bloggang.com mainmenu search
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ บริเวณหน้าค่ายตากสิน        อันที่จริงแล้ว เมืองไทยของเรานี้ก็นับว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้เลยก็ว่าได้ เพราะมีผลไม้อร่อยๆ ให้เลือกกินกันได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นฤดูฝนแบบนี้ ก็เป็นช่วงที่มีผลไม้หลากหลายชนิดที่ทยอยกันออกมาให้ได้ชิม ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน เงาะ ลองกอง สละ ฯลฯ

       ซึ่งหากว่าใครที่อยากจะกินบรรดาผลไม้ที่ว่ามานี้แล้ว “ตะลอนเที่ยว” ก็ขอแนะนำให้ไปเยือนที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง เพราะในช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่จะเปิดสวนผลไม้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมและชิมได้

       แต่ก่อนที่จะไปชมและชิมผลไม้อร่อยๆ ให้อิ่มหนำสำราญใจ ก็ขอแวะไปเที่ยวเสียหน่อย เพราะไหนๆ ก็ได้ออกมาสูดอากาศ พักผ่อนสบายๆ กันแล้ว โดยทริปนี้ขอเริ่มต้นการเดินทางกันที่ จ.จันทบุรี

แวะสักการะศาลหลักเมืองจันทบุรีเพื่อความเป็นสิริมงคล        สำหรับที่ จ.จันทบุรี นั้นถือเป็นเมืองที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน โดยตามหลักฐานแล้วได้รับการสันนิษฐานว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี เลยทีเดียว และโดยเฉพาะในช่วงเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และการกอบกู้เอกราชคืนจากพม่าของพระเจ้าตากสิน เมืองจันทบุรีก็มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างมากในฐานะที่เป็นเมืองศูนย์กลางในการกู้เอกราช

       ดังนั้น ในตัวเมืองจันทบุรีจึงมีการสร้าง “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ขึ้น เพื่อให้เป็นที่เคารพสักการะของชาวจันทบุรี และประชาชนทั่วไป จะได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของท่านที่ทำให้คนไทยมีประเทศไทยในทุกวันนี้

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล อันสวยงาม “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ตั้งอยู่บริเวณหน้าค่ายตากสิน ในตัวเมืองจันทบุรี ตัวศาลเป็นศาลทรงเก้าเหลี่ยม หลังคาเป็นรูปพระมาลายอดแหลม ภายในประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งหล่อด้วยทองเหลืองรมดำ ประทับนั่งทรงเมือง ผนังในภายในเขียนลายไทยพุ่มข้าวบิณฑ์ไว้อย่างสวยงาม

       มาสักการะพระบรมรูปฯ แล้ว ก็สังเกตดูว่ามีประชาชนทยอยเข้ามาจุดธูปเทียน ถวายดอกไม้กันไม่ขาดสาย บางคนก็นำของอื่นๆ มาถวายเป็นการแก้บน เลยลองสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำศาลว่าคนส่วนใหญ่ที่มาบนบานศาลกล่าวนั้นนิยมมาขอเรื่องอะไร ก็ได้รับคำตอบว่า สามารถขอท่านได้ทุกเรื่อง แต่ส่วนใหญ่จะนิยมมาขอเรื่องการงาน หรือการค้าขายที่ดิน ส่วนการแก้บนหรือการนำของมาถวายนั้น จะถวายเหล้าขาว มะขามเปียก และเกลือ

องค์แม่พระประดับพลอย และบริเวณภายในอาสนวิหารพระนางมารีอาฯ        จากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อมาสักการะ “ศาลหลักเมืองจันทบุรี” เพื่อความเป็นสิริมงคลในการท่องเที่ยวและการเดินทางในครั้งนี้

       อย่างที่บอกว่าเมืองจันทบุรีเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานก็ย่อมมีสิ่งของ หรือสถานที่โบราณให้ได้ชมกันอยู่แล้ว อย่างเช่นที่ “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในประเทศไทย

       จุดเริ่มต้นของโบสถ์แห่งนี้ ก็มาจากชาวญวนที่อพยพเข้ามาสู่แผ่นดินสยาม และมาตั้งหลักปักฐานในบริเวณนี้ ซึ่งชาวญวนกลุ่มนี้นับถือคริสต์ศาสนา และมีความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระเป็นเจ้า จึงได้มีการสร้างโบสถ์คาทอลิกขึ้น โดยการก่อสร้างโบสถ์นั้นมีประวัติในการก่อสร้างครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2254 ส่วนโบสถ์หลังปัจจุบันที่เห็นกันอยู่นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2446

กระจกสีสเตนกลาส รูปนักบุญในคริสตศาสนา        สถาปัตยกรรมของโบสถ์เป็นแบบโกธิค ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส ประดับประดาเป็นภาพนักบุญในคริสต์ศาสนา ภาพที่กระจกสีต่างๆ ส่องสะท้อนกับแสงสว่างภายนอกนั้นช่างสวยงามเสียเหลือเกิน สีสันต่างๆ ที่ตัดกันแสดงถึงความสามารถของช่างที่สรรสร้างสถาปัตยกรรมแบบนี้ขึ้นมา และยังให้ความรู้สึกสงบใจเมื่อได้มอง

       ภายในโบสถ์ก็ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามเช่นกัน บริเวณพระแท่นตกแต่งแบบโกธิค พื้นปูด้วยหินอ่อน บริเวณเหนือพระแท่นบูชา มีรูปกางเขนและพระรูปพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล องค์ประธานของวัดตั้งตระหง่านอย่างงดงาม รวมทั้งรูปปั้นของนักบุญยออากิม และนักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีด้วย และด้วยความสวยงามของอาสนวิหารแห่งนี้ จึงได้รับรางวัลอนุรักษ์อาคารดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2542 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชินูปถัมภ์

โบราณสถานค่ายเนินวง        สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างภายในโบสถ์ก็คือ “องค์แม่พระประดับพลอย” สร้างขึ้นจากเงินบริสุทธิ์ ทองคำบริสุทธิ์และประดับประดาด้วยพลอยเมืองจันท์ และยิ่งมีความงดงามมากขึ้นไปอีกก็เพราะองค์แม่พระสร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจ และความศรัทธาของชาวชุมชนที่ร่วมกันบริจาค

       ส่วนอีกแห่งหนึ่งที่กำลังจะไปเยือนนี้ก็มีความเป็นมายาวนานแล้วเช่นกัน เพราะเป็นค่ายที่สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อเป็นชัยภูมิในการตั้งรับศึกญวนที่จะมาทางทะเล ซึ่งบริเวณนี้มีชื่อว่า “ค่ายเนินวง” เมื่อขับรถผ่านเข้ามาทางด้านหน้า จะเห็นกำแพงสูงถึง 6 เมตร มีป้อม คูเมือง และประตูเมืองล้อมรอบอยู่ทั้ง 4 ทิศ ช่วงที่ “ตะลอนเที่ยว” เดินทางไปถึงนั้น เป็นตอนที่ฝนเพิ่งขาดเม็ดไป ทำให้บรรยากาศภายในค่ายเนินวงเย็นสดชื่น เดินดูบริเวณรอบๆ ได้สบายใจสบายตา

สาธิตการทำงานของนักดำน้ำที่ทำงานใต้ท้องทะเล        และเมื่อมาถึงค่ายเนินวงแล้ว ก็ต้องเข้าไปต่อที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี” ซึ่งตั้งอยู่ภายในค่ายนั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห้งนี้สร้างขึ้นเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับน้ำ โดยจะเห็นได้จากการจัดแสดงภายในที่มีเรื่องราวของการคมนาคมขนส่งทางน้ำ การค้าขายและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองต่างๆ

       ซึ่งการจัดแสดงนั้นจะแบ่งออกเป็น 6 ห้อง โดยเริ่มต้นกันจากห้องจัดแสดงสินค้าและวิถีชีวิตชาวเรือ อันมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ “เรือบรรพนาวิน” เรือสำเภาลำใหญ่ที่จำลองมาให้เห็นอยู่ภายในห้องแรกนี่เอง ทำให้ได้เห็นว่า สภาพการใช้ชีวิตของชาวเรือสำเภาที่เข้ามาติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ภายในเรือมีอะไรบ้าง และชาวเรือเขาทำงานกันอย่างไร

เรือบรรพนาวิน จำลองเรือสำเภาโบราณให้ได้ชม        ตามมาติดๆ ด้วยห้องแนะนำปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำ ที่จะอธิบายว่างานโบราณคดีใต้น้ำคืออะไร มีการทำงานอย่างไร ซึ่งเราสามารถชมวัตถุโบราณที่ขุดค้นขึ้นมาได้จากแหล่งเรือจมในน่านน้ำอ่าวไทยที่ห้องคลังเก็บโบราณวัตถุ

       ส่วนที่ห้องแสดงเรือและชีวิตชาวเรือ จะรวบรวมเรือประเภทต่างๆ ที่มีในประเทศไทย อาทิ เรือผีหลอก เรือหมู เรือประทุน รวมไปถึงเรือรบ และเรือพระราชพิธีอีกด้วย

       ปิดท้ายที่สองห้องสุดท้าย ห้องของดีเมืองจันท์ และห้องบุคคลสำคัญ ที่จะแสดงให้ได้เห็นถึงของดีต่างๆ ที่อยู่ในเมืองจันทบุรี เริ่มจากการก่อตั้งเมืองจันทบุรี ชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม สถานที่ท่องเที่ยว ผลไม้ต่างๆ และพลอยเมืองจันท์อันลือชื่อ

เดินเล่นกลางทุ่งโปร่งทอง        จากจันทบุรี เราเดินทางต่อกันมาที่ จ.ระยอง ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งผลไม้เช่นกัน แต่ก่อนอื่นนั้นขอแวะมาเที่ยวกันแถวปากน้ำประแสกันก่อน ที่ ต.ปากน้ำประแส ตั้งอยู่ใน อ.แกลง จ.ระยอง เป็นชุมชนริมแม่น้ำตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีอาชีพทำนากุ้ง เลี้ยงปลาน้ำกร่อย ทำการเกษตร และทำประมง ด้วยพื้นที่ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลและเป็นปากแม่น้ำจึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ และเกิดเป็นสถานที่ท่องเทียวที่ไม่ควรพลาด ดังเช่น “ทุ่งโปรงทอง”

       ทุ่งโปรงทองเป็นทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยต้นโปรง ใบของต้นโปรงนั้นมีสีเขียวอมเหลืองสดใส เมื่ออยู่รวมกันเป็นจำนวนมากๆ จึงทำให้ทุ่งกว้างแห่งนี้กลายเป็นสีทองสว่างสดใส มองไปแล้วก็สดชื่นตื่นตาตื่นใจ ยิ่งหากมาในตอนที่แสงแดดสาดส่องแล้วละก็ ยิ่งทำให้ทุ่งแห่งนี้กลายเป็นสีทองระยิบระยับไปเลยทีเดียว

อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส        ชาวบ้านที่นี่ช่วยกันสร้างสะพานไม้เอาไว้เดินชมและศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน โดยสะพานนี้มีระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เริ่มต้นจากชุมชน ผ่านป่าชายเลน ทุ่งโปรงทอง จนไปสิ้นสุดที่ชายทะเล และที่พิเศษสุดก็คือ ป่าชายเลนบริเวณนี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่อย่างมาก จนเป็นที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อยจำนวนมาก ที่จะออกมาส่งแสงวิบวับในยามค่ำคืน ใครที่สนใจเจ้าแมลงตัวน้อยนี้ก็มาล่องเรือชมความงามได้ในช่วงค่ำ

พระรูปพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์        จากปากน้ำ มาป่าชายเลย จบที่ชายหาดประแส ก็ต้องแวะมาที่ “อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส” อันเป็นความภาคภูมิใจของชาวตำบลปากน้ำประแสที่ได้มีส่วนร่วมช่วยกันตั้งอนุสรณ์เรือหลวงประแสไว้บริเวณปากน้ำประแสแห่งนี้

       เรือรบหลวงประแสได้เข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี ต่อมาเมื่อปลดประจำการ ทางเทศบาลตำบลปากน้ำประแสจึงขอรับเรือรบหลวงประแสมาตั้งเป็นอนุสรณ์ไว้เมื่อปี พ.ศ.2546 เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมบนตัวเรือได้ด้วย

เดินชมผลไม้ในสวนโถทอง        และสำหรับชาวเรือทั้งหลาย ก็ควรต้องมาสักการะ “ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” หรือเสด็จเตี่ย ผู้ทรงเป็นที่เคารพนับถือของชาวเรือไม่ว่าภาคไหนๆ พระองค์ได้ชื่อว่าเป็น "พระบิดาแห่งทหารเรือ" และก่อนที่ชาวประมงจะออกเรือไปหาปลาก็จะต้องมากราบสักการะขอพรจากท่านให้อยู่รอดปลอดภัยและเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

ชมและชิมผลไม้รสชาติดี        หลังจากเที่ยวกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาไปตะลุยสวนผลไม้ ชมและชิมของอร่อยกันเสียที ซึ่งสวนผลไม้ที่เปิดให้เข้าไปชมและชิมทั้งที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง ก็มีหลากหลายแห่ง แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด ก็ขอเลือกสองแห่งนี้มาเป็นน้ำจิ้มให้ได้ลิ้มลองกันก่อน

“สวนโถทอง” อ.เมือง จ.จันทบุรี เป็นสวนผลไม้ที่เปิดให้เข้าชมได้ภายใน ซึ่งสวนนี้มีทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด และลองกอง ให้ได้ชมได้ชิมกัน เริ่มต้นการชมสวนจากการเข้าไปเดินชมผลไม้ตามต้น อากาศเย็นๆ ร่มรื่น เดินเหนื่อยๆ กลับมาก็มีผลไม้ที่ทางสวนเก็บมาเตรียมไว้ให้ชิมกันได้ไม่อั้น ใครอยากกินอะไร อยากกินแค่ไหนก็ได้ตามใจชอบ (ราคาค่าเข้าสอบถามโดยตรงจากสวน)

นั่งรถรางทัวร์สวนผลไม้สุภัทราแลนด์        ส่วนที่ “สวนผลไม้สุภัทราแลนด์” อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นสวนผลไม้ที่เปิดให้เข้าชมด้วยเช่นกัน แต่ที่นี่จะเป็นสวนขนาดใหญ่ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเข้าชมโดยนั่งรถรางผ่านไปยังสถานีต่างๆ เริ่มจากสถานีแรกที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเก็บเงาะจากต้นลงมาชิมกันได้เลย เห็นหลายๆ คนก็ตื่นเต้นเป็นอันมาก บางคนก็เพิ่งมีโอกาสกินเงาะสดๆ จากต้นแบบนี้เป็นครั้งแก ทั้งกรอบหวานอร่อย กินกันแบบเพลิดเพลินเลยทีเดียว

       แต่ใครที่อยากกินผลไม้อื่นๆ บ้าง ก็ต้องไปที่สถานีบุฟเฟ่ต์ผลไม้ ที่ทางสวนจะเตรียมผลไม้ต่างๆ ไว้ให้ลองชิม มีทั้งเงาะ มังคุด ลองกอง สละ สับปะรด ชมพู่ มะม่วง ฯลฯ แต่จุดที่เป็นที่สนใจมากที่สุดก็คือ ซุ้มทุเรียน ที่มีคนไปรอต่อคิวชิมทุเรียนกันไม่ขาดสาย

ทำกิจกรรมเก็บผลไม้มากินเอง        นั่งรถรางลัดเลาะผ่านสวนผลไม้ ไปยังสถานีชิมน้ำผึ้ง สถานีส้มตำไทยบุฟเฟ่ต์ และสลัดผักบุฟเฟ่ต์ จนกระทั่งจบกิจกรรมการทัวร์ ใครที่อยากได้ผลไม้กลับไปกินต่อที่บ้านก็สามารถแวะซื้อกันได้ที่จุดบริการของฝาก

       เที่ยวกันจนเพลิน และอิ่มหนำสำราญกับผลไม้สดๆ จากสวนอย่างเต็มอิ่มแบบนี้ ต้องบอกว่ามาเที่ยวที่ภาคตะวันออกของไทยนี้ช่างมีสีสันเสียจริงเชียว

บุฟเฟ่ต์ผลไม้ กินได้เต็มอิ่ม        * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ตั้งอยู่บนถนนท่าหลวง บริเวณหน้าค่ายตากสิน อ.เมือง จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. ส่วน “ศาลหลักเมืองจันทบุรี” ตั้งอยู่ติดกับศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.

“พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี” ตั้งอยู่ภายในบริเวณค่ายเนินวง ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมวันพุธ-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะ โทร. 0-3939-1431

“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” ตั้งอยู่ภายในบริเวณโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ ถนนสันติสุข อ.เมือง จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. สามารถเข้าเยี่ยมชมและถ่ายภาพได้ (ยกเว้นช่วงพิธีมิสซาประจำวัน เวลา 06.00-07.00 น. และ 18.30-19.45 น.) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเข้าชมเป็นหมู่คณะ โทร. 0-3931-1578

“ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” ตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำประแส เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.

“สวนโถทอง” ตั้งอยู่ที่ ต.คมบาง อ.เมือง จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน เวลา 08.00-17.00 น. โทร. 0-3945-9339

“สวนผลไม้สุภัทราแลนด์” ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชมสวนและชิมผลไม้ในสวน คนไทย 300 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-3889-2048-9, 08-6998-6075 หรือที่ //suphattraland.surprisethailand.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง (ดูแลพื้นที่ จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี) โทร. 0-3865-5420-1, 0-3866-4585

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000067178
Create Date :04 มิถุนายน 2556 Last Update :4 มิถุนายน 2556 20:42:03 น. Counter : 1404 Pageviews. Comments :0