Last Update :28 มิถุนายน 2557 2:16:35 น. Counter : Pageviews. Comments :25