bloggang.com mainmenu search
อาคารหลักของถ้ำซ็อกคูรัมตั้งอยู่บนเขาโตฮัมซาน        ถึงแม้ว่า “ตะลอนเที่ยว” จะไม่ใช่สาวกเคป๊อปที่พิสมัยการดูซีรี่ย์เกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ หรือคลั่งไคล้ดารานักร้องเกาหลีตี๋หล่อหมวยขาว หรือชื่นชอบอาหารเกาหลีมากมาย แต่ถ้าหากมีโอกาสได้ไปเยือนเกาหลี ได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนเกาหลี ไปเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม และไปเที่ยวชมแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเกาหลี ก็เหมือนได้กำไรชีวิต ได้ไปเปิดโลกกว้าง และได้ความสุขสนุกสนานให้กับชีวิตไปด้วย

       ในทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” ได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวเกาหลี กับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี และบินลัดฟ้าจากกรุงเทพฯ มากับสายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์ ที่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯประมาณ 5 ชม. ก็พาเรามาถึงยังกรุงโซล เกาหลีใต้

       สำหรับการมาเยือนเกาหลีของเราในครั้งนี้ เราเลือกที่จะเที่ยวตามเมืองต่างๆ และไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นของดีและมีชื่อเชียงของแต่ละเมือง พร้อมกับจะไปเยือนงานพฤกษ์ศาสตร์นานาชาติอ่าวซุนชอน 2013 ที่กำลังจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

มาถ้ำซ็อกคูรัม ทำบุญซื้อกระเบื้องเขียนคำอธิษฐาน มา “เคียงจู” ดูวัดและถ้ำมรดกโลก

       เราเริ่มตะลอนเที่ยวเมืองแรก กันที่ “เมืองเคียงจู” (Gyeongju) เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จนได้ฉายาว่าเป็นเมืองแห่ง “พิพิธภัณฑ์ไร้กำแพง” ซึ่งเราเลือกที่จะมาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ ที่ถ้ามาถึงเคียงจูก็ไม่ควรที่จะมาชมมรดกโลกร่วม 2 แห่งในเมืองนี้ (ยูเนสโกนับเป็นมรดกโลกชุดเดียวกัน) นั่นก็คือ “ถ้ำซ็อกคูรัม” และ “วัดพูลกุกซา” ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกชุดแรกในเคียงจูในปี ค.ศ.1995

       โดยเรามาเที่ยวที่ “ถ้ำซ็อกคูรัม” กันก่อน การมาเที่ยวที่ถ้ำนี้ต้องออกกำลังกายขากันสักหน่อย เพราะถ้ำตั้งอยู่บนเขาด้านหนึ่งของภูเขาโตฮัมซาน ต้องเดินไปตามไหล่เขาที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ อากาศเย็นสบายๆ เดินไปชมนกชมไม้ไป ก็มาถึงยังถ้ำซ็อกคูรัม ที่สร้างขึ้นในสมัยของอาณาจักรชิลลา เป็นหนึ่งในกุฏิอันศักดิ์สิทธิ์ ใช้เป็นที่พำนักและปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์

สะพานเมฆขาวและสะพานเมฆฟ้าที่วัดพูลกุกซา        เราเดินตรงไปยังอาคารหลักทันที เพราะภายในอาคารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่แกะสลักจากหินแกรนิตอย่างวิจิตรงดงาม พระพักตร์ดูแย้มยิ้มด้วยความเมตตา ประทับนั่งอยู่บนดอกบัวรูปครึ่งวงพระจันทร์ ภายใต้หลังคาโค้งรูปโดม ที่มีการสลักลวดลายอย่างสวยงามลงบนหินที่เป็นผนังด้วย ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก ถูกสร้างขึ้นตามความเชื่อว่าจะคอยปกป้องชาวเกาหลีให้รอดพ้นจากการรุกรานของต่างชาติ

       หลังจากได้ขอพรขากองค์พระกันแล้ว เราก็เดินลงมายังลานด้านล่าง ก็เห็นว่ามีซุ้มให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญซื้อกระเบื้องหลังคา และสามารถเขียนชื่อ เขียนคำอธิษฐานต่างๆ ลงบนกระเบื้องเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หรือถ้าใครอยากจะเลือกซื้อหาของฝากของที่ระลึกก็มีซุ้มชายของที่ระลึกอยู่ข้างๆ กัน

ภายในวัดพูลกุกซามีเจ้าแม่กวนอิมให้ไหว้ขอพร        เราแค่ขอร่วมทำบุญเพียงอย่างเดียว เพราะจะรีบมุ่งหน้าไปยัง “วัดพูลกุกซา” ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์บิวเพิง และถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกในยุคทองของพุทธศาสนา สมัยอาณาจักรชิลลา สถาปัตยกรรมทางศาสนาที่งดงามภายในวัดถูกสร้างขึ้นจากหินภูเขา มีการตกแต่งประดับประดาอย่างอ่อนช้อย ตามแบบอย่างของศิลปะสมัยชิลลา

       เมื่อมาถึงวัดก็พบกับสิ่งก่อสร้างอันโดดเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ของวัด นั่นคือ บันไดสะพานเมฆขาว และสะพานเมฆฟ้าที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าตัววัด ซึ่งมีอยู่33ขั้น เชื่อกันว่าเป็นเครื่องหมายแทนสวรรค์ 33 ชั้น แต่ปัจจุบันนี้ไม่สามารถขึ้นสู่ตัววัดทางสะพานเมฆขาวและฟ้าได้ เพราะทางเกาหลีอนุรักษ์ไว้ แต่จะให้ไปเดินขึ้นบันไดด้านข้างแทน

นักท่องเที่ยวนิยมมาเรียงหินตามความเชื่อที่วัดพูลกุกซา        พอเดินเข้ามาในวัดก็จะพบกับสถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ นั่นก็คือ เจดีย์คู่ที่ทำด้วยหิน มีอายุกว่า 1,200 ปี ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำคัญ พุทธศาสนิกชนเกาหลีให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก

       และที่ลานกว้างก็เป็นที่ตั้งของวิหารหลักของวัด ด้านในมีพระพุทธรูปทององค์ใหญ่เป็นประธานประดิษฐานอยู่และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แล้วรอบๆ วิหารยังมีอาคารอีกหลายหลัง บางหลังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมให้ไหว้ขอพร

       แล้วเดินมาทางอีกมุมหนึ่งของวัด ก็พบกับต้นไม้ใหญ่ที่สะดุดตาตรงที่ เห็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวเกาหลีและชาวต่างชาติ ต่างพากันมานั่งเก็บก้อนหินมาเรียงเป็นชั้นๆ เพราะตามความเชื่อของชาวเกาหลี ถ้าเรียงหินเป็นชั้นๆ ได้สูงอย่างเจดีย์ และไม่ล้มลงมา คำอธิษฐานที่ขอไว้ก็จะเป็นจริง จึงไม่น่าแปลกที่จะเห็นเจดีย์หินตั้งเรียงรายอยู่มากมาย ซึ่งเราเองก็ขอแอบเรียงหินและอธิษฐานกับเขาด้วยเหมือนกัน

บรรยากาศวัดแฮดง ยงกุงซา ตั้งอยู่ริมทะเล “ปูซาน” เมืองท่าที่สำคัญ มีชายทะเลที่งดงาม

       จากเมืองเคียงจูเราออกเดินทางไปเที่ยวที่ “เมืองปูซาน” (Busan) กันต่อ ปูซาน ถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาหลีรองจากกรุงโซล เป็นเมืองท่าริมทะเลที่มีความเจริญ และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก และปูซานยังขึ้นชื่อเรื่องชายทะเลที่สวยงาม และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน

       ทำให้ปูซานมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อย่างถ้าหากมาปูซานเมืองชายทะเลแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะมาเที่ยวที่นี่ “วัดแฮดอง ยงกุงซา” เป็นวัดที่สร้างอยู่ริมทะเลที่มีความสวยงามมาก เพียงแค่เดินทางมาถึงที่วัดแห่งนี้ก็จะสัมผัสได้กับบรรยากาศชายทะเลที่มีลมพัดสบายกายและใจ ได้เห็นท้องฟ้าสีครามตัดกับสีของน้ำทะเลอันสดใส ก่อนที่จะเดินไปถึงตัววัดด้านใน จะมีร้านค้าขายของกินของฝากมากมายให้ได้เลือกซื้อ

ทำบุญขอพรกับรูปปั้น 12 นักษัตร ที่วัดแฮดง ยงกุงซา        แต่ว่าเราขอเลือกเดินเข้าไปไหว้พระด้านในกันก่อน และก็จะได้พบกับ 12 นักษัตรให้ได้เลือกทำบุญตามปีเกิดของตัวเอง จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในผ่านซุ้มประตูมังกรทอง เดินผ่านอุโมงค์เล็กๆ เข้าไปก็จะพบกับทางเดินและบันไดหิน 108 ขั้น ซึ่งเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของทะเลที่งดงามมาก มีสะพานที่ทอดตัวพาเข้าสู่บริเวณตัววัด ที่ด้านในประกอบไปด้วยวิหารและศาลาเรียงรายลดหลั่นกันไปตามโขดหิน มีวิหารหลัก มีเจดีย์สูง 3 ชั้น และสิงโต 4 ตัว เป็นสัญลักษณ์ของความสนุก, ความโกรธ, ความเศร้า และความสุข

ความงดงามขององค์เจ้าแม่กวนอิมที่วัดแฮดง ยงกุงซา        และภายในวัดก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้กราบไหว้ขอพรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปองค์สีดำ ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโขดหินริมทะเล พระสังกัจจายน์องค์สีทองอร่าม องค์เจ้าแม่กวนอิมที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอย่างงดงาม และพระพุทธรูปอีกหลากหลายองค์

       เรียกว่ามาวัดแห่งนี้แล้วอิ่มทั้งบุญ และได้อิ่มเอมกับธรรชาติของชายทะเลที่สวยงามด้วย ทำให้เราต้องรีบขอออกเดินทางไปสัมผัสกับชายหาดที่มีชื่อเสียง และสวยงามของปูซานกันอย่างใกล้ชิด

หาดกวานกัลลิ หนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงของเมืองปูซาน        โดยชายหาดที่ว่าก็คือ “หาดกวานกัลลิ” เป็นชายหาดที่ทอดตัวยาว มีชื่อเสียงในเรื่องของหาดทรายที่สวยงามและมีน้ำทะเลใสอุ่นที่สะอาดชวนแหวกว่าย และที่หาดกวานกัลลิยังได้สมญานามว่าเป็นเมืองแห่งคาเฟ่ เพราะในช่วงหน้าร้อนบริเวณนี้จะเรียงรายไปด้วยคาเฟ่ทันสมัย ตกแต่งแบบมีสไตล์ชวนนั่ง และที่ริมหาดก็มีทางเดิน ทางปั่นจักรยาน และที่นั่งให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนหน่อยใจ สัมผัสกับบรรยากาศชายทะเลแบบชิลล์ ชิลล์

จากหาดกวานกัลลิ มองเห็นสะพานกวานกัลที่สวยงาม        และจากหาดกวานกัลลิ เรายังมองเห็น “สะพานกวานกัล” ที่ดูโดดเด่นงดงามเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเมืองปูซาน ซึ่งสะพานกวานกัลเป็นสะพานแห่งแรกในเกาหลีที่ทอดข้ามทะเล ได้รับการออกแบบสร้างเป็นสะพานแขวน ที่มีความยาวถึง 7.42 กม. ใช้เวลาสร้าง ตั้งแต่ปีค.ศ. 1994-2003

อาคาร Nurimaru Apec House        หลังจากที่ได้นั่งชมวิวทะเลที่หาดกวานกัลลิจนอิ่มเอมใจ แล้วเราก็เดินทางไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นความภาคภูมิใจของชาวปูซาน ที่นั่นก็คือ “Nurimaru Apec House” คำว่า “Nuri” หมายถึง โลก และ “Maru” หมายถึงสุดยอด หรือการประชุม ซึ่งที่นี่เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมเอเปค เมื่อปี 2005 ก่อสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2005 ใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ห้องประชุมที่เคยใช้ในการประชุม Apec ปี 2005        จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ตัวอาคารที่สร้างเป็นรูปโดมกลม กรุกระจกใสโดยรอบ ทำให้ภายในสว่างไสวตลอด และด้านในอาคารก็จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการประชุมเอเปค ปี 2005 ไว้ ไม่ว่าจะเป็น ชุดเสื้อผ้าที่ให้ผู้นำแต่ประเทศสวมใส่ อาหารที่นำมาเสิร์ฟ รูปภาพเมื่อครั้งประชุมเอเปค และมีห้องที่เคยใช้ในการประชุมและลงนาม มีการตั้งป้ายชื่อของแต่ละประเทศไว้ให้ได้ชมกัน และด้านนอกก็จัดเป็นนิทรรศการให้ได้ศึกษา

       แล้วเมื่อเดินออกมาด้านนอกอาคาร ก็มีการจัดทัศนียภาพอย่างสวยงาม มีมุมสวนอันร่มรื่นให้ได้เดิน หรือจะเลือกชมวิวชายทะเล มองเห็นประภาคารที่ตั้งเด่นเป็นสง่า และมองเห็นสะพานกวานกัลที่งดงามจากตรงนี้ด้วย

สวนดอกไม้อันงดงามในงานพฤกษ์ศาสตร์นานาชาติอ่าวซุนชอน 2013 ตระการตา “งานพฤกษ์ศาสตร์นานาชาติอ่าวซุนชอน 2013”

       ได้เที่ยวเมืองปูซานที่งดงามทางด้านชายทะเลแล้วจนเต็มอิ่มแล้ว เราออกเดินทางไปยัง “เมืองซุนชอน” (Suncheon) กันต่อ ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนทั่วโลก เพราะว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของ “งานพฤกษศาสตร์นานาชาติอ่าวซุนชอน 2013” ( Suncheon Bay Garden Expo 2013) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ที่ถ้าใครมาเยือนเกาหลีในช่วงนี้ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

เด็กเกาหลีแอ็คท่าถ่ายรูปกับดอกไม้ที่สวยงาม        ต้องมาเที่ยวชมความยิ่งใหญ่ อลังการตระการตา และความงดงามของงานพฤกษศาสตร์ฯ กันให้ได้ ภายในงานจัดแสดงมีพื้นที่กว้างใหญ่มากๆ และคนก็เยอะมากเช่นกัน เราออกเดินชมส่วนแสดงต่างๆ ที่ประกอบไป 3 ส่วนหลักๆ คือ สวนนานาชาติ มีพื้นที่ในการจัดงานประมาณ 564,000 ตร.ม. เป็นส่วนจัดแสดงสวนอันสวยงามจากประเทศต่างๆ 10 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยของเราก็ไปร่วมจัดแสดงสวนที่สวยงามด้วย และก็ยังมีส่วนการจัดแสดงสวนสวยต่างๆ 60 ธีม , ศูยน์แสดงพื้นที่ชุ่มน้ำ สนามเด็กเล่น นกน้ำ สวนสัตว์ สวนรุกขชาติ และสวนเกาหลี ประมาณ 253,000 ตร. รวมถึงมีในส่วนของนิทรรศการ,โรงภาพยนตร์ และ ฮอลล์สำหรับการเรียนรู้ระบบนิเวศวิทยา และส่วนสุดท้ายเป็นการจัดแสดงผลงานภาพวาดของเด็กๆ บนกระเบื้อง กว่า 140,000 รูป จาก 14 ประเทศทั่วโลก

ผลงานภาพวาดของเด็กๆ บนกระเบื้อง        เรียกว่าหากเดินเที่ยวงานพฤกษศาสตร์ฯ กันจนทั่วก็คงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน มุมไหนก็จะได้เห็นแต่สวนสวยๆ ดอกไม้นานาพันธุ์ที่สวยสดงดงาม และทัศนียภาพของวิวทิวทัศน์ที่รื่นรมย์ ได้อิ่มเอมใจกับความสดชื่นและสวยงามของสวนและดอกไม้สวยๆ มากมาย ทำให้เรามีความรู้สึกว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ในทริปนี้เลือกมาเที่ยวที่เกาหลี ซึ่งถ้าหากใครกำลังมีแผนเดินทางมาเที่ยวเกาหลีก็ห้ามพลาด อยากจะชวนให้มาเที่ยวที่ “งานพฤกษศาสตร์นานาชาติอ่าวซุนชอน 2013” ที่จะจัดถึง 20 ตุลาคมนี้ กันให้ได้ เพราะจะได้สัมผัสกับความงดงามที่น่าประทับใจมากมาย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีเพิ่มเติมได้ที่ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี โทร.0-2354-2080-1 หรือที่เว็บไซต์ //www.kto.or.th และการเดินทางไปเกาหลีมีหลายสายการบินให้บริการ เช่น สายการบินเอเชียน่า แอร์ไลน์ (ASIANA AIRLINES) โทร. 0-2263-8333 หรือที่เว็บไซด์ www.asiana-gsa.com

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *



//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000069760
Create Date :11 มิถุนายน 2556 Last Update :11 มิถุนายน 2556 21:48:15 น. Counter : 1595 Pageviews. Comments :0