ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป และราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ในทางบวกที่ว่า ผู้กำหนดนโยบายของยุโรปสามารถควบคุมวิกฤติหนี้ไซปรัสไม่ให้ลุกลามออกไปได้

ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับขึ้น 80 เซนต์ มาปิดตลาดที่ 92.96 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ สู่ 108.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เฟดปิดการประชุมในวันพุธด้วยการประกาศเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สหรัฐอย่างแข็งกร้าวต่อไป โดยเฟดระบุว่าเฟดจะพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกิดจากนโยบายของเฟด และจะพิจารณาถึงระดับความก้าวหน้าในการปรับลดอัตราการว่างงานลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ไซปรัสกำลังขอเงินกู้ก้อนใหม่จากรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายทางการเงิน หลังรัฐสภาไซปรัสปฏิเสธเงื่อนไขในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของสหภาพยุโรป (อียู)

นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุน หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบดิ่งลง 1.31 ล้านบาร์เรล สู่ 382.7 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 672,000 บาร์เรล สู่ 119.8 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินรูดลง 1.48 ล้านบาร์เรล สู่ 222.8 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 2.5 % สู่ 83.5%

ขณะที่นายโอลิวิเยร์ จาค็อบ นักวิเคราะห์น้ำมันของบริษัทปิโตรแมทริกซ์กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวรับอยู่ที่ 107.50 และ 107.00 ดอลลาร์ ด้านดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินร่วงลง 0.3 % ในวันพุธ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์มักจะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน

//www.kaohoon.com/