bloggang.com mainmenu search

1. พูดกันดีๆ ไม่ได้นาน

อันนี้เรียกว่าดีแค่จั่วหัวเท่านั้น
หลังจากนั้น เนื้อหาเป็นการพูดชวนทะเลาะเสียมากกว่า
เพราะพอพูดดีๆ กันไปได้ไม่กี่คำ สิ่งที่ตามมาก็คือ
การเจาะประเด็นข้อพิพาทอันเป็นการทำลายบรรยากาศการพูดจา
กันอย่างเป็นมิตรลงเสียสิ้นดี
การพูดที่จบด้วยการมีปากเสียงเช่นนี้
เป็นใครก็ไม่อยากพูดด้วยเลยล่ะค่ะ

2. พูดแต่เรื่องชาวบ้าน

หลายคนอาจจะชอบการเมาท์ แต่การสนทนาที่จัดหนักแต่เรื่องชาวบ้านแบบนี้
บางทีคนที่ร่วมวงอาจจะชอบฟังกับสิ่งที่คุณนำมาแชร์หรือนำมาแฉ
แต่เชื่อหรือไม่ว่าลับหลังการสนทนานั้น
สิ่งที่คนอื่นเอ็นจอยกับการเม้าท์เรื่องชาวบ้านกับคุณ
พวกเขาจะต้องแอบคิดอยู่ในใจเป็นแน่ว่าหากเป็นเรื่องของพวกเขาเอง
พวกเขาบังเอิญไม่ได้อยู่ขัดคอเรื่องเม้าท์ของตัวเอง เรื่องฉาวๆ
หรือเรื่องไม่ควรนำมาพูดต่อสาธารณชนของพวกเขา
ก็คงโดนเม้าท์แบบเป็นโจ๊กแบบนี้เหมือนกัน
สาวขี้เม้าท์ไปทั่วจึงเป็นบุคคลอันตรายของทุกๆ คนค่ะ

3. พูดคำด่าคำ

ไม่ีใครอยากฟังคำด่าหรือคำพูดที่ชวนโมโหหรอก
การพูดกึ่งด่ามันแสดงออกถึงความไม่สุภาพ
และสะท้อนไปถึงนิสัยและพฤติกรรมที่ตามมาอื่นๆ
ซึ่งอาจจะแย่ตามลักษณะการพูดจา
ผู้หญิงที่ลำพังแค่พูดจาประมาณมึงๆ กูๆ
ก็อาจจะดูสวยน้อยลงในทันที
ที่โพล่งคำสรรพนามอันไม่สุภาพเหล่านั้นออกไป
แต่สำหรับผู้หญิงที่พูดจา ที่มีเนื้อหาไม่สุภาพ
ชนิดมีสัตว์ป่าวิ่งเผ่นผ่านทุกประโยคนั้น
ผู้ชายเอง แม้พวกเขาจะพูดกับเพื่อนๆ ผู้ชายในลักษณะเดียวกัน
แต่เขาไม่นิยมเสวนา หรือ ถ้าเลือกได้พวกเขาปรารถนาที่จะอยู่ห่างๆ
จากผู้หญิงที่มีลักษณะคำพูดจาที่ดูดิบ เถื่อน
ดูไม่สุภาพเยี่ยงที่ผู้ชายเขาพูดกันหรอกค่ะ

4. สุภาพเกินความพอดี

ความสภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งถ้ามันมากไป
ชนิดที่ดูเป็นทางการประหนึ่งว่ากำลังอ่านหนังสือจดหมายราชการไปหมดแบบนี้
คู่สนทนาจะรู้สึกเกร็ง แถมแอบรู้สีกต่ำต้อยด้อยค่าเหมือนกันว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้ดี
และกำลังโดนบีบบังคับให้สุภาพ ทั้งที่ในสถานการณ์เช่นนั้นมันไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น
ที่สำคัญคือความสุภาพเกินไปจะสร้างความอึดอัดไม่เป็นกันเองกับคู้สนทนา
สำหรับผู้ชายเองถ้าเขาเจอคู่สนทนาผู้หญิงที่สุภาพเกินไปแบบนี้
ถึงต่อให้สวยแค่ไหน แต่พูดแล้วอึดอัดไม่เป็นกันเองแบบนี้
พวกเขาก็ไม่อาจหยอกเย้ากระเซ้าแหย่ประสาหนุ่มสาวหรอกค่ะ

5. พูดแบบไม่เกรงใคร

การพูดแบบข้าเป็นลูกสาวเจ้าพ่อไม่ได้กลัวเกรงใคร
ช่างเป็นการพูดทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกขวัญผวาอยู่ไม่ใช่น้อย
การพูดที่เป็นการแสดงสรรคุณว่าตัวเองกล้าสามารถและมีอภิสิทธิ์ที่เหนือชาวบ้าน
ชนิดแบบเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อมีอิธิพล บ้านรวยแค่ไหน แบบนี้นั้น
ช่างเป็นการเบ่งที่ทำเอาใครรู้สึกว่าหากจะต้องคุยด้วย
จำเป็นต้องพินอบพิเทา และ ยอมโดนกดขี่ด้วยคำพูดของฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา
การสร้างอิทธิพลแม้กับคำพูดของตัวเองมันไม่ช่วยให้คนอื่นศรัทธา
และเชื่อในคำพูดของคุณหรอกค่ะ รังแต่สร้างความหวาดกลัวให้กับคนฟังที่ขี้กลัว
และทำลายบรรยากาศของมิตรภาพที่เตลิดไปพร้อมกับบทสนทนาขี้อวดและอัปกิริยาที่ก้าวร้าว

6. พูดทะลึ่งลงใต้เข้มขัดตลอดเวลา

จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้ผู้ชายก็ชอบพูดสร้างความบันเทิงให้กันเองค่ะ
แต่ผู้หญิงเองก็สามารถแจมได้อย่างไม่น่าเกลียด
แต่อย่าลึกล้ำชนิดกลายเป็นเซ็กซ์ที่เห็นภาพอย่างประเจิ้อประเจ้อเลยนะคะ
เอาแค่สนุกปากแบบใช้ภาษาสัญลักษณ์แทนเรียกอวัยวะภายใต้ร่มผ้า
เหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา ทางที่ดีผู้หญิงเองควรเป็นผู้ฟัง
และผู้แจมที่ดีน่าจะดีกว่า อย่าเป็นผู้นำเวลาเล่นมุกชนิดสองแง่สองง่ามแบบนี้เลย
มันจะดูไม่งาม เพราะคนฟังจะพาลนึกและประเมินคุณ ว่าเป็นสาวที่ช่ำชองเรื่องอย่าว่า
หรือมีความ want เรืองนั้น คุยอะไรก็ชวนลงต่ำกว่าใต้เข้มขัดไปหมด

7. พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย

ยินดีแต่การเป็นฟังที่ดีหรือเป็นคุณผู้หญิงพูดน้อย
ที่คู่สนทนาพูดมา 10 ประโยค เอาแต่พยักหน้าเห็นด้วยแบบไร้เสียง
ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนพูดแต่อย่างเดียวก็รู้สึกว่าเม้าท์ไม่มันส์ขึ้นมา
เพราะตัวเองเป็นฝ่ายรวบรวมพลัง และ เรื่องราว หรือ แม้แต่ความคิดเห็น
มาแลกเปลี่ยนเอาเสียเลย การพูดกับคนที่ไร้ปฎิกิริยาตอบสนองแบบนี้
ต่อให้เป็นผู้ชายที่ช่างจ้อเขาก็คงรู้สึกไม่ฮปปี้ที่จะแชทด้วยหรอก
เพราะอาการไร้ฟีดแบ็คหรือไม่จ้อกลับแบบนี้
มันดูเหมือนฝ่ายหญิงแสดงอาการไม่สนใจเขาค่ะ
ดังนั้นถ้าเลือกได้ผ้ชายก็อยากคุยกับคนที่สนใจคารมของเขาค่ะ

8. พูดเรื่องนึงพาลไปอีกเรื่องนึง

สำหรับผู้ชายทุกคน นี่คือคุณสมบัติข้อสำคัญ
ของผู้หญิงที่ผู้ชายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า
เมื่อผู้หญิงเริ่มไม่พอใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเข้า อาการพาลไม่พอใจ
แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาอย่างนานนมแล้วก็ตาม
ผู้หญิงก็สามารถที่จะผูกเรื่องให้เป็นความผิดพลาดขัั้นร้ายแรง
ที่ยิ่งทวีความโมโหโทโสไปกันใหญ่ ทั้งที่เหตุที่เกิดขึ้นปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้อง
กับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต หรือเรื่องนั้นกับเรื่องนี้หาได้มีความสัมพันธ์อันใดเลย
แต่อารมณ์พาลของผู้หญิงก็สามารถขุดเรื่องอดีตและเชื่อมโยงคนละเรื่อง
ให้กลายมาเป็นเรื่องเดียวกันได้ ผู้ชายเลยพยายามเลี่ยงไม่พูดเวลาผู้หญิงโมโห
นอกจากคุยกันบนข้อมูลของสิ่งที่กำลังเป็นประเด็นจะไม่รู้เรื่องแล้ว
เรื่องราวยังจะบานปลายเป็นเรื่องอื่นๆ ด้วยล่ะค่ะ

9. พูดไทยคำอังกฤษคำแบบแอ็กเซ่นท์เวอร์ๆ

ไม่ผิดหรอกนะคะที่สมัยนี่เราจะพูดภาษาไทยปนภาษาอังกฤษ
เพราะด้วยโลกอันไร้ซึ่งพรม แดนและการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของเทคโนโลยี
อะไรใหม่ อะไรอินเทรนด์ เราก็มักจะเรียกของเหล่านั้นทับศัพท์ไปเลย
โดยไม่รอให้ราชบัณฑิตยสถานคิดค้นคำภาษาไทยแท้มาบัญญัติเรียกคำนั้นอยู่หรอก
เพราะสิ่งประดิษฐ์ใหม่อินเทรนเช่นนี้ เพียงแค่ชั่วข้าคืนจากมุมโลกนึง
ก็เป็นที่ฮิตกันทั่วโลกสังคมออนไลน์ จึงไม่แปลกที่จะสื่อสารกันแบบไทยสองคำอังกฤษสองคำ
แต่สิ่งที่ต้องขอกันคือเวลาพูดภาษาอังกฤษในภาษาไทย กรุณาอย่าใส่ Accent อังกฤษ
แต่สามารถออกเสียงคำทับศัพท์เหล่านั้นด้วยสำเนียงไทยก็ได้
เพราะนอกจากจะไม่ทำให้รู้เรื่องมากขึ้นแล้ว แถม Accent เว่อร์ๆ
รังแต่จะยิ่งทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง ที่สำคัญคนที่ฟังจะรู้สึก
แบบหมั่นไส้คนพูดถึงความแดะที่หาได้สมควรไม่

10. พูดตรงเกินไป

มันดีค่ะที่เราจะสื่อสารความต้องการและความคิดของเราแบบตรงๆ ไปเลย
แต่ประเด็นที่ต้องจำไว้ขึ้นใจ คือ ความสามารถในระดับความแรงของการรับสาร
ของแต่ละคนมันแตกต่างกัน สำหรับคนที่เซ้นสิทีฟเอามากๆ
การสื่อฟีดแบ็คในลักษณะที่เป็นเนกาทีฟก็อาจจะต้องอ้อมค้อม
หรือ หาคำที่ซอฟท์ที่กระทบกับความรู้สึกที่น้อยที่สุดเท่าทีจะป็นไปได้
สาวที่พูดตรงๆ ชนิดมะนาวไม่มีน้ำก็อาจจะถูกใจ
คุณผู้ชายกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่ชอบสาวที่พูดตรงไปตรงมา
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การพูดกันแบบตรงชนิดไม่ชอบมากก็บอก "เกลียด"
ไม่ปลื้มก็บอก "ทุเรศมาก" เช่นนี้ นอกจากคำแรงๆ
จะทำร้ายความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว เผลอๆ จะชวนให้ก่อการวิวาทกันด้วยซ้ำค่ะ

ที่มา : yenta4.com โพสต์โดย monkeytan

Create Date :23 กันยายน 2556 Last Update :23 กันยายน 2556 13:45:52 น. Counter : 1443 Pageviews. Comments :0