bloggang.com mainmenu search
เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ ความงดงามของพระมหามุนีที่ถอดแบบมาจากพระมหามัยมุนีที่เมืองมัณฑะเลย์ “มะเมี๊ยะ เป๋นสาวแม่ก้า คนพม่า เมืองมะละแมง งามล้ำ เหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่ง หลงฮักสาว…มะเมี๊ยะ บ่ยอมฮักไผ มอบใจ๋ ฮื้อหนุ่มเจื้อเจ้า…”

       นี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาเพลง “มะเมี๊ยะ” บทเพลงโฟล์คซองคำเมืองของ จรัล มโนเพ็ชร ที่ทำให้หลายๆ คน รู้จักเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า อันเป็นเมืองที่กำเนิดเรื่องราวของความรักต่างชนชั้น ที่ไม่สมหวังในความรักระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมแห่งเชียงใหม่ กับหญิงสาวชาวมอญ นามว่ามะเมี๊ยะ แห่งเมืองมะละแหม่ง

       จากตำนานความรักของมะเมี๊ยะและเจ้าน้อยศุขเกษม ทำให้เมืองมะละแหม่งกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางสัมผัสกับเรื่องราวความรักผ่านสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจมากมายของเมืองมะละแหม่ง

       เมื่อก่อนการเดินทางมายังเมืองมะละแหม่งมีความยากลำบากในการเดินทาง ต้องเดินทางโดยรถยนต์ หรือรถไฟผ่านเส้นทางอันทรหด และใช้ระยะเวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง แต่ปัจจุบันนี้การเดินทางมาสู่มะละแหม่งมีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เมื่อทางสายการบินนกแอร์ เปิดให้บริการบิน (เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา) จากอ.แม่สอด จ.ตาก มาสู่เมืองมะละแหม่ง ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 30 นาที ก็มาถึงยังเมืองมะละแหม่งแล้ว

“มะละแหม่ง” หรือ “เมาะละแหม่ง” หรือ “เมาะลำเลิง” เป็นชื่อที่คนไทยเรียก แต่คนพม่าจะเรียกเมืองนี้ว่า Moulmein หรือ Mawlamyine ออกเสียงว่า “เมาะลำไย” โดยเป็นเมืองหลวงของรัฐมอญ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศพม่า รองจากเมืองย่างกุ้ง และเมืองมัณฑะเลย์

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ โบสถ์เซนต์แพททริค        เมื่ออดีตมะละแหม่งถูกอังกฤษยึดครองเป็นเมืองขึ้น ทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกใช้เป็นเมืองท่าในการเชื่อมต่อกับเมืองมะริด ทวาย ตะนาวศรี เพื่อใช้ในการขนส่งทางเรือ และเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการขนส่งสินค้าและกำลังทหารไปสู่ย่างกุ้งได้ง่าย และสามารถเดินเรือเข้าแม่น้ำอิรวดีเพื่อไปกลางประเทศพม่าได้สะดวกกว่าทางบก

       และจากการที่มะละแหม่งตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษได้รับอิทธิพลและอารยธรรมแบบอังกฤษมา ทำให้ทุกวันนี้มะละแหม่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหล ยังคงมีสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลให้ได้ยล ผ่านจากสภาพบ้านเรือน โบสถ์คริสต์ศาสนา สถานที่ราชการและโรงเรียนต่างๆ และยังมีวัดวาอาราม เจดีย์แบบพม่าอันสวยงามให้ได้ชมกันทั่วเมือง

       รวมถึงยังมีสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวความรักอันเศร้ารันทด ของเจ้าน้อยศุขเกษม เจ้าราชบุตรแห่งเชียงใหม่ที่ถูกส่งตัวมาเรียนที่มะละแหม่ง และได้พบรักกับมะเมี๊ยะ สาวมอญที่เป็นแม่ค้าขายบุหรี่ในตลาด ซึ่งทั้งสองรักกัน แต่แล้วก็มีเหตุให้เจ้าน้อยต้องกลับเชียงใหม่ และมะเมี๊ยะได้ปลอมตัวเป็นชายกลับเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน แต่สุดท้ายมะเมี๊ยะก็ต้องถูกส่งตัวกลับมะละแหม่ง ทำให้เรื่องราวความรักของทั้งสองต้องจบลงด้วยความเศร้าโศก ไม่สมหวังในความรัก ท้ายที่สุดเจ้าน้อยศุขเกษมก็ตรอมใจตายในความรัก

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ โรงเรียนเซนต์แพททริคที่เจ้าน้อยศุขเกษมเคยมาเรียน        ถ้าหากได้มาเที่ยวที่มะละแหม่งสามารถมาเที่ยวตามรอยความรักของเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมี๊ยะได้ โดยที่แรกคือ “โบสถ์เซนต์แพททริค” ( St. Patrick's Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ทุกวันนี้ยังใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นพระเยชูตรึงไม้กางเขน ตัวโบสถ์มีหอนาฬิกาสูงใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่า

       ส่วนด้านข้างโบสถ์เป็นที่ตั้งของโรงเรียนเซนต์แพททริค เมื่ออดีตเป็นโรงเรียนกินนอนที่เจ้าน้อยศุขเกษมถูกส่งตัวมาเรียนวิชาการป่าไม้ที่นี่ ซึ่งทุกวันนี้โรงเรียนแห่งนี้ก็ยังเปิดสอนอยู่ แต่เป็นโรงเรียนสอนวิชาชีพ หรือสารพัดช่างแทน สภาพอาคารแม้จะดูเก่าแก่ไปตามกาลเวลา แต่ก็แฝงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์อันชวนชม

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ ตลาดเซจี เป็นตลาดสดที่ชาวมะละแหม่งมาจับจ่ายใช้สอยกัน        แล้วมาชอปปิ้งกันที่ “ตลาดเซจี” และ “ตลาดเมี๊ยตยาดานา” สถานที่แห่งนี้เมื่ออดีตเป็นตลาดที่เจ้าน้อยศุขเกษมได้พบกับมะเมี๊ยะแม่ค้ามวนบุหรี่ขาย แล้วก็เกิดตกหลุมรัก ปัจจุบันนี้ ตลาดเซจีคือตลาดสดที่มีของขายทุกอย่าง ผลไม้ อาหารการกิน ดอกไม้ ของกินของใช้อื่นๆ อีกมากมาย ที่คนมะละแหม่งมาเดินจับจ่ายใช้สอยกัน ส่วนตลาดเมี๊ยะยาดานา เป็นตลาดเหมือนห้างของคนมะละแหม่งแต่ไม่ได้ติดแอร์ ภายในตลาดมีสินค้าอุปโภค-บริโภคขายมากมาย คนมะละแหม่งมาเดินซื้อของกันอย่างคึกคัก และที่นี่ยังมีสินค้ายอดนิยมของชาวพม่าอย่าง ชานม แป้งทานาคา โสร่ง ผ้าถุงแบบพม่าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อหากัน

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ เจดีย์ไจ๊ตะหลั่น เป็นเจดีย์สูงใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขา        จากนั้นมาสักการะ “เจดีย์ไจ๊ตะหลั่น” (Kyaik Than Lan Pagoda) เป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์สีทององค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นได้เด่นชัดจากทุกหนทุกแห่งในตัวเมืองมะละแหม่ง เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเมืองมะละแหม่งแห่งนี้ และที่นี่เป็นสถานที่ที่เจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมี๊ยะได้มาสาบานรักกัน

       องค์เจดีย์ไจ๊ตะหลั่น ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ถูกสร้างขึ้นรัชสมัยของกษัตริย์สามตา พระองค์ได้อัญเชิญเส้นพระเกศาและพระทันตธาตุ ของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ที่นี่แล้วสร้างเจดีย์ครอบไว้ มีความสูง 55 ศอก แต่ต่อมามีการบูรณะต่อเติม จนปัจจุบันนี้ความสูง 150 ฟุต กว้าง 45 ฟุต

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ ด้านบนเจดีย์ไจ๊ตะหลั่น มีพระพุทธรูปให้ได้กราบไหว้ขอพร        ด้านข้างองค์พระเจดีย์ ยังมีพระวิหหารซึ่งด้านในมีพระพุทธรูปให้ได้กราบไหว้ขอพร และด้านบนลานเจดีย์ยังถือว่าเป็นจุดชมวิวเมืองมะละแหม่งแบบ 360 องศาที่สวยงาม สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองมะละแหม่งที่ดูเงียบสงบงาม

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ บัลลังก์สิงห์จำลองมาจากพระราชวังมัณฑะเลย์ตั้งอยู่ที่วัดยาดานาบงมิ้น        แล้วนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเกี่ยวเนื่องกับความรักของเจ้าน้อยศุขเกษมกับมะเมี๊ยะแล้ว ที่มะละแหม่งยังมีสถานที่เที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจให้เที่ยวชมอีก ไม่ว่าจะเป็น “วัดยานาดาบงมิ้น” (Yadanarbon Myint Monastery) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาใกล้กับเจดีย์ไจ๊ตะหลั่น แม้ว่าจะเป็นวัดเล็กๆ แต่ก็งดงามไปด้วยงานไม้แกะสลักที่ช่างพม่าบรรจงแกะไว้เป็นงานศิลป์ที่ดูสวยงามหาชมได้ยากยิ่ง ภายในวัดมีบัลลังก์สิงห์ที่ดูงดงามอลังการ ซึ่งจำลองย่อส่วนมาจากพระราชวังเมืองมัณฑะเลย์ และยังพระเขี้ยวแก้วองค์จำลองให้ได้สักการะกันด้วย

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ วัดยาดานาบงมิ้น มีพระเขี้ยวแก้วองค์จำลองให้ได้สักการะ “วัดพระมหามุนี” (Mahamuni Pagoda) เป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรมาเที่ยวกัน เพื่อจะได้มากราบขอพรกับ พระมหามุนี ซึ่งเป็นองค์พระที่จำลองมาจากพระมหามัยมุนีที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งพระมหามุนีพระองค์นี้ก็มีพิธีล้างพระพักตร์ตอนประมาณ ตี 4 เหมือนกับองค์จริงที่เมืองมัณฑะเลย์

เปิดประตูสู่ “มะละแหม่ง” ตามรอยความรักเจ้าน้อยศุขเกษม-มะเมี๊ยะ ความสวยงามของโบสถ์โฮลี่ แฟมิลี่        และ “โบสถ์โฮลี่ แฟมิลี่” (Holy Family Cathedral) เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก เริ่มแรกถูกสร้างขึ้นมีขนาดเล็ก กระทั่งปี ค.ศ. 1958 ได้ถูกทุบทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่จนมีขนาดใหญ่โตงดงามเช่นปัจจุบันนี้ และได้รับการบูรณะดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งทุกวันนี้ยังถูกใช้งานเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิกอยู่

       เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสัมผัสกับแง่มุมแห่งความงดงามของเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ที่ยังคงไว้ซึ่งเมืองแห่งความเงียบสงบ งดงามด้วยทัศนียภาพบ้านเมือง และวิถีชีวิตของชาวมอญอันเรียบง่าย หากว่าได้มีโอกาสมาเยือนกัน อาจจะหลงรักเมืองมะละแหม่งดีกันก็เป็นได้

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


สายการบินนกแอร์ ให้บริการเที่ยวบินจากแม่สอด - มะละแหม่ง วันละ 1 เที่ยวบิน ราคาเริ่มต้น 1,590 บาทต่อเที่ยว ติดต่อ Call Center โทร.1318 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nokair.com

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

//manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000157160
Create Date :23 ธันวาคม 2556 Last Update :23 ธันวาคม 2556 20:54:17 น. Counter : 1851 Pageviews. Comments :0