bloggang.com mainmenu search
“จีทีเอช”มักน้อยตั้งเป้ารายได้แค่ “300 ล้าน”
“ไอฟายฯ”แรงไม่พอ เบียดแซงหนัง “พี่มากฯ”

ใครจะเชื่อว่าหนังเรื่อง“ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” งานกำกับของ “เมษ ธราธร” จะทำเงินมากมายขนาดนี้ก็พอคาดหมายได้ว่าน่าจะทำเงินแต่ไปแบบหยุดไม่อยู่นี่ก็เกินคาดหมายเหมือนกัน แล้วทำให้ค่ายหนังอย่างจีทีเอชเป็นค่ายเศรษฐีไป เพราะลงทุนแล้วคุ้ม ฉายหนังไม่ถึง 10 วันกลับทำรายได้เกือบ 200 ล้านแล้ว โดยล่าสุดฉายถึงวันที่ 18 ธันวาฯทำรายได้ไป  171.19 ล้านบาท แต่ทางค่ายจีทีเอชเองกลับตั้งเป้าไว้แค่ 300ล้านหลังจากจัดงาน“แต๊งกิ้ว…เลิฟยู้ โกอิ้ง-ทู 300 ล้าน!!” งานปาร์ตี้ฉลองรายได้ของหนัง“ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” ไปเมื่อวันก่อน


“สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน” ผู้กำกับและหนึ่งในผู้บริหาร ค่าย จีทีเอชได้พูดถึงหนังและความสำเร็จอีกครั้งที่เกิดขึ้น

“ก็ผิดคาดแต่เป็นการผิดคาดที่ดีมาก อา…พอดีงวดนี้เนี่ยเรามีรอบสื่อมวลชนพร้อมกับวันที่เข้าฉายปกติ ดังนั้นเลยไม่มีเวลาแบบว่ามารอฟังฟีดแบ็คของคนแล้วก็ทำไรเราทำทุกอย่างเต็มที่ตั้งแต่วันที่เราวางแผนไว้ ทีนี้ผลออกมามันก็บวกมากบวกมากกว่าที่เราคิดไปหลายสเต็ปเหมือนกันแต่ก็โอเคเป็นสิ่งที่คาดหมายได้ระดับหนึ่งว่า คนดูน่าจะชอบเพราะตัวเราพวกเราเองก็ชอบกันหมดทุกคน พอเปิดมาเป็นแบบนี้ ก็..ว่ายังไงดี ก็น่าจะเป็นความรู้สึกดีๆส่งท้ายปีครับ”

โอกาสที่หนังทำรายได้มากกว่านี้ก็เป็นไปได้มากแต่มันจะไปจบที่เท่าไหร่กันแน่

“ถ้ามองตามลักษณะของตัวเลขตามสถิติยังไงก็ตามมันน่าจะ คือ 5 วันมันผ่าน 100ล้านยังไงมันก็ผ่าน 200 ล้านแน่นอนเพราะว่าจาก performance ของเราจากชั่วโมงของการฉายหนัง หนังไทยน่าจะฉายเกิน 3 อาทิตย์ คุยกับคุณวิสูตรปกติทั่วไปแล้วถ้าเกิดตัวเลขเป็นอย่างนี้บวกกับฟีดแบ็คของคนดูที่เรารู้สึกว่าคนดูเราบวกมากกับหนังเรื่องนี้มันก็น่าจะผ่าน 200 ล้านแน่นอน เพียงแต่ว่าพอมันผ่าน 200 ล้านแล้วเนี่ยไปจุดไหนทีนี้เราก็ต้องค่อยมาดูแล้วว่าอาทิตย์หน้ามันมีเรื่องไหนเข้าหนังก็จะถูกแบ่งโรงซึ่งก็เป็นธรรมชาติของการฉายหนังอะครับคือพอมีหนังใหม่เข้ามาปุ๊บ มันก็ต้องมีการทอน แบ่งโรงไปอะไรอย่างเนี่ยแต่เราก็ยังเชื่อว่าด้วยความสนุกสนานของหนังที่บอกต่อๆกันมาเนี่ยน่าจะฉายถึงปีใหม่หนังเรื่อง ไอฟายฯเนี่ยยังคงมีโรงฉายอยู่แน่นอนเพียงแต่มากหรือน้อยก็คงต้องดูหนังเรื่องอื่นที่เข้าใหม่ทุกอาทิตย์ครับ”

ในแต่ละสัปดาห์ก็มีหนังเข้าใหม่หลายๆเรื่องจะทำให้รายได้หนังลดลง เพราะเหลือโรงฉายน้อยลง

“ก็ต้องดู Hobbitที่เปิดตัวอาทิตย์นี้ เรารู้สึกว่าจริงๆแฟนของ Hobbitจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง สำหรับหนังอย่าง ไอฟายฯเนี่ยแฟนกลุ่มที่เราคาดหวังไว้เนี่ยเขาก็มาดูหนังแล้วตอนนี้ก็เริ่มเป็นกระแสของการบอกต่อที่จะชวนคนกลุ่มอื่นมาดูบวกกับกลุ่มที่ดูไปแล้วกำลังเริ่มดูซ้ำ ถ้าดูจากสถิติตัวเลขแบบนี้ ผมว่ามันก็จะไปของมันคือโอเคมันก็มีหนังใหม่เข้า แต่หนังใหม่เข้าเขาก็จะมีกลุ่มที่ชัดเจนของเขาไปผมว่ายังอาจไม่ส่งผลนัก เพราะธรรมดาเนี่ยสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทางโรงหนังกับทางหนังไทยเนี่ยยังไงก็ตาม 2 อาทิตย์ถ้าเกิด performance เราดีเนี่ยจำนวนโรงฉายมันน่าจะยังเท่าเดิม เพียงแต่ว่าขนาดของโรงก็สลับกันไปตามหนังใหม่ที่เข้ามาหรือตามสิ่งที่เกิดขึ้นมาประจำก็คือโอเคในวันพฤหัสเนี่ยสัปดาห์ที่ 2 เราอาจต้องเสียโรงใหญ่ให้กับหนังที่เข้าใหม่แต่ถ้าแรงความต้องการของคนดูอยู่ที่หนังเราอยู่ มันก็เกิดขึ้นบ่อยๆที่ทางโรงเขาก็จะสลับกลับมาเป็นโรงใหญ่ให้เราเพราะฉะนั้นเราก็หวังว่า ความหวังที่จะเกิน 200 ล้านเนี่ยเป็นไปได้”


หากประเมินรายได้กัน หนังเรื่องนี้น่าจะได้สักเท่าไหร่ 300 ล้านเป็นไปได้ไหม

“มันต้องค่อยๆดูเป็นอาทิตย์ถ้าอย่างวันพรุ่งนี้สถิติตัวเลขที่ตกลงมามันยังอยู่ในเกณฑ์อยู่มันก็อาจจะคิดได้เหมือนกันว่าน่าจะถึง300 ครับ คือตัวของเราเองเนี่ยเรารู้สึกว่ามันยังแรงเรามั่นใจมากแต่ว่าด้วยหนังใหม่ๆที่เข้ามา มันเป็นกฎกติกามรรยาทที่มันต้องมีการแบ่งโรงกันไปกับกระแสของคนดู มันก็อาจจะส่งผลบ้างแต่ถ้าถามส่วนตัวจริงๆเราว่าน่าจะไปได้อีกไกลสำหรับ ไอฟายฯ อันนี้ความเชื่อส่วนตัวน่ะผมว่าหนังสนุกๆอย่างไอฟายฯถึงปีใหม่ยังมีโรงให้ฉายอยู่ คนดูยังมีโอกาสได้ดูอยู่เพียงแต่มากหรือน้อยเนี่ย อันนี้ยังตอบไม่ได้แต่ว่ายังอยู่ถึงแน่นอนเพราะจากวันเปิดตัววันที่ 10 ธันวาฯจนถึงปีใหม่มันก็แค่3 อาทิตย์เองนี่แต่หนังอย่างพี่มากฯเราฉายอยู่ 2 เดือนแน่ะ”

มีโอกาสที่จะทำรายได้เท่า “พี่มาก…พระโขนง” ระดับ 500 ล้านหรือพันล้านทั่วประเทศได้ไหม

“คิดว่าไม่เท่าพี่มากฯ เนี่ยต้องยอมรับจริงๆว่ามันเป็นปรากฎการณ์ที่มหัศจรรย์มาก ไม่มีใครคาดคิดแล้วบวกกับว่าถ้ามองย้อนกลับไปพี่มากฯเข้าฉายในช่วงเวลาที่มีวันหยุดพิเศษเต็มไปหมดในช่วงวีคต้นๆคือเข้าฉายตั้งแต่ปลายมีนาฯ แล้วมันก็บวกมีวันหยุดยาว หยุดสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก แล้วเนื้อหาพี่มากฯเป็นเนื้อหาที่ทุกกลุ่มจริงๆคือไอฟายฯก็ได้หลายกลุ่มนะครับ แต่มันยังอาจไม่ดึงปู่ย่าตายายรุ่นนั้นที่ดึงได้เหมือนตอน พี่มากฯแต่ว่าสถิติของไอฟายฯถ้าดูจากตอนนี้เนี่ยมันก็เป็นอะไรที่น่าจดจำไม่ธรรมดาเหมือนกัน”

พอจะฟันธงรายได้ของ “ไอฟายฯ” ได้ไหมว่าน่าจะจบที่เท่าไหร่

“มันเกิน 250แน่ๆแต่เกิน 250 แค่ไหนเดี๋ยวต้องดูต่อไป”

แต่ปีนี้ส่วนใหญ่หนังไทยทำรายได้เฉลี่ยน้อยมาก

“ปีนี้สถิติของหนังไทยเราแพ้หนังต่างประเทศอยู่เยอะเหมือนกันพอมีตัวเลขของไอฟายฯเข้ามาเนี่ยอย่างน้อยทำให้ค่าเฉลี่ยของสถิติเองเนี่ยตัวเลขมันกระเตื้องขึ้นมาหน่อยไม่งั้นปีนี้โอ้โหมันเหนื่อยมาก”

แต่หนังปีนี้ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านเป็นของ จีทีเอช

“เรื่อง คิดถึงวิทยาได้ 100 ล้านพอดี ฝากไว้ในกายเธอ 70 แล้วก็มาเรื่องนี้ 3 เรื่องครับ”

หนังจีทีเอชเดินตามความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

“สิ่งที่ทำอยู่มันคือมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดอยู่แล้วครับเพียงแต่ว่าเรื่องไหนบางเรื่อง คือเราก็ทำหนังที่หลากหลายอารมณ์บางเรื่องก็อาจถูกใจคนกลุ่มกว้างมากบางเรื่องก็ถูกใจคนเฉพาะกลุ่มอันนี้เราก็ถือว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้มีความหลากหลายแล้วอย่างที่บอกฮ่ะ เรื่องสูตรสำเร็จมันไม่มีจริง ถ้ามีจริงทุกวันนี้มันต้องมีหนัง100 ล้าน 200 ล้าน พันล้านตลอดเวลาสิ สูตรสำเร็จไม่มีจริงคือหนังที่ประสบความสำเร็จได้คือว่ามันอยู่ที่ตัวมันเองล้วนๆฮ่ะการตลาดดีแค่ไหนก็ตาม ตัวมันเองไม่แข็งแรงพอมันก็ไปได้ไม่ไกลหรอกครับ”

ทางจีทีเอชมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จได้มากที่สุด

“ผมว่าความเป็นทีมเวิร์คทั้งในส่วนของตัวเนื้อหนังกับในส่วนของการโปรโมทการประชาสัมพันธ์ การทำมาร์เก็ตติ้งต่างๆเนี่ย มันถูกทำงานเป็นเนื้อเดียวกันมันถูกทำงานอย่างสอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มต้นโปรเจ็กต์ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของจีทีเอชซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่ากว่าโปรเจ็กต์แต่ละดปรเจ็กต์จะผ่านออกมาได้เนี่ยมันเหนื่อยกันมาตั้งแต่ตอนเขียนบทเป็นปีๆแล้ว ในระหว่างการถ่ายทำเราก็ใช้เวลาทุ่มเวลาทุ่มปัดเจตผมเชื่อว่านาทีนี้เราก็สูงโดยเฉลี่ยเราก็ใช้เวลาในการถ่ายทำหนังแต่ละเรื่องมากกว่าเรื่องอื่นๆโดยเฉลี่ยนะครับแล้วเมื่อหนังออกมาเตรียมการเพื่อนำเสนอกับคนดูเราก็พยายามมันอย่างหนัก เราให้เวลากับมัน มันเป็นอะไรที่เรียกว่ามีการเตรียมการทุกขั้นตอนมันก็น่าจะส่งผลในการที่ทำให้เวลาเราปล่อยหนังมาเรื่องหนึ่งคนดูน่าจะรู้จักหนังเราเยอะกว่าหนังที่ออกฉายในเวลาเดียวกันแต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะทำดีแค่ไหน เขาอยากดูหรือไม่อยากดูตัวนี้แหล่ะมันยังต้องไปวัดกันที่ตัวเนื้อใน”

ถ้าพูดถึงเสน่ห์ของหนัง “ไอฟายฯ” ที่ทำให้คนแห่เข้ามาดูกันมากมายขนาดนี้

“เบื้องต้นเลยที่ดึงคนเข้าโรงหนังก็คือความสนุกสนานอะไรต่างๆแต่สิ่งที่มันเป็น plus แล้วถูกใจคนมากๆเลยก็คือ ความซึ้งเรื่องของความโรแมนติก เรื่องอขงอะไรพวกเนี่ย ทีทำให้เป็นดับเบิ้ลคูณสองคูณสามด้วยแถมเพลงพี่อ่อง(สรสีห์ อิทธิกุล)อีกเพลง(Walk You Home) ตลกนำ ซึ้งตาม ทำให้ได้คนดูหลายกลุ่มบวกกับเรื่องเกี่ยวกับภาษาผมว่าคนไทยหลายๆคนมันมีประสบการณ์ร่วม”



Create Date :19 ธันวาคม 2557 Last Update :19 ธันวาคม 2557 16:15:40 น. Counter : 2383 Pageviews. Comments :0