แพทย์แถลงผลตรวจชิ้นเนื้อ “เสรี” เป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่ 1 แต่สบายใจได้ เพราะระยะนี้มีโอกาสหายขาดสูง ด้านเจ้าตัวร่ำไห้ขอบคุณทุกกำลังใจ เผยตอนอยู่ในห้อง ICU คิดถึง “ยอดรัก-สายัณห์” เพราะต่างก็เป็นมะเร็งเดือน ก.ค.เหมือนกัน เปรยไม่รู้ว่าตนกับสายัณห์ใครจะไปก่อนกัน

       ความเคลื่อนไหววันนี้เกี่ยวกับอาการป่วยของนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “เสรี รุ่งสว่าง” หลังเมื่อวันที่ 11 มิ.ย เจ้าตัวได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา ย่านปิ่นเกล้า ด้วยอาการปวดท้อง ท้องอืด แต่ด้วยประวัติครอบครัวญาติใกล้ชิดเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์จึงทำการตรวจโดยการส่องกล้องผ่านทางทวารหนัก ผลการตรวจพบว่า มีแผลที่มีมูกเลือดบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนต้น และมีแผลที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร ลักษณะแบนๆ บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย แพทย์จึงทำการตัดชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวและส่งตรวจทางพยาธิวิทยา

       ผลการตรวจทางพยาธิพบว่า ลำไส้ใหญ่ส่วนต้นมีการติดเชื้อ Amoeba จึงทำการรักษาทางยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายผลการตรวจชิ้นเนื้อเป็น Tubular adenoma ซึ่งในการแพทย์ชิ้นเนื้อประเภทนี้มีโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งได้ จึงต้องทำการผ่าตัดออก โดยการผ่าตัดทางหน้าท้องนี้ แพทย์ใช้เทคนิคการผ่าตัดทันสมัยจึงสามารถต่อลำไส้ใหญ่โดยไม่ต้องมีถุงออกมาทางหน้าท้อง ซึ่งการผ่าตัดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา และพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู.1-2 วัน เพื่อดูอาการ และพักฟื้น

       ล่าสุดทีมแพทย์ที่รักษา ประกอบด้วย พล.ต.ท.นพ.นุกูล เจียมอนุกูลกิจ ผอ.โรงพยาบาล, นพ.ยุงยุทธ คงธนารัตน์ ผอ.ฝ่ายแพทย์, นพ.นริศ ฉันท์เรืองวณิชย์ ผอ.นอกเวลา และ ผอ.ศูนย์แพทย์เที่ยงคืน, เสรี รุ่งสว่าง และ นางนัยนา รุ่งสว่าง ภรรยาของ เสรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจชิ้นเนื้อดังกล่าว โดยสรุปออกมาแล้วว่า เสรีเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่ 1 ทั้งนี้แพทย์ยืนยันว่า ตามมาตรฐานมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะนี้ไม่ต้องการรักษาเพิ่มเติม ซึ่งโอกาสหายขาดจะมีสูง

       ด้าน เสรี ที่วันนี้มีเพื่อนพ้องและครอบครัวเดินทางมาให้กำลังใจถึงโรงพยาบาล ทำเอาเจ้าตัวถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันที่ทุกคน รวมถึงแฟนเพลงส่งกำลังใจมาให้ เผยตนจะสู้ต่อไป ตอนนี้รู้สึกเบาใจแล้วที่ได้ตัดชิ้นเนื้อดังกล่าวทิ้งไปแล้ว ต่อไปคงต้องเป็นเรื่องของการดูแลตัวเอง ทั้งนี้เจ้าตัวได้บอกด้วยว่า ตอนอยู่ในห้อง ICU รู้สึกคิดถึง “ยอดรัก-สายัณห์” เพื่อนร่วมวงการ เพราะต่างก็เป็นมะเร็งเดือน ก.ค.เหมือนกัน และยอมรับว่าตอนที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคนี้ เคยคิดว่าไม่รู้ว่าตนกับสายัณห์ใครจะไปก่อนกัน ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นได้สอบถามกับทางโรงพยาบาลแล้วไม่น่าจะแพงมากจึงไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ อีกทั้งเพื่อนรักสายัณห์ก็ช่วยค่ารักษามา 3 หมื่นบาท และมี “ไวพจน์ เพชรสุพรรณ” ที่ช่วยมาอีก 2 หมื่นบาท























//www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000094302