ฝอยทอง สมญานามทีมชาติโปรตุเกส
ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลกำลังขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ชนิดเริ่มเห็นหน้าเห็นหลัง เห็นทีมเข้ารอบ ตกรอบแรกกันไปบ้างแล้ว และก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านาน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นในระดับโลก ระดับประเทศ หรือในระดับลีกภายในที่สื่อมวลชนบ้านเรา(โดยเฉพาะสื่อสายกีฬา) จะมีการตั้งฉายาให้กับหลายๆทีม โดยหนึ่งในชื่อที่นิยมคัดเลือกมาใช้ตั้งฉายาก็คือชื่อของ
"อาหารการกิน" ซึ่งฉายาเหล่านั้นไม่ได้เป็นเพียงชื่อที่ถูกเรียกขึ้นมาลอยๆ อย่างไม่มีสาเหตุ แต่ฉายาเหล่านั้นเป็นชื่อเรียกที่สามารถบ่งบอกถึงที่มาที่ไปในวัฒนธรรมการกินของประเทศนั้นๆ โดย 32 ทีม ที่เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลหนนี้ มีหลายประเทศถูกตั้งฉายาจากชื่ออาหารและของกินอันโดดเด่นของประเทศนั้นๆ ซึ่งจะมีประเทศใด เป็นชื่ออาหารชนิดใดบ้างนั้น ขอเชิญทัศนากันได้
"ฝอยทอง" ฉายาทีม
"โปรตุเกส" ฉายานี้มีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ไทย เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา ท้าวทองกีบม้า(ลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น ภริยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์) ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องเครื่องต้น เป็นผู้ทำอาหารเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากฝรั่งเศสที่มาเยือนกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น และได้นำฝอยทองแพร่เข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับทองหยิบและทองหยอด จึงทำให้โปรตุเกส ถูกตั้งฉายาว่าทีม ฝอยทอง ซึ่งก็ต้องดูกันว่าทีมฝอยทองภายใต้พลังขับเคลื่อนของ "โรนัลโด้" จะไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลกครั้งนี้
ซาซิมิ หรือ ปลาดิบ แห่งประเทศญี่ปุ่น
กล้วยหอม ฉายาทีมชาติ
คอสตาริกา (Costa Rica) อันเนื่องมาจากการที่ประเทศคอสตาริก้าถือเป็นแหล่งเพาะปลูกกล้วยหอมและแหล่งส่งออกกล้วยหอมที่ใหญ่ที่สุดและมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งเดิมก่อนการแข่งขันนั้นทั้งเกจิ กูรู เซียนบอล ต่างมองคอสตาริกาเป็นทีมไม้ประดับ เป็นกล้วยหอมที่น่าจะเคี้ยวได้ไม่ยาก แต่ที่ไหนได้พอลงเตะไป 2 แมตช์ สามารถคว่ำ 2 อดีตแชมป์โลก อุรุกวัยกับอิตาลีที่ชื่อชั้นเป็นต่ออยู่หลายช่วงตัวลงได้ นับเป็น "
กล้วยหอมจอมพลิกล็อก" ที่ทำเซียนอยู่รู หมูอยู่ตึก อีกทีมหนึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้
"เมืองเบียร์" ฉายาทีมชาติ
เยอรมนี เป็นที่รู้กันดีกว่า เยอรมนีเป็นชาติที่ขึ้นชื่อในเรื่องเบียร์ คนที่นี่จำนวนมากดื่มเบียร์ไม่ต่างจากน้ำ อีกทั้งเยอรมนียังมีเทศกาลเบียร์อันโด่งดังที่สุดในโลกกับ งานเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ (Octoberfest) หรือที่ชาวเยอรมันเรียกว่า Wiesn ที่จัดขึ้นที่เมือง มิวนิค (Munich) ตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี นั่นจึงทำให้ทีมชาติเยอรมนีที่มีฉายาหลักว่า
"ทีมอินทรีเหล็ก" มีอีกหนึ่งฉายารองว่า
"ทีมเมืองเบียร์" ปลาดิบ ฉายาทีมชาติ
"ญี่ปุ่น" สำหรับฉายาปลาดิบนั้น มาจากการที่ญี่ปุ่นเชี่ยวชาญในเรื่องการจับปลา และมีวิธีการทำและวัฒนธรรมการกินปลาดิบที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลก โดยหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนญุ่ปุ่นก็คือปลาดิบ หรือซาชิมิ ที่คนไทยนิยมกินกันไม่น้อย นั่นจึงทำให้
"ทีมปลาดิบ" ถือเป็นอีกหนึ่งฉายาของทีมชาติญี่ปุ่นตัวแทนจากเอเชีย นับเป็นอีกหนึ่งฉายาเคียงคู่กับ
"ทีมซามูไร" มักกะโรนี แห่งประเทศอิตาลี (ภาพจาก : //www.pizzaandbake.com/)
มักกะโรนี ฉายาทีมชาติ
อิตาลี แม้
"อัสซูรี่" จะเป็นฉายาหลักของทีมชาติอิตาลี แต่ทีมนี้ก็มีอีกฉายาหนึ่งที่ได้รับการเรียกขานจากบ้านเรานั่นก็คือ "ทีมมักกะโรนี" อันเนื่องมาจากมักกะโรนี เป็นหนึ่งในอาหารที่แสดงตัวตนเอกลักษณ์ของชาวอิตาเลียน เช่นเดียวกับ พิซซ่า พาสต้า ฉายานี้จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งฉายาด้านอาหารของทีมชาติอิตาลี อดีตแชมปืโลก 4 สมัย
โสม(ขาว) แห่งประเทศ
เกาหลี(ใต้) พูดถึงโสมก็ต้องนึกถึงเกาหลี เพราะเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีโสมเป็นยาบำรุงกำลังชั้นเลิศ มีการส่งขายไปในประเทศต่างๆรวมถึงเมืองไทย สำหรับสรรพคุณของโสมนั้นมีมากมาย (เชื่อว่า)สามารถป้องกันความชรา ช่วยป้องกันความอ่อนเพลีย ช่วยให้ร่างกายมีความกระปรี้กระเปร่าเป็นต้น และเชื่อว่าที่นักเตะเกาหลีวิ่งไม่หยุดนั้นก็มาจากพลังโสมนี่เอง ทำให้ทีมเกาหลีใต้ตัวแทนจากเอเชียที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหนนี้ ได้รับฉายาว่า"
ทีมโสมขาว" (ส่วนฉายาของทีมเกาหลีเหนือคือ โสมแดง)
และนั่นก็คือเรื่องราวของอาหาร วัฒนธรรมการกิน ที่ถูกสื่อมวลชนไทย นำมาตั้งฉายาให้กับทีมฟุตบอล ซึ่งหากจะตั้งฉายาอาหารให้กับทีมชาติไทยเคียงคู่กับฉายา "ทีมช้างศึก" เราควรจะตั้งชื่อว่าทีมอะไรดี? * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *