bloggang.com mainmenu search

เราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี เพื่อนบ้านก็ดี มีน้ำใจ
ข้างบ้านรั้วติดกันมีคุณลุงคนหนึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ภรรยาเสีย
ตั้งแต่เรายังไม่ย้ายเข้ามา ลูกๆ ทั้ง 3 คน ต่างก็แต่งงาน มีครอบครัว ไปอยู่ที่จังหวัดอื่นๆ กันหมด
ลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียวมาเกือบ 10 ปี

เราได้รู้จักลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก
มีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่ คือ เบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไปตามปกติ
ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลานคอยช่วยเหลือ
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุรต่างๆ
และถ้าป่วยหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูกๆของแกให้
ลูกๆ ก็จะมาเยี่ยมบ้าง ไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่า คุณลุงเหงา ...

.... บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง
ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไปหลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่
ช่วงเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่นๆ เขามีลูกๆ มาเยี่ยม
เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพังเราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้
บางครั้งก็เป็นพวกผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้

ลุงก็ดีใจ ให้ศีลให้พรกันยกใหญ่ แล้วก็บ่น รำพึงรำพันถึงลูก ๆ
..น้ำตาไหล นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้าน รอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูกๆกลับมาเยี่ยมบ้าง
หลายปีมานี้ คุณลุงก็ได้แต่รอ.. เราก็ได้แค่ปลอบว่า ลูกๆเขาคงติดธุระ
วันไหนเขาว่างก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่าๆ

ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น
มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นพิเศษ
เราไปช่วยลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง

ลุงจะคัดลูกสวยๆ เก็บใส่กล่องดูแลเป็นพิเศษ
เก็บไว้รอลูกๆ อยากให้ลูกได้กินของดีๆ
หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุงรอลูกๆ
จนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน

... หลายปีมานี้ ก็ไม่เคยเห็นลูกๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้แม้แต่ครั้งเดียว
มีที่แปลงหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย
ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้
5 เดือนเศษๆ หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจและก็ขายได้ในที่สุด
ในราคา 1 ล้านบาท เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือ

คิดถึงลูกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ
ลุงบอกว่าจะแบ่งเงินให้ลูกทั้ง 3 คน เท่าๆกัน

วันรุ่งขึ้น ลุงก็มาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย
ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก เราก็พาไป
วันนั้นเป็นลูกค้ารายแรกของธนาคาร

คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท

เมื่อกลับมา จอดรถส่งลุงหน้าบ้าน
ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงิน ในกระเป๋า 1 แสนบาท
ยื่นส่งให้ บอกว่า ...เอานี่ ลุงให้...
เรารีบ ปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผม
ลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูกๆไปเกือบหมดแล้ว

ลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเราต้องรับโทรศัพท์และพาคนไปดูที่
หลายเดือนมานี้ไม่รู้ขับรถไป-กลับกี่รอบแล้ว
และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน
ไม่เคยได้ให้อะไรตอบแทนบ้างเลย พ่อหนุ่มไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน
แต่ก็ยังอุตส่าห์เสียเวลาเป็นธุระจัดการเรื่องราวให้สารพัด
รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริงๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ

เราก็ไหว้ ขอบคุณครับลุง กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ
ดึกๆจึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ แต่ลุงไม่รับคืน และยืนยันว่าตั้งใจจะให้เราจริงๆ

อีก 2 วันถัดมา มีรถยนต์มาจอดที่บ้านลุง ลูกสองคน คนเล็กและคนกลาง
มาเยี่ยมและทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า
เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้านหยิบเงิน 1 แสน
เดินไปที่บ้านลุง แล้วคืนเงินให้ลุง ลุงปฏิเสธและพยายามอธิบายให้ลูกๆ ฟัง
แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา

ก่อนตะวันตกดิน ได้ยินเสียงรถขับออกไป
สักพักลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่น แล้วก็ลากลับไปแล้ว
คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด.. ลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ
ไม่คิดว่าลูกๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้ ... ลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือน
มาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท
เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น

อีก 3 วัน เกือบๆเที่ยงคืน ลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต
"เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรฯ ไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ
พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนาหลายวันออกมาไม่ได้
พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มาถึงซะดึก
พี่ต้องขอโทษแทนน้องๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริงๆ
เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง
อายุก็มากแล้วแต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริงๆ
เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม
เดี๋ยวกลับไปพี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้"

"ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร....." เราปฏิเสธไป

วันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไป ลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ
"เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้วอีก 5 ปี
จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกมาเมียมาอยู่ที่นี่"

เราสังเกตุเห็นแววตาอันสดใส ของคุณลุง
บ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด
ดีใจด้วยครับลุง ต่อไปลุงจะได้ไม่เหงาแล้ว

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปีแล้วซินะ.....
ที่ลุงนับวันรอว่าจะมีลูกๆ กลับมาอยู่ด้วย
เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า
เดือนแล้วเดือนเล่า
ปีแล้วปีเล่า.....และสุดท้าย.....
ลุงน่าจะอดทนรออีกนิด .. อีกนิดเดียวเองครับลุง

ในห้องไอซียู เรากับพี่ใหญ่นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้
ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต คุณลุงขยับนิ้วมือ
เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือลุง ดวงตาค่อยๆ ปิดลงช้าๆ
คุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ ...

หลังงานศพ เสร็จสิ้น
ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า
"พ่อฝากไว้ให้ พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้
ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ"

เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซอง
จ่าหน้าว่า...
คืนเงินเดือนที่ 1-2-3... ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10
ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ....
ซองสุดท้าย มีข้อความว่า

ถึง... หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน
ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญาขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุกๆเรื่อง
และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด ป้ามารอลุงแล้ว..... ลุงต้องไปก่อน.

อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาด
เราสังเกตุเห็นปฏิทินที่คุณลุงใช้ขีดฆ่า เพื่อนับวันรอลูกๆถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้าน
เดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้

ขายบ้าน ด่วน !

เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด  นึกถึงภาพคนแก่
ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลขบนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา
ลูกๆคงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่าๆ ไร้ค่าใบนี้
มันซ่อนความห่วงหาอาลัยซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่
ซ่อนความเจ็บปวดร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่ง
ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดียวเพียง ลำพังมานานกว่า 10 ปี
เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป

ขอให้บุญกุศล และคุณงามความดี ทั้งหลายทั้งปวง
ที่คุณลุงได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต
จงนำพาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณลุง ไปสู่สุคติ
ในดินแดนอันสงบ ร่มเย็น ชั่วนิจนิรันดร์





ขอบคุณภาพประกอยจากอินเตอร์เน็ต
เรื่องโดย ลูกสาว อบต@postjung.com

Create Date :24 มีนาคม 2557 Last Update :31 มีนาคม 2557 21:06:11 น. Counter : 2329 Pageviews. Comments :0