bloggang.com mainmenu search
กรรไกร ไข่ ผ้าไหม

หนังเด็ก-วัยรุ่น ของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์


บิณฑ์ บูม บิสซิเนส ของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ร่วมกับ สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ของ เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ส่งเด็กหนังวัยรุ่นเรื่องใหม่ที่จะมาทำให้คนไทยสนุกสนาน อิ่มใจกันกับเรื่อง “กรรไกร ไข่ผ้าไหม” ที่คราวนี้นอกจากดาราเด็กๆจากเรื่อง “ปัญญา-เรณู”จามาพลิกบทบาทใหม่กันแล้ว ยังมีดาราวัยรุ่นหน้าใหม่อนาคตไกลมารวมตัวกันมากมายรวมถึงดารารุ่นใหญ่มีฝีมือและดาราตลกที่จะมาสร้างสีสันให้กับ “กรรไกร ไข่ ผ้าไหม”ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 10 เมษายน 2557

บิณฑ์บรรลือฤทธิ์ ในฐานะผู้กำกับและเขียนบท พูดถึงการจบไตรภาคของ ปัญญา-เรณู แล้วหันไปสร้างหนังเรื่องใหม่ๆแทน

ผมว่า ปัญญา-เรณู ถ้าจะทำก็ทำต่อไปได้เรื่อยๆนะครับ เพราะยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายแต่ด้วยความที่อยากจะเปลี่ยนบ้าง เราทำ ปัญญา-เรณู รูปูรูปีไป บุกอินเดียกันมา เรื่องของอินเดียมีอะไรมากมาย ด้วยความที่เราหวังกับรูปูรูปี ไว้มาก แล้วเราไม่ได้อย่างที่เราตั้งใจสักเท่าไหร่จากรายได้เราคิดว่าส่วนหนึ่งเพราะน้องที่เล่นเป็น ปัญญา ในภาค 3 เราไม่มีน้องปัญญาคนที่เข้าไปดูก็รู้สึกผิดหวัง ทำไมไม่มีปัญญา ในปัญญา-เรณูภาค 3 ซึ่งโดยหลักแต่แรกแล้วผมไม่อยากใช้ชื่อ ปัญญา-เรณู ผมอยากใช้ชื่อ รูปูรูปี แต่ในการตลาดของ สหมงคลฯ แล้วเนี่ยการโปรโมทจะง่ายขึ้นเพราะคนจะรู้จัก ปัญญา-เรณู แล้ว มาบอกแค่รูปูรูปี คนอาจจะสงสัยว่าอะไร คนเข้าไปดูบอกไม่มีอะไรเกี่ยวกับ ปัญญา-เรณู เลยนะมีน้องเรณูเล่นเฉยๆ แล้วมีคนอื่นเข้ามา 2-3 ตัว เราก็เลย เอ๊…เราคงไม่ทำปัญญา-เรณู แล้วเพราะขาด น้องปัญญา ไปคน มันคงไม่ใช่ ปัญญา-เรณู อีกแล้ว


ที่มาของกรรไกร ไข่ ผ้าไหม เกิดขึ้นได้อย่างไร

ก็มาคิดว่าจะทำอะไรที่เกี่ยวกับเด็กได้บ้างแล้วพอดีวันนั้น หลานๆ ลูกของ เอกพัน มาที่บ้าน มานั่งเล่น กรรไกร ไข่ ผ้าไหม กันเราฟังก็ขำดี นั่งเถียงกันไปเถียงกันมา ใครเล่นผิดอะไรประมาณนี้เราก็คิดเด็กเล่นกันก็น่าจะมีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับ กรรไกร ไข่ ผ้าไหมเราก็เลยเอาล่ะ มาลองตั้งชื่อหนังว่า กรรไกร ไข่ ผ้าไหม สองบาทห้าสิบ แล้วลองถามคนอื่นๆเป็นไงหลายคนก็บอกชื่อ เก๋ดี แปลกดี แล้วก็ถามความเห็นทาง สหมงคลฟิล์มทางเสี่ยเจียงก็บอก ชื่อเขาไม่ติดอะไร เพียงแต่ว่ามันยาวไป ตัดสองบาทห้าสิบ ได้ไหมเออ…มันก็โอเค เหลือ กรรไกร ไข่ ผ้าไหม

วางโครงเรื่องสำหรับเรื่องนี้ไว้ยังไง

เราก็มาคิดเรื่องว่าอะไรจะไปยังไงให้มันสอดคล้องกับกรรไกร ไข่ ผ้าไหม ก็เอา เด็กคนหนึ่งบ้านเป็นร้านตัดผ้าสมัยโบราณ คือมี กรรไกรอีกคนบ้านเป็นขายของชำ มีกะป้ำปลา ไข่ อะไรพวกเนี่ย อีกบ้านก็เป็นพวกไฮโซมีร้านขายผ้าไหมอลังการใหญ่โต เอา 3กลุ่มนี้มารวมกัน แล้วทำยังไงจะเอาเด็กกลุ่มปัญญาเรณูมาเล่น เอากลุ่มน้ำขิง จอบแซ็ค ชิค มาเล่นเรื่องนี้ให้ได้ ก็มาคิดว่าน่าจะมีอะไรที่ทำให้เด็กพวกนี้เข้ามาเล่นได้ ก็เลยคิดว่าเด็กพวกนี้ต้องเข้าโรงเรียนนานาชาติหรือโรงเรียนอินเตอร์ ในปัญญา-เรณูทั้ง 3 ภาค พูดอีสานกัน มาเรื่องนี้ต้องไม่พูดอีสานเลย พูดภาษาไทยกับอังกฤษเปลี่ยนคาแร็กเตอร์ทุกคนหมด ด้วยความที่มีทุกชาติมาเรียนมีความสามารถของเด็กแต่ละกลุ่มๆ กลุ่มนี้เล่นดนตรี กลุ่มนี้เต้น ร้องเพลงกลุ่มนี้เรื่องกีฬา ชกมวย กลุ่มเล่นลีลาศ แล้วก็มีกลุ่มเด็กซ่า ตัวป่วนแล้วเราพยายามทำให้เรื่องนี้เข้ากับเรื่อง AEC ที่เราจะเข้าในปี58 นี้เราใช้เรื่องลีลาศเป็นตัวกลางแข่งขันระหว่างโรงเรียนนานาชาติหาคนที่เก่งลีลาศเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งกับอีก 9 ชาติในอาเซียนก็เอาเรื่องนี้ผูกเข้ามา ก็ทำให้เราต้องหานักลีลาศที่เล่นเก่งจริงๆเอามาเล่นนักมวยก็เป็นนักมวยจริงๆ กลุ่มดนตรีก็เล่นดนตรีได้จริงๆแล้วทุกคนมีบทบาทด้านการแสดงด้วยแล้วแสดงได้ดีด้วยให้เขาทำอะไรเขาทำได้หมดเลยหนังเรื่องนี้ผมถือว่าลงตัวมาก ทุกอย่างที่ผมต้องการอยู่ในเรื่องนี้หมดเลยเรื่องนี้ผมชอบมาก


เหมือนว่าจะเป็นการถ่ายทำที่น่าจะยุ่งยากกว่าทุกครั้ง

ยากกว่าทุกครั้งงบที่ตั้งไว้ไม่พอเกินงบไปเยอะ เพราะมีฉากใหญ่ มีเด็กที่มาลีลาศวันหนึ่ง30-40 คู่ถ่ายกัน 2 วัน 3คืน ใช้เอ็กซ์ตาร์มากมายเรื่องเกิดในโรงเรียนทุกวันเหล่านี้ทำให้ค่าใช้จ่ายเยอะซึ่งเรามองข้ามไป เรามองแต่เอา พี่ฮาย อาภาพร มาเอาพี่สมเล็กมา เอายาว ลูกหยี มา เขมร ลูกหยี มา เอาเล็ก ก่อนบ่ายมา เอาดาราตลกหลายๆคนมาพี่น้อย โพธิ์งาม ก็มาเล่น พี่จอย ชวนชื่น ก็มาเล่น ที่รับเชิญนี่ก็หมดไปเยอะแต่ก็คุ้มค่าถึงแม้จะออกมาทีละนิดทีละหน่อยมันก็ทำให้เป็นสีสันองหนังการถ่ายทำเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะยากมาก ต้องอดทน ต้องพยายามที่จะทำให้ได้ เพราะเด็กมีทั้ง6-7 ขวบ มีหลายรุ่นหลายๆคนมารวมกันให้บทคนนี้มากไปก็ไม่ได้น้อยไปก็ไม่ได้มันจะมีความเหลื่อมล้ำกัน ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจ เขาก็เข้าใจเขาเริ่มเข้าใจบางทีเราถ่ายคนนี้ ไม่ถ่ายคนนี้ ค่อยถ่ายทีละคนๆแล้วมารวมกันทีเดียวทีหลัง

เพลงในเรื่องนี้ก็มีความสำคัญเช่นกัน

เพลงก็เป็นสีสันของหนังก็จะได้มีช่วงจังหวะที่มันสมูทสบายๆ สนุกสนานไปด้วยเสียงเพลง ผมให้แต่งขึ้นมาใหม่ 2 เพลงเพลงเร็วสนุกๆ เพลงหนึ่ง ชื่อ “กรรไกร ไข่ ผ้าไหม” เพลงช้าๆ ชื่อ “เก็บเธอไว้ในใจ”ถือว่าเป็นเพลงวัยรุ่นน่ารักๆ ที่วัยรุ่นแอบชอบใครแล้วเก็บไว้ในใจไม่ให้ใครรู้ นักแสดงทั้งหมดก็ร้องเพลงทั้งสองเพลงนี้เลยเพราะผมไม่อยากให้หนังเรื่องนี้เอานักร้องจริงๆ เอาคนที่ร้องเพลงเก่งๆ มาร้องดูมันไม่ใช่เพลงของหนังเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยจับนักแสดงมาร้องก็คือน้องโฟร์(แชมป์ตีกลองของสยามกลการ) และน้องฟร้อน (รองมิสทีนปี 55)ถึงไม่ใช่มืออาชีพแต่ก็โอเคร้องดีได้อารมณ์และนักแสดงในเรื่องก็มาร่วมร้องกันหลายๆ คน ซ้อมกันจริงจังก็ประมาณ3 วัน เต้นก็จ้างครูมาสอนก็ประมาณ 2อาทิตย์ โดยครูอารดา ฉ่ำตระกูลจาก The Show Team ก็ออกมาสวยงามน่ารัก


พอใจกับหนังโดยรวมไหม

ผมดูหนังหลายรอบแล้ว  ตอนนี้ก็20-30 รอบแล้วนะดูเสร็จแล้วแก้ตรงนี้หน่อยนึง แก้เสร็จมาดูใหม่ จุดนี้เพิ่งเห็นแก้ใหม่คือต้องดูบ่อยๆเพื่อจะได้เห็นจุดที่บกพร่อง จุดที่แก้ไขได้ ปกติดู 5-6 รอบเราก็เบื่อแล้ว แต่เรื่องนี้ดูแล้วขำทุกรอบ ฮาทุกรอบ สนุกทุกรอบเรื่องนี้ดูแล้วชอบผมเลยต้องเลื่อนหนังออกไป

แนวทางของหนังวางหนังให้ไปในทางไหน

เรื่องนี้มีทุกแนวนะดราม่าก็มี คอมมาดี้ก็มี แอ็คชั่นก็มี มันมีครบหมดเลย ถ้าใครชอบหนังไทยที่เบาสมองสนุกสนาน มีสาระนะครับ ไม่ใช่ไม่มีสาระ มีแง่คิด ทุกเรื่องที่ผมทำถ้าสังเกตุผมจะแฝงสาระไว้ตลอดเรื่องน้ก็มีเรื่องที่นักเรียนตีกันบ่อย เรื่องนี้ผมแฝงไว้เลยว่าการตีกันถ้าเราจะตีกันอย่างถูกต้อง มาตีกันโดยมีกติกา ไปขึ้นเวทีต่อยกันยกพวกมาเลยมาต่อยกันบนเวที ต่อยเสร็จจับมือกัน รักกัน ไม่ต้องไปต่อยข้างถนนให้คนอื่นเดือดร้อน คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดือดร้อน เอาระเบิดมาขว้างกันเอาปืนมายิงกัน มันป่าเถื่อนเกินไป หรืออย่างความรักสามัคคีเวลาที่เราไม่มีคู่แข่งเราอาจจะทะเลาะกันในโรงเรียนบ้างแต่พอมีคู่แข่งมาจากนอกโรงเรียนทุกคนที่ทะเลาะเบาะแว้งจะจับมือกันเพื่อต่อสู้กับคนข้างนอก เหมือนกับประเทศไทยเหมือนกันเราอาจจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่พอเรามีเรื่องที่ต้องปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองของเรา เราก็จะรักกัน สามัคคีกัน ต่อสู้เหมือนบรรพบุรุษ


ความจริงหนังพร้อมฉายมานานตั้งแต่วันเด็กแต่เลื่อนมาจนสุดท้ายเข้าฉายในวันที่ 10 เมษายนนี้ต้อนรับสงกรานต์

สถานการณ์ของกรุงเทพฯบ้านเราเนี่ยคือยังไม่สงบเท่าไหร่ยังมีเหตุการณ์โน้น เหตุการณ์นี้ ผมเข้าใจ ผมต้องเลื่อนหนังเรื่องนี้ออกไปเพราะว่าอยากให้หนังเรื่องนี้ออกมาแล้วมีคนดู อยากให้มาดูหนังอยากให้มาให้กำลังใจเด็กให้กำลังใจผม เพราะถ้าเสี่ยงเข้าตอนนี้เกิดมีเหตุการณ์ที่คาดไมถึงเนี่ยมันจะเสียดายหนังเข้าไป4-5วันแล้วไม่มีใครดู จะกลับมาย้อนเข้าใหม่ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็โอเคเลื่อนดีกว่า อาจจะลงทุนไปแล้ว โฆษณาตามสื่อไปแล้วอัดรายการไปแล้วเราก็ต้องยอมเสียตรงนี้ไป

คาดหวังไว้แค่ไหนกับเรื่อง“กรรไกร ไข่ ผ้าไหม”

เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ผมทำผมตั้งใจทุกเรื่องอยู่แล้ว100% ในการเขียนบทเอง กำกับเองผมเองก็หวังทุกเรื่องอยากให้ประสบความสำเร็จใครทำหนังแล้วไม่หวังว่าให้หนังประสบความสำเร็จมันเป็นไปไม่ได้แต่ในเมื่อเรานำเสนอสิ่งหนึ่งให้กับคนดู คนดูอาจจะไม่ชอบใจหรือคนดูๆ แล้วไม่ถูกใจมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของคนดูอันนี้เราก็ไม่สามารถไปทำอะไรได้ แต่ขอให้รู้ไว้เถอะว่าหนังของบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ทุกเรื่องก็ไม่ใช่หนังที่เสียหายอะไรในการที่จะดูและผมก็ไม่ได้คิดว่าจะทำแต่หนังเด็กอย่างเดียว หนังผู้ใหญ่ก็มีแต่ก็อยากจะนำเสนอหนังเด็กบ้างปีหนึ่งอาจจะมีหนังเด็กๆ ให้ดูบ้าง ก็หวังไว้ว่าน่าจะประสบความสำเร็จบ้างสักนิดก็ยังดีเอาว่าไม่ขาดทุน เอาว่าพออยู่ได้กำไรสักนิดก็โอเค คงไม่หวังกำไรเป็น 50-60ล้านก็ไม่ได้หวังขนาดนั้น


ให้เชิญชวนคนดูหนังให้มาดูหนังไทยเรื่องนี้ กรรไกร ไข่ ผ้าไหม

ขอฝากให้มาให้กำลังใจผมให้กำลังใจน้องๆ มาช่วยสนับสนุนน้องๆกัน สนับสนุนหนังไทยกัน ถ้าหนังผมมีกำไร กำไรเหล่านั้นก็กลับคืนสู่สังคมในการช่วยคนนั้นคนนี้ ก็อยากให้ช่วยไปให้กำลังใจ ช่วยกันเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ดูกันได้ทั้งครอบครัว ดูกันได้หมดเลยใครอยากจะสนับสนุนผมหรืออยากจะให้กำลังใจผมก็ไปดูหนังผมนะครับก็ไปดูหนังผมแล้วได้ความบันเทิงใจและก็ได้อีกสิ่งหนึ่งคือความสนุกสนานเฮฮาแล้วก็ได้ทำบุญกับผมผมเองก็ไม่ได้เอาเงินไปไหนก็มาช่วยเหลือคนที่ยากจนก็ให้กำลังใจดูคนละสองรอบสามรอบก็ถือว่าให้กำลังใจผมๆ ก็จะทำหนังดีๆ ขอฝากไว้ด้วยนะครับ






Create Date :30 เมษายน 2557 Last Update :30 เมษายน 2557 8:21:09 น. Counter : 3275 Pageviews. Comments :1