เชิญคลิกชมภาพยนตร์ม้วนแรกเกี่ยวกับสยาม และ
ร. 5 เสด็จกรุงสตอคโฮลม์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปชมงานวันหนังบ้านครั้งที่ 3 ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน มีหนังบ้านที่ถ่ายทำกันภายในครอบครัวมาฉายให้ชมกัน ซึ่งนับวันจะเก่าและผุพังไปตามกาลเวลา หนังบ้านจำนวนมากที่มาจากหลายครอบครัว หลายกาลเวลาได้รับการอนุรักษ์ไว้ตามความประสงค์ของเจ้าของ เชื่อแน่ว่าจะช่วยยืดอายุของภาพในอดีตเหล่านั้นให้ยืนยาวออกไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน
หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) เห็นความสำคัญของหนังบ้านในฐานะเอกสาร ที่มีคุณค่าเป็นจดหมายเหตุบุคคลและสังคม จึงยินดีรับมอบและแสวงหาหนังบ้านของไทยมาตั้งแต่แรกจัดตั้งหอภาพยนตร์เมื่อปี 2527 หอภาพยนตร์ ได้จัดงาน วันหนังบ้าน (HOME MOVIE DAY) ซึ่งวงการหนังบ้านหลายประเทศทั่วโลกพร้อมใจกันจัดงานนี้ขึ้น นับแต่ปี 2545 เป็นต้นมา กำหนดเอาวันเสาร์ใดเสาร์หนึ่งในเดือนตุลาคม
นับตั้งแต่มีการค้นคิดการถ่ายภาพขึ้นมาสำเร็จเมื่อราว ๑๘๐ ปีมาแล้ว และได้รับการพัฒนาต่อเนื่องไปเป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหว คือ ภาพยนตร์
หนังบ้านหรือหนังสมัครเล่นนี้ เริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อแรกมีภาพยนตร์ อุปกรณ์เช่นกล้องถ่าย หรือเครื่องฉาย จะมีขนาดเล็ก กลไกง่ายๆ และราคามีหลายระดับให้เลือก
การถ่ายภาพยนตร์เล่นเป็นงานอดิเรก บันทึกกิจกรรมในครอบครัว เช่น ถ่ายลูก ๆ เล่นซน งานเลี้ยง งานวันเกิด ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ซึ่งถ่ายและฉายดูเล่นกันในบ้าน ระหว่างสมาชิกในครอบครัวและญาติมิตร จึงเรียกว่าหนังครอบครัว หรือหนังบ้าน
ในงานนี้ หากดูหนังโดยไม่มีผู้บรรยาย จะไม่รู้ที่มาที่ไป การจัดงานครั้งนี้หอภาพยนตร์ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับในหนังมาเล่าความเป็นมาให้ฟัง เสน่ห์ของหนังบ้านคือการชมโดยไม่รู้จุดหมายมาก่อน จนกว่าจะได้ชมแล้ว แน่นอนว่าผู้ชมคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องอาจไม่สนุกคล้อยตามไปด้วย แต่หากภาพเคลื่องไหวนี้เป็นสถานที่ที่หลายคนมีประสบการณ์ร่วมกันมาก่อน จะทำให้ดูสนุกมากขึ้น อย่างตอนหนึ่งเขาถ่ายทำสวนสนุกแดนเนรมิต ทำให้ผู้ชมฮือฮากันมาก
หนังบ้านของคุณซองขาวเบอร์ 9 สมาชิก bloggang จากฟิล์มแปลงเป็น DVD ถ่ายทำภายในครอบครัวขณะที่ลูกหลายยังเล็กๆ และการโฆษณาฉายหนังซึ่งเคยเป็นธุรกิจของครอบครัว นับว่าหนังบ้านเรื่องนี้เป็นของล้ำค่าของลูกหลาน
ขอบคุณที่นำมาลงให้ชมค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat 20 ตุลาคม 2553 10:58:33 น.
โดย: 4leafwonder 20 ตุลาคม 2553 12:08:22 น.
ขอบคุณ..คุณอิม ที่มีส่วนนำมาเผยแพร่ใหได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้นครับ
โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 20 ตุลาคม 2553 13:03:49 น.
สร้างกริตเตอร์
อ่างทองเริ่มเข้าภาวะน้ำท่วมแล้ว แต่ที่บ้านยังไม่ท่วมค่ะ ยังไงก็ขออย่าให้เหมือนปี49เลย มองไปทางไหนเป็นทะเลไปหมด ขอบคุณที่ยังระลึกถึงและมีความห่วงใยให้กันตลอดขอบคุณจริงๆค่ะ มีความสุขมากมายนะคะคุณim
โดย: เกศสุริยง 20 ตุลาคม 2553 22:37:32 น.
อย่าว่าแต่หนังบ้านเลยครับ หนังไทยยุคเก่าๆ ดังมากๆ แต่เรายังหาดูได้ยาก
สมัยก่อนคงเป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่ชาวบ้านจะถ่ายเป็นหนังออกมาเก็บไว้ เราดูหนังเก่าๆ รู้สึกว่ามีคุณค่าครับ ได้เห็นบ้านเมืองวัฒนธรรม การแต่งกาย
ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ นี่มีกิจกรรมน่าสนใจบ่อยเลยครับ วันก่อนก็มีงานดนตรีผมก็ได้ไปมา
โดย: dj booboo 20 ตุลาคม 2553 23:44:05 น.
ถ้าจะให้เล่าย้อนไปคงยาวนะคะ จะเอาแค่ย่อๆดีกว่า
เดิมทีแผ่น DVD แผ่นนี้จะเป็นม้วนเทป ซึ่งรวบรวมเอาหนังฟิล์มแบบเก่า หลายๆม้วน ซึ่งบางม้วนก็เสีย บางม้วนก็ใช้ได้ แต่แค่บางส่วน หลานของบ้านคนหนึ่งเขาเสียดายฟิล์มเก่าๆพวกนี้มากก็เลยนำไปทำที่กรุงเทพ โดยตัดต่อเอาส่วนที่ดีๆ เก็บไว้โดยบันทึกเป็นม้วนเทป ซึ่งช่วงนั้น ซีดียังไม่ค่อยมีคนนิยมเล่นกัน
บังเอิญคุณ IM เขียนบล๊อกเกี่ยวกับหนังเก่า ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามีเทปเก่า ซึ่งตอนทำเทปชุดนี้ทำไว้หลายชุด แจกญาติๆที่ต้องการเก็บเป็นที่ระลึก แต่เนื่องจากม้วนเทปถ้าเก็บนานมันก็จะขึ้นรา เลยให้ลูกสาวเอาไปทำเป็นซีดีเก็บไว้ คุณ IM อยากดูก็เลยส่งไปให้ เนื่องจากจะก๊อปให้คุณ IM เหมือนแผ่นมีตำหนิ ทำให้ก๊อปไม่ได้ จึงส่งแผ่นไปให้ คุณIM ก็ใจดีอุตส่าห์ไปทำให้ใหม่เป็น DVD ค่ะ ต้องขอบคุณ คุณ IM อีกครั้งนะคะ
ต้องบอกก่อนว่าที่แม่ซองฯอุตส่าห์ไปทำมาเก็บไว้ก็เพราะมีตัวเองอยู่หลายซีนเหมือนกัน
ครอบครัวตอนเด็กเป็นครอบครัวใหญ่ คุณตาเป็นคหบดีคนหนึ่งในอำเภอ ทำกิจการหลายอย่างมาก คุณตามีลูกสาว 6 คน ลูกชายแค่คนเดียว แต่เป็นคน รองสุดท้องค่ะ เพราะมีลูกสาวถึง 6 คน ลูกเขยทั้งหก ก็ส่วนใหญ่จะมาอยู่รวมกันเป็นครอบครัวเดียว โดยมาช่วยกิจการของครอบครัว ลูกหลานจึงเต็มบ้านไปหมด กิจการของครอบครัว ก็มีโรงน้ำแข็ง โรงไฟฟ้าเล็กๆ (ใช้ไฟเฉพาะช่วง หกโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม ตอนหลังค่อยขยายจนใช้ไฟได้ทั้งวัน สุดท้ายทางองค์การไฟฟ้าก็มาขอคืนกิจการไปค่ะ) ขายส่งสิ้นค้าหลักเช่น ข้าวสาร บุหรี่ ผงซักฟอก น้ำมันก๊าส ช่วงหลังคุณพ่อของ แม่ซองฯก็เปิดปั้มน้ำมันซึ่งเป็นกิจการของคุณพ่อแม่ซองฯเอง (เดี๋ยวนี้ปั้มก็ยังอยู่ค่ะ น้องชายเป็นคนสืบทอดกิจการต่อ) สุดท้ายก็จะเป็นกิจการโรงหนัง
โรงหนังนี้เป็นอะไรที่ตัวเองได้ใกล้ชิดมาก ดูหนังฟรี ดูทุกคืน เวลามีลิเกหรือละครดัง (สมัยนั้นจะเป็นคณะบังลังค์) มาเล่นที่เป็นสิบคืน เราก็มักจะได้ไปเล่นซนหลังโรงประจำ แถมจะได้กระทบไหล่ดารา อย่างเช่น คุณสมยศ ทัศนพันธ์ นักมายากล ไฉน แสงทองสุข ประจวบ ฤกษ์ยามดี พระเอกชาย ชัชวาลย์ ส.อาสนจินดา (คนนี้บ่อยมาก เพราะท่านตอนหนุ่มทำหนังเดินสายจะสนิทสนมกับคุณน้าเขยค่ะ)และอีกหลายคน นักพากษ์ อย่างทิวาราตรี และอีกหลายคนจำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ
คุณน้าเขย (สามีน้าสาม) เป็นคนดูแลกิจการนี้ (ที่เห็นในหนัง แต่งตัวจิ๊กโก๋หล่อๆค่ะ เป็นพระเอกได้เลย) และน้าเขยก็ชอบถ่ายหนังด้วย ก็มักจะเอาพวกลูกหลานมาถ่ายกัน ( ที่เห็นในหนังก็จะมีอาม่าด้วย) ยิ่งเวลาตรุษจีนพวกเราแต่งตัวสวยๆกันก็จะถูกเกณท์มาถ่ายกันด้วย
ชุดสุดท้ายในแผ่นจะเป็นการแสดงของดารามาเลย์เซียค่ะ มาเล่นโชว์ในโรงหนังและที่เห็นสถานีรถไฟสุไหงปาดีก็คือขึ้นรถไปไฟไปตันหยงมัสไปโฆษณาค่ะ สมัยนั้นเป็นอำเภอที่ดังเวลามีงานโชว์ตัว หรือวงดนตรีลูกทุ่ง มาแสดง ก็จะไปโฆษณาถึงตัวจังหวัด และอำเภอข้างเคียงด้วย
เดี๋ยวนี้ครอบครัวใหญ่ของเราก็หายไปตามกาลเวลา ที่ยังคงเหลืออยู่ก็หลานแค่สองสามคน บ้านใหญ่หลังเดิมก็ถูกขายทิ้งไปแล้ว คุณน้ารองสุดท้องยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ย้ายจากที่นี่เข้ากรุงเทพไปอยู่กะลูกๆแล้วค่ะ
สุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือแผ่น DVD นี้ เดี๊ยนเอามานั่งดูอีกรอบ ดูไปก็นั่งหัวเราะไป ขำดี ตอนเด็กไหงเรามันทะลึ่งแบบนี้หว่า
มีเรื่องขำที่จะเล่าให้ฟังนิดนึง ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.1 ครูประจำชั้นย้ายมาจากกรุงเทพ เธอจะคาดโทษเดี๊ยนไว้เลยว่าห้ามดูหนังเวลาสอบ (จริงๆท่านก็หวังดีน่ะ) แต่เราทำไม่ได้ค่ะ ต้องแอบย่องไปโรงหนังหลังจากหนังเริ่มฉายแล้ว ตอนนั้นปลอดคนแล้วค่ะไม่งั้นจะมีสปายไปฟ้องคุณครู แต่ขอบอก ดูหนังทุกคืนแม้ว่าจะเป็นตอนสอบเดี๊ยนไม่เคยสอบตกเลยค่ะ ลำดับที่สอบได้ก็เลขตัวเดียวตลอด อ้าว..จริงๆไม่ได้โม้
ถ้าจะให้เล่าเรื่องอดีตมันยาวค่ะ ขอบคุณคุณ IM ที่ทำให้เดี๊ยนมีความสุขกับการได้เล่าเรื่องในอดีตค่ะ
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 21 ตุลาคม 2553 18:24:01 น.
เพราะเป็นการจารึกเอาชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม แฟชั่น ฯลฯ ของคนแต่ละยุคเก็บไว้
แถมเก็บแบบมีภาพเคลื่อนไหวเสียด้วย
การได้ดูหนังเก่า ๆ แบบหนังบ้าน ที่ไม่มีการสร้างฉาก หรือตกแต่งท้องเรื่องเหมือนหนัง จึงเป็นการย้อนสู่อดีตที่ดีมาก
ในส่วนของคุณซองฯ ที่กรุณาเล่าให้ฟัง
อ่านแล้วปลื้มใจแทนครอบครัวคุณซองฯจัง
อันแรกคือ ได้อยู่ใกล้ชิดวงการบันเทิง แม้จะเป็นวงการบันเทิงระดับท้องถิ่นก็ตาม
การได้ดูหนังทุกวัน เป็นอะไรที่ไกลเกินความฝันของผมเหลือเกิน เดือนละเรื่องก็นับว่าหรูมากแล้ว...
อันที่สองคือ การได้มีหนังของครอบครัว ได้เห็นภาพตัวเองตอนยังเด็ก ๆ เห็นแบบตัวเป็น ๆ เคลื่อนไหวเต้นเร่า ๆ ได้
โดยทั่วไป มีแค่รูปถ่ายขาวดำสมัยยังเด็ก ก็นับว่าหรูสุดแล้ว
อันนี้นับเป็นความโชคดีของคุณซองฯ และครอบครัวโดยแท้
ฟังคุณซองฯ เล่าเรื่องหนังบ้านแล้ว ก็เลยอยากเล่าในส่วนของตัวเองบ้าง...
ไม่ใช่ว่ามีหนังของบ้านตัวเองหรอก
แต่มีอยู่ยุคหนึ่ง ช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย และทำละครแสดงบนเวทีในมหาวิทยาลัย และรับเชิญไปแสดงตามการชุมนุมประท้วงสารพัดแห่ง
เล่นละครจนแทบจะเรียกว่าเป็นอาชีพไปแล้ว ก็เกิดความฝันบรรเจิด อยากทำหนังบ้าง
ไม่ใช่คิดเฉย ๆ แต่ลงทุนไปหาบทหนังมานั่งศึกษาการเขียนบท แถมยังเดินท่อม ๆ ไปตามร้านถ่ายรูปที่มีบริการล้างฟิล์มภาพยนต์
สอบถามราคาค่าฟิล์ม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แบบละเอียดยิบ อีกด้านหนึ่งก็ติดต่อองค์กรเอกชนหลายต่อหลายแห่ง จะขอทุนสนับสนุเพื่อสร้างหนังสักเรื่อง...
ฝันเตลิดเปิดเปิง วิ่งไล่ความฝันแบบหายใจรดต้นคอ มาคิดดูตอนนี้ก็ตลกมาก
ฝันแบบลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้น ถ้ามีคนให้ทุนมาทำจริง หนังที่ออกมาคงเละเป็นโจ๊กแน่ ๆ
โชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ เกิดเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 เสียก่อน
โคงการทำหนังโดยผู้อำนวยการสร้างมือใหม่ซิง ๆ จึงเป็นอันยุติลง.....
นี่ถ้าไม่เกิด 6 ตุลาฯ เสียก่อน
ใครจะไปรู้ว่า ป่านนี้ อาจกลายเป็นผู้กำกับหนังเงินหลายล้านไปแล้วกระมัง...(ฮา)
โดย: ลุงแว่น 21 ตุลาคม 2553 20:00:09 น.
ยิ่งได้ทราบเรื่องของคุณลุงแว่นด้วยแล้ว ยิ่งสนุกครับ...
โดย: Insignia_Museum 21 ตุลาคม 2553 21:10:59 น.
เป็นคนชอบเรื่องราว ในอดีตค่ะ
โดย: แม่หมู (jamaica ) 21 ตุลาคม 2553 21:29:28 น.
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 21 ตุลาคม 2553 23:21:08 น.
จะไปดูน้ำ
ฝากการบ้านไว้ที่ Blog นะคะ
โดย: แม่หมู (jamaica ) 22 ตุลาคม 2553 10:36:20 น.
พึ่งเคยได้ยินครับ หนังบ้าน
โดย: เศษเสี้ยว 22 ตุลาคม 2553 20:52:05 น.
มาแนวใหม่ลองไปอ่านดูนะคะ
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 23 ตุลาคม 2553 5:28:22 น.
แต่ไม่เคยเข้า น่าเสียดายตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงละเลยสิ่งที่มีคุณค่าเช่นนี้หนอ
คลิกดูหลายครั้งเลยค่ะภาพยนตร์ม้วนแรกเกี่ยวกับสยาม
แม้ภาพจะเล็กแต่ก็น่าสนใจมากๆ เพ่งแล้วเพ่งอีก
ประกอบกับวันนี้ 23 ตุลาคม ครบ 100 ปีแห่งการเสด็จสวรรคตของพระปิยมหาราช ชมภาพยนต์แล้วก็ยิ่งประทับใจหลายเท่าพันทวีคูณ บล็อกนี้เหมาะกับเหตุการณ์พอดีเลยนะคะ
โดย: nathanon 23 ตุลาคม 2553 6:08:40 น.
อาทิตย์สวัสดีค่ะคุณอิม
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
โดย: มินทิวา 24 ตุลาคม 2553 6:54:20 น.
โดย: popang (popang ) 24 ตุลาคม 2553 7:15:04 น.
มาเชิญไปชม...ดอกไม้หลากสี...ครับ
ดูดอกไม้ หนึ่งดอก หมายบอกสี
แดงเหลืองมี ชี้ชัด ถนัดแน่
พอเพ่งพิศ พบส้มซ้อน ซ่อนสีแปร
ม่วงเหลือบแร ขาวเจือหม่น ปนน้ำตาล...
โดย: ลุงแว่น 24 ตุลาคม 2553 9:55:15 น.
โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 24 ตุลาคม 2553 12:41:54 น.
โดย: ลุงกฤช IP: 1.46.155.175 8 มกราคม 2554 20:34:50 น.
เครื่องฉายที่เห็นในบล็อกของผมเป็นสมบัติของหอภาพยนตร์ครับ
วันนั้นเขาเอามาแสดงให้ชมเพียงวันเดียว จึงไม่ได้สอบถามความเป็นมา
หากคุณลุงมีความประสงค์ อาจติดต่อกับหาภาพยนตร์ได้ครับ
ส่วนผมเป็นเพียงผู้ชมนิทรรศการในครั้งนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหอภาพยนตร์ครับ
ขอบคุณคุณลุงกฤชที่ให้ความกรุณา
โดย: Insignia_Museum 8 มกราคม 2554 23:44:45 น.